หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
รวมข่าว บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

Redirect คืออะไร มีกี่ประเภท แต่ละแบบแตกต่างกันอย่างไร?

โพสท์โดย tothemoon555

การทำ Redirect คือเทคนิคการทำ SEO ที่ช่วยให้เว็บไซต์ไม่เสียทราฟฟิกและคงไว้ในอันดับที่สร้างมา เหมือนเป็นการปูพรมให้ Google เดินไปยังหน้าที่คุณต้องการนั่นเอง

ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่เพิ่งเริ่มสร้างเว็บหรือเป็นเจ้าของธุรกิจที่ดูแลเว็บของตัวเอง นอกจากการสร้างหน้าเว็บไซต์ที่อยากจะมีแล้ว การเข้าใจว่า Redirect คืออะไร? ทำงานอย่างไร? ถือเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะมันไม่ใช่แค่เรื่องของเปลี่ยนแปลงเส้นทางเท่านั้น แต่ยังส่งผลโดยตรงต่อประสบการณ์ของผู้ใช้ (UX) และอันดับ SEO บน Google อีกด้วย

บทความนี้จะพาคุณไปรู้จัก Redirect แบบเข้าใจง่าย พร้อมยกตัวอย่างเคสต่าง ๆ ที่ต้องทำการ Redirect ประเภทของการทำ Redirect และข้อควรระวังก่อนใช้เครื่องมือ Redirection ที่คุณห้ามพลาด!


ทำความรู้จักกับ Redirect คืออะไร สำคัญต่อ SEO อย่างไร

Redirect แปลว่ากระบวนการเปลี่ยนเส้นทางผู้ใช้งานหรือบอทของ Search Engine จาก URL หนึ่งไปยังอีก URL หนึ่งโดยอัตโนมัติ ยกตัวอย่างเช่น เมื่อผู้ใช้งานคลิกเข้าหน้าเว็บที่ถูกลบไปแล้ว แต่ระบบพาไปยังหน้าใหม่ที่เกี่ยวข้องแทน

การทำ Redirect มักเกิดขึ้นเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเว็บไซต์ เช่น เปลี่ยน URL ของหน้าเว็บ, ปรับปรุงคอนเทนต์, ย้ายเว็บไซต์ไปโดเมนใหม่ หรือแม้กระทั่งตอนลบหน้าที่ไม่จำเป็นออกจากระบบ เพื่อไม่ให้เกิดหน้า 404 ที่ทำให้ผู้ใช้หลุดออกจากเว็บ

Redirect ไม่ได้เป็นแค่เรื่องของการเปลี่ยนทางผู้ใช้งานเท่านั้น แต่ยังมีบทบาทสำคัญกับอันดับของเว็บไซต์ในผลการค้นหา (SEO) อีกด้วย เช่น


ทำไมจำเป็นต้องทำการ Redirect

สำหรับคนทำเว็บหรือดูแล SEO หนึ่งในคำที่คุณจะได้ยินบ่อยมากคือ Redirect ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องของการเปลี่ยนเส้นทางลิงก์เท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เว็บไซต์ทำงานได้อย่างราบรื่น ป้องกันข้อผิดพลาด และรักษาอันดับ SEO ได้ด้วย

แต่คำถามคือ เมื่อไหร่ล่ะที่เราควรทำ Redirect? ไม่ใช่ทุกครั้งที่เปลี่ยนอะไรในเว็บจะต้อง Redirect เสมอไป แต่ถ้าเจอสถานการณ์เหล่านี้ บอกเลยว่า “จำเป็นต้องทำ” เพื่อป้องกันทั้งปัญหา UX และอันดับ SEO หาย


Redirect แบ่งออกเป็นกี่ประเภท 

เรามาทำความเข้าใจเรื่อง Redirect ให้ลึกขึ้นอีกนิด เพราะ Redirects ไม่ได้มีแค่แบบเดียว และแต่ละประเภทก็ส่งผลต่อการทำงานของเว็บไซต์ รวมถึง SEO แตกต่างกันไป หากเลือกใช้ไม่เหมาะสม นอกจากผู้ใช้งานจะงง Google ก็อาจจะสับสนตาม และนั่นหมายความว่า อันดับอาจตกแบบไม่รู้ตัว


ข้อควรระวังก่อนทำ Redirect 

แม้การทำ Redirect จะเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เว็บไซต์ราบรื่นทั้งในด้านการใช้งานและ SEO แต่ถ้าใช้ผิดวิธี ก็อาจทำให้เว็บช้า อันดับตก หรือเกิดปัญหาที่แก้ยากในระยะยาวได้ เพื่อให้การทำงานของ Redirect ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากที่สุด เราลองมาดูข้อควรระวังเหล่านี้กันเลย

