ฟิลเลอร์ คืออะไร? รู้ลึกทุกเรื่องก่อนตัดสินใจฉีด
ฟิลเลอร์ คืออะไร? รู้ลึกทุกเรื่องก่อนตัดสินใจฉีด
ฟิลเลอร์ (Filler) คืออะไร
ฟิลเลอร์ คือ สารเติมเต็มในกลุ่ม Hyaluronic Acid หรือ HA ที่นำมาใช้ฉีดเข้าสู่ผิวหนัง เพื่อแก้ไขข้อบกพร่องด้านรูปร่างใบหน้า เช่น ร่องลึก ความแบน ขาดมิติ หรือความไม่สมดุลของโครงหน้า จุดเด่นของฟิลเลอร์ไม่ใช่แค่การเติมเต็มเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่นของผิว เนื่องจาก HA เป็นสารที่มีอยู่ในร่างกายตามธรรมชาติ จึงสามารถสลายได้เองโดยไม่ทิ้งสารตกค้าง
ประเภทของฟิลเลอร์ (Filler)
- ฟิลเลอร์แบบถาวร (Permanent Filler)
เป็นฟิลเลอร์รุ่นเก่าที่ไม่สามารถสลายตัวได้เอง เช่น ซิลิโคนเหลว หรือพาราฟิน ซึ่งแม้จะให้ผลลัพธ์ในทันที แต่เสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงในระยะยาว เช่น การอักเสบ เป็นหนอง หรือจับตัวเป็นก้อน หากต้องการนำออกจำเป็นต้องผ่าตัดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น ปัจจุบันฟิลเลอร์ชนิดนี้ไม่ได้รับการแนะนำให้ใช้อย่างแพร่หลาย
- ฟิลเลอร์แบบชั่วคราว (Non-Permanent Filler)
เป็นฟิลเลอร์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน โดยผลิตจาก Hyaluronic Acid ซึ่งร่างกายสามารถสลายเองได้ตามธรรมชาติ ฟิลเลอร์กลุ่มนี้ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาหลายประเทศ มีความปลอดภัยสูง และสามารถปรับปริมาณหรือละลายออกได้หากต้องการแก้ไข
ชนิดของฟิลเลอร์ตามเนื้อสัมผัส
- ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด (Soft & Fine Texture)
คุณสมบัติ
มีลักษณะเจลที่บางเบา ใส เหลว และนิ่มมากที่สุด ให้สัมผัสคล้ายเจลน้ำ มีความหนืดต่ำ เหมาะสำหรับการฉีดในผิวชั้นตื้น เนื่องจากสามารถกระจายตัวได้ดีและไม่เป็นก้อน
บริเวณที่เหมาะกับการใช้
- ใต้ตา (ลดเบ้าลึกและความหมองคล้ำ)
- ร่องเล็ก ๆ บนใบหน้า เช่น รอยเหี่ยวย่นมุมปาก มุมตา
- เพิ่มความชุ่มชื้นบริเวณผิวแห้งบางจุด
- ปรับคุณภาพผิวให้ดูสดใส อิ่มฟู
ข้อดี
- ดูเป็นธรรมชาติสูง
- เหมาะกับงานผิวและการเติมเต็มละเอียด
- โอกาสเกิดก้อนหรือไตต่ำ
- ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม (Soft Texture)
คุณสมบัติ
เจลมีเนื้ออ่อนนุ่ม ยืดหยุ่นต่ำ มีความคงตัวไม่สูงมาก เหมาะกับการเติมเต็มเฉพาะจุดในชั้นผิวที่ไม่ลึกนัก และบริเวณที่ไม่ได้เคลื่อนไหวมาก เช่น บริเวณหน้าผาก หรือแนวรอยเล็ก ๆ
บริเวณที่เหมาะกับการใช้
- รอยริ้วรอยเล็ก ๆ
- ผิวตื้น ๆ ที่ไม่ต้องการแรงยกหรือความคงตัวสูง
ข้อดี
- เติมเต็มง่าย
- ไม่แข็งเกินไป เหมาะกับใบหน้าที่ต้องการความละมุน
- ฟิลเลอร์เนื้อกลาง (Medium Texture)
คุณสมบัติ
เนื้อเจลมีความหนืดระดับปานกลาง ให้สัมผัสนุ่มแน่น ยืดหยุ่นดีพอสมควร คงรูปได้ระดับหนึ่ง เหมาะกับบริเวณที่ต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจนแต่ยังดูเป็นธรรมชาติ
บริเวณที่เหมาะกับการใช้
- แก้ม
- หน้าผาก
- ขมับ
- ร่องแก้ม
- ปาก (กรณีที่ต้องการรูปปากอวบอิ่มชัดเจน)
ข้อดี
- ใช้งานได้หลากหลาย
- เหมาะกับคนที่ต้องการเติมวอลลุ่มพร้อมความเป็นธรรมชาติ
- ช่วยให้ใบหน้าดูละมุน มีวอลลุ่ม และสมดุล
- ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง (Firm or Hard Texture)
คุณสมบัติ
เจลมีความหนาแน่นและความหนืดสูงสุด คงรูปได้ดีมาก มีแรงยกและแรงประคองที่เด่นชัด ใช้สำหรับการเสริมสร้างโครงสร้างใบหน้า หรือบริเวณที่ต้องการความแข็งแรงและมิติที่ชัดเจน
บริเวณที่เหมาะกับการใช้
- คาง (สำหรับคนที่มีคางสั้น คางตัด)
- กราม (ช่วยเน้นกรอบหน้าให้คมชัด)
- โหนกแก้ม (เพิ่มความโดดเด่นของโหนกแก้ม)
- จมูก (บางกรณีต้องการปรับสันเบา ๆ)
ข้อดี
- ให้โครงหน้าคมชัดทันที
- คงตัวสูง เหมาะกับงานโครงสร้าง
- ไม่ไหลง่ายเมื่ออยู่ในตำแหน่งที่ต้องรับแรงเยอะ
บริเวณที่สามารถฉีดฟิลเลอร์ได้
- หน้าผาก: เพิ่มความโหนกนูน ให้ใบหน้ามีมิติ
- ขมับ: แก้ไขขมับตอบ ลดโหนกแก้ม ดูอ่อนหวานขึ้น
- ใต้ตา: ลดรอยคล้ำ เบ้าตาลึก ถุงใต้ตา
- แก้ม: แก้มตอบ แก้มแบน เติมเต็มหน้าเด็ก
- ร่องแก้ม: ลดริ้วรอย ทำให้ใบหน้าอ่อนเยาว์
- ปาก: แก้ปากบาง ปากไม่สมดุล เพิ่มความอวบอิ่ม
- คาง: ปรับคางให้ยาวขึ้น คางตัด คางบุ๋ม
- กรอบหน้า: เพิ่มความคมชัด เสริมโครงหน้า
ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์
- ใช้เวลาในการทำไม่นาน
- ไม่ต้องพักฟื้น
- ไม่ต้องผ่าตัด
- แก้ไขได้หลายปัญหาบนใบหน้า
- สามารถปรับเพิ่มหรือลดปริมาณได้
- ปลอดภัย ไม่ทิ้งสารตกค้าง
- ฟื้นฟูผิวให้ดูสุขภาพดีและชุ่มชื้น
อ่านเพิ่มเติม : https://www.romrawin.com/filler-fullface/
ฟิลเลอร์ปลอมคืออะไร
ฟิลเลอร์ปลอม คือฟิลเลอร์ที่ไม่ได้รับการรับรองจาก อย. ไม่มีคุณสมบัติในการสลายตัว และอาจทำให้เกิดก้อนแข็ง เคลื่อนตัวผิดตำแหน่ง สร้างความเสียหายต่อผิวหรือกล้ามเนื้อใต้ผิวหนัง หากต้องแก้ไขต้องขูดออกเท่านั้น
การเลือกใช้ฟิลเลอร์แท้ ควรขอให้แพทย์แกะกล่องผลิตภัณฑ์ให้ดูต่อหน้า และตรวจสอบได้จากบาร์โค้ด หรือระบบของบริษัทผู้ผลิต
การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์
- งดแอลกอฮอล์ 1–3 วันก่อนทำหัตถการ
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีผลต่อระบบไหลเวียนโลหิต ทำให้เลือดแข็งตัวช้าลง เพิ่มความเสี่ยงต่อรอยช้ำและบวมหลังฉีด รวมถึงอาจทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย ส่งผลต่อการฟื้นตัว - งดยาและวิตามินที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด
เช่น แอสไพริน (Aspirin), วิตามินอี, น้ำมันปลา, ยาละลายลิ่มเลือด (เช่น Plavix, Warfarin) ควรงดอย่างน้อย 3–7 วันก่อนฉีด เพื่อป้องกันภาวะเลือดออกง่ายหรือเกิดรอยช้ำมากผิดปกติ - พักผ่อนให้เพียงพอ และดื่มน้ำมาก ๆ
การนอนหลับอย่างเพียงพอช่วยให้ร่างกายพร้อมรับการรักษา ลดความเครียด และลดอาการบวมที่อาจเกิดขึ้นหลังฉีด ส่วนการดื่มน้ำมาก ๆ มีส่วนช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ฟิลเลอร์สามารถดูดซับน้ำและอุ้มน้ำได้ดี ทำให้เห็นผลลัพธ์ชัดเจนขึ้น - ปรึกษาแพทย์อย่างละเอียดก่อนทำ
การประเมินรูปหน้าโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์มีความสำคัญมาก เพราะจะช่วยเลือกชนิดฟิลเลอร์ ปริมาณ และตำแหน่งที่เหมาะสม พร้อมแจ้งข้อห้ามหรือข้อควรระวังเฉพาะบุคคล เช่น โรคประจำตัว การใช้ยา หรืออาการแพ้ที่อาจส่งผลต่อความปลอดภัย
การดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์
- หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิดเป็นเวลา 1–2 สัปดาห์
เช่น การเข้าอบซาวน่า การทำเลเซอร์ การล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นจัด หรือการตากแดด เพราะความร้อนอาจส่งผลต่อโครงสร้างของฟิลเลอร์ ทำให้เสื่อมสภาพเร็ว หรือเกิดการกระจายตัวผิดตำแหน่ง - งดนวดหน้าและเลี่ยงการกดแรงบริเวณที่ฉีด อย่างน้อย 2 สัปดาห์
เพื่อลดความเสี่ยงที่ฟิลเลอร์จะเคลื่อนตัวหรือกระจายไปยังตำแหน่งที่ไม่ต้องการ โดยเฉพาะในช่วงที่ฟิลเลอร์ยังไม่ยึดเกาะกับผิวหนังอย่างสมบูรณ์ - ดื่มน้ำอย่างเพียงพอในแต่ละวัน
Hyaluronic Acid ซึ่งเป็นส่วนประกอบของฟิลเลอร์มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำ การดื่มน้ำมากจะช่วยให้ฟิลเลอร์พองตัวได้ดี เพิ่มความอิ่มฟูของผิวและยืดระยะเวลาของผลลัพธ์ - หลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวใบหน้ามากเกินไปในช่วง 3 วันแรก
เช่น การหัวเราะแรง ๆ อ้าปากกว้าง พูดมาก หรือแสดงสีหน้าเกินพอดี เพื่อป้องกันการเปลี่ยนแปลงของตำแหน่งฟิลเลอร์ โดยเฉพาะหากฉีดในบริเวณที่เคลื่อนไหวบ่อย เช่น รอบปากหรือร่องแก้ม
Q&A ฟิลเลอร์
- เห็นผลเมื่อไร: เห็นผลทันทีหลังฉีด เข้าที่ภายใน 2-4 สัปดาห์
- อยู่ได้นานแค่ไหน: แล้วแต่บริเวณ เช่น คาง 8–24 เดือน, ร่องแก้ม 12 เดือน, ใต้ตา 6–9 เดือน
- เจ็บไหม: มีการใช้ยาชาช่วยระหว่างทำ
- อันตรายไหม: หากทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ในคลินิกที่น่าเชื่อถือ ปลอดภัยสูง
- ฟิลเลอร์ไหลได้ไหม: ถ้าใช้ฟิลเลอร์ผิดประเภท หรือฉีดผิดชั้นอาจเคลื่อนตัวได้
- ฉีดแล้วนอนปกติได้ไหม: หลีกเลี่ยงการนอนราบ 4 ชั่วโมงแรก















