ทำไมเบี้ยประกันรถยนต์ราคาแตกต่างกัน จ่ายอย่างไรให้คุ้มค่า
เบี้ยประกันรถยนต์ราคาไม่เท่ากันเพราะอะไร? รวมเหตุผลที่ส่งผลต่อค่าเบี้ย วิธีลดค่าใช้จ่ายโดยไม่ลดความคุ้มครอง พร้อมเทคนิคเลือกให้คุ้มค่า
หลายคนที่กำลังเลือกซื้อประกันภัยรถยนต์อาจสงสัยว่าทำไม เบี้ยประกันรถยนต์ถึงไม่เท่ากัน ทั้งที่ใช้รถรุ่นเดียวกันหรือเลือกความคุ้มครองใกล้เคียงกัน ความจริงแล้วเบี้ยประกันไม่ได้ขึ้นอยู่แค่ประเภทของกรมธรรม์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงหลายปัจจัยส่วนตัวที่บริษัทประกันใช้คำนวณเบี้ย โดยวันนี้จะมานำเสนอให้คุณเข้าใจสิ่งที่ทำให้เบี้ยถูกหรือแพง และวิธีจ่ายให้คุ้มที่สุด
เบี้ยประกันรถยนต์คืออะไร
เบี้ยประกันรถยนต์คือจำนวนเงินที่เจ้าของรถต้องจ่ายให้กับบริษัทประกันภัย เพื่อแลกกับความคุ้มครองตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ ซึ่งสามารถจ่ายเป็นรายปีหรือแบ่งจ่ายรายงวดก็ได้ โดยราคาจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ระดับความคุ้มครอง ความเสี่ยงในการขับขี่ มูลค่าของรถ และประเภทประกันที่เลือก
เพราะอะไรราคาเบี้ยประกันจึงถูกหรือแพงต่างกัน
1. ประเภทของประกัน
ประกันชั้น 1 จะมีค่าเบี้ยแพงที่สุด เพราะให้ความคุ้มครองครอบคลุมทั้งรถผู้เอาประกัน คู่กรณี รถหาย ไฟไหม้ หรืออุบัติเหตุแบบไม่มีคู่กรณี ส่วนประกันชั้น 2+ หรือ 3+ จะมีความคุ้มครองน้อยลง และมีราคาถูกลงตามลำดับ
2. รุ่นและมูลค่ารถยนต์
รถรุ่นใหม่ รถราคาสูง หรือมีค่าซ่อมแพง จะมีค่าเบี้ยสูงกว่ารถรุ่นเก่าหรือรถราคาถูก เพราะความเสี่ยงและภาระที่บริษัทประกันต้องรับสูงกว่า
3. พฤติกรรมและประวัติการขับขี่
หากคุณเป็นผู้ขับที่มีประวัติเคลมบ่อยหรือเคยเกิดอุบัติเหตุมาแล้ว ค่าเบี้ยประกันจะสูงขึ้นตามความเสี่ยง
4. การใช้รถและพื้นที่ใช้งาน
รถที่ใช้ขับขี่ในเขตเมืองหรือขับทุกวันย่อมมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุมากกว่ารถที่ใช้เป็นครั้งคราวหรือจอดเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นจึงมีค่าเบี้ยต่างกัน
วิธีลดเบี้ยประกันแบบไม่ลดความคุ้มครอง
แม้ว่า เบี้ยประกันรถยนต์จะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายด้าน แต่เจ้าของรถสามารถเลือกวิธีลดเบี้ยโดยไม่ลดความคุ้มครองได้
1. เลือกจ่ายค่าเสียหายส่วนแรก (Excess / Deductible)
การยอมรับจ่ายค่าซ่อมบางส่วนด้วยตัวเองในกรณีเกิดอุบัติเหตุจะช่วยลดเบี้ยประกันลงได้ทันที เพราะบริษัทประกันจะรับความเสี่ยงน้อยลง เหมาะสำหรับผู้ที่มั่นใจในทักษะการขับขี่และไม่ค่อยมีประวัติการเคลม
2. ระบุชื่อผู้ขับขี่ในกรมธรรม์
หากรถมีผู้ขับขี่หลักแน่นอน เช่น ขับคนเดียวหรือเป็นคนในครอบครัวไม่กี่คน การระบุชื่อผู้ขับขี่จะทำให้บริษัทประกันเสนอเบี้ยประกันที่ถูกกว่าการไม่ระบุชื่อซึ่งถือว่ามีความเสี่ยงมากกว่า
3. เลือกซื้อประกันผ่านช่องทางออนไลน์หรือโบรกเกอร์
ปัจจุบันมีแพลตฟอร์มเปรียบเทียบประกันมากมายที่ให้ส่วนลดพิเศษ โปรโมชั่นเพิ่มเติม อีกทั้งยังสะดวก รวดเร็ว และสามารถเปรียบเทียบราคาจากหลายบริษัทได้ในที่เดียว
4. รักษาประวัติการขับขี่ให้ดี (No Claim Bonus)
หากคุณไม่มีการเคลมประกันในปีที่ผ่านมา บริษัทประกันมักจะให้ส่วนลดพิเศษในปีถัดไป ซึ่งเรียกว่า No Claim Bonus ดังนั้นการขับรถอย่างระมัดระวังและไม่เกิดอุบัติเหตุจะช่วยประหยัดค่าเบี้ยได้ในระยะยาว
เปรียบเทียบเบี้ยประกันก่อนซื้อให้คุ้มค่าที่สุด
ก่อนตัดสินใจซื้อหรือต่ออายุประกันควรเปรียบเทียบ เบี้ยประกันรถยนต์จากหลายบริษัท พร้อมพิจารณาความคุ้มครองที่ได้รับ เช่น จำนวนเงินคุ้มครอง ความคุ้มครองเพิ่มเติม และบริการหลังการขาย
อย่าตัดสินใจจากราคาเพียงอย่างเดียว เพราะบางกรมธรรม์อาจมีเบี้ยถูก แต่ให้ความคุ้มครองน้อยหรือมีข้อยกเว้นมาก การเลือกแบบที่ราคาพอดีแต่ให้ความคุ้มครองครอบคลุมจะช่วยให้คุณจ่ายน้อยกว่าในระยะยาวได้
เบี้ยประกันรถยนต์อาจแตกต่างกันไปตามหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นประเภทกรมธรรม์ อายุรถ ประวัติผู้ขับขี่ หรือแม้แต่รูปแบบการใช้งาน แต่เจ้าของรถสามารถวางแผนจ่ายเบี้ยให้คุ้มค่าได้ด้วยการเลือกประกันที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ ระบุผู้ขับขี่ที่ชัดเจน และเปรียบเทียบความคุ้มครองอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจ การรู้เท่าทันเรื่อง เบี้ยประกันรถยนต์จะช่วยให้คุณจ่ายอย่างชาญฉลาดและได้ความคุ้มครองที่คุ้มค่าที่สุดในทุกการเดินทาง

