การ Redirect จาก URL A → B → C → D ไม่ใช่เรื่องดี เพราะมันจะเพิ่มเวลาการโหลดหน้า และ Googlebot อาจหยุดตามลิงก์ก่อนถึงจุดหมาย การทำ Redirect ที่ดีควรทำจาก URL ต้นทางไปยังปลายทางทันที (A → D)

กรณีที่ URL A Redirect ไป B แล้ว B กลับ Redirect กลับไป A (วนลูป) จะทำให้หน้าเว็บโหลดไม่สำเร็จ ทั้งผู้ใช้และ Googlebot ก็ไปไม่ถึงหน้าเป้าหมาย

ใช้ 301 Redirect เมื่อย้ายแบบถาวร และ 302/307 Redirect เมื่อย้ายชั่วคราว หากใช้ผิดประเภท Google อาจไม่ย้ายค่าคะแนน SEO ไปตามหน้าที่ต้องการ

แม้ว่าจะทำ Redirect แล้ว แต่ถ้ายังมีลิงก์ภายในเว็บที่ชี้ไปยัง URL เก่าอยู่ จะทำให้ Google และผู้ใช้ต้องโหลดผ่าน Redirect ทั้งที่ไม่จำเป็น ให้ทำการเปลี่ยนลิงก์ทั้งหมดให้ชี้ไปยัง URL ใหม่โดยตรง เพื่อความเร็วและประสิทธิภาพ SEO

อย่าแค่รู้ว่า Redirect แล้ว แต่ต้องดูว่าเว็บตอบกลับด้วย status code อะไร เช่น 301, 302, 404 ฯลฯ เพราะอาจเกิดการตั้งค่าผิดได้

หาก Redirect จากหน้า A ที่มีเนื้อหาเฉพาะ ไปยังหน้า B ที่ไม่เกี่ยวข้องเลย จะทำให้ผู้ใช้สับสน และ Google มองว่าเว็บคุณไม่ตรงความต้องการ ดังนั้น ควรทำ Redirect ไปยังหน้าที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกันมากที่สุด

หลายคนย้ายเว็บหรือปรับโครงสร้าง แล้ว Redirect ทุกหน้าที่หายไปไปยังหน้าแรกทั้งหมด ซึ่ง Google ถือว่าเป็น bad practice ควรทำ Redirect ในแต่ละหน้าให้ไปยังหน้าที่มีเนื้อหาใกล้เคียงมากที่สุดแทน


สรุป Redirect เครื่องมือที่คนทำเว็บไซต์ต้องรู้!

Redirect คือกระบวนการเปลี่ยนเส้นทางของ URL จากหน้าเว็บหนึ่งไปยังอีกหน้าเว็บหนึ่งโดยอัตโนมัติ เช่น เมื่อผู้ใช้หรือ Googlebot พยายามเข้าหน้า A แต่ระบบพาไปหน้า B แทน นั่นหมายถึงมีการทำ Redirect เกิดขึ้น ซึ่งมีอยู่หลายประเภท เช่น 301 (ถาวร), 302 (ชั่วคราว) เป็นต้น

การทำ URL Redirection ถูกใช้ในการรักษาอันดับ SEO เพราะหากไม่มีการจัดการ Redirect อย่างถูกต้อง อาจทำให้เว็บไซต์เสียคะแนน SEO จากลิงก์เดิมที่เคยมี Backlink อยู่ และเกิดประสบการณ์ผู้ใช้ที่ไม่ดี เพราะคลิกแล้วเจอหน้าเสียหรือหน้าเปล่า จนทำให้ Google ลดอันดับในหน้าผลการค้นหา เพราะเว็บไซต์มี error มากเกินไป

เนื้อหาโดย: tothemoon555
Tags  redirect
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
tothemoon555's profile


โพสท์โดย: tothemoon555
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ทรัมป์ด่าปูตินยับ!! หลังรัสเซียยิงถล่มยูเครนครั้งใหญ่
กระทู้อื่นๆในบอร์ด โฆษณา ประชาสัมพันธ์
เงินกู้นอกระบบคืออะไร อันตรายไหม มีความเสี่ยงอะไรบ้าง?ทำไมเบี้ยประกันรถยนต์ราคาแตกต่างกัน จ่ายอย่างไรให้คุ้มค่าต่อพ.ร.บ. รถยนต์ใช้เอกสารอะไรบ้าง? เตรียมให้พร้อมไม่เสียเวลาจะทำเลสิคที่ไหนดี มีปัจจัยอะไรบ้างที่คุณควรทราบก่อนตัดสินใจ
ตั้งกระทู้ใหม่