ลิขสิทธิ์เพลง คืออะไร? รู้ก่อนใช้ ป้องกันปัญหาทางกฎหมาย
ลิขสิทธิ์เพลง คืออะไร? รู้ก่อนใช้ ป้องกันปัญหากฎหมาย
ลิขสิทธิ์เพลง คืออะไร
ลิขสิทธิ์เพลง คือสิทธิทางกฎหมายที่คุ้มครองผลงานเพลงของผู้สร้างสรรค์ ไม่ว่าจะเป็นผู้แต่งเนื้อร้อง ทำนอง นักร้อง โปรดิวเซอร์ หรือค่ายเพลง โดยลิขสิทธิ์นี้จะครอบคลุมทั้งเพลงต้นฉบับ (Original Composition) และการบันทึกเสียง (Sound Recording) ซึ่งหมายความว่า หากผู้อื่นต้องการนำเพลงไปใช้ ไม่ว่าจะเพื่อฟัง เปิดในที่สาธารณะ ดัดแปลง หรือใช้ประกอบวิดีโอ ต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อน
ในประเทศไทย ลิขสิทธิ์ได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 และการแก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งให้ความคุ้มครองโดยอัตโนมัติทันทีที่ผลงานถูกสร้างขึ้นเป็นรูปธรรม โดยไม่จำเป็นต้องจดทะเบียน
ทำไมต้องใส่ใจเรื่องลิขสิทธิ์เพลง?
เพราะการละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่เพียงแต่ผิดกฎหมาย แต่ยังมีผลกระทบตามมา เช่น การโดนลบคลิปวิดีโอจาก YouTube การเสียค่าปรับ หรือการถูกดำเนินคดีทางแพ่ง ซึ่งอาจส่งผลต่อภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของผู้ใช้งานด้วย
สิทธิของเจ้าของลิขสิทธิ์เพลง
เจ้าของลิขสิทธิ์มีสิทธิต่าง ๆ ตามกฎหมาย เช่น
- สิทธิในการทำซ้ำ (Reproduction): ห้ามคัดลอกหรือบันทึกเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต
- สิทธิในการเผยแพร่ (Distribution): ห้ามขาย แจกจ่าย หรือโพสต์บนแพลตฟอร์มต่าง ๆ
- สิทธิในการแสดงต่อสาธารณะ (Public Performance): ห้ามเปิดเพลงในที่สาธารณะ เช่น ร้านค้า งานอีเวนต์ โดยไม่ขออนุญาต
- สิทธิในการดัดแปลง (Adaptation): ห้ามนำเพลงไปรีมิกซ์ แปลงเนื้อ หรือใช้ประกอบผลงานอื่น ๆ โดยไม่อนุญาต
- สิทธิในการให้ผู้อื่นใช้งาน (Licensing): เจ้าของสามารถขายสิทธิ หรือให้เช่าใช้งานได้ตามเงื่อนไข
ประเภทของลิขสิทธิ์เพลง
ลิขสิทธิ์เพลงมีหลากหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทมีเงื่อนไขการใช้งานแตกต่างกัน การเข้าใจประเภทของลิขสิทธิ์จะช่วยให้คุณเลือกใช้เพลงได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ไม่เสี่ยงต่อการละเมิด และเหมาะสมกับลักษณะงานของคุณ โดยสามารถแบ่งลิขสิทธิ์เพลงหลัก ๆ ได้ดังนี้
- เพลงที่มีลิขสิทธิ์ทั่วไป (All Rights Reserved)
เป็นลิขสิทธิ์แบบเข้มงวดที่สุด ผู้สร้างหรือเจ้าของลิขสิทธิ์ ถือสิทธิ์เต็มรูปแบบในทุกการใช้งาน ห้ามนำเพลงไปใช้ ทำซ้ำ ดัดแปลง หรือเผยแพร่ในทุกกรณี หากไม่ได้รับอนุญาตอย่างชัดเจน
เหมาะสำหรับ:
- เพลงที่จำหน่ายในเชิงพาณิชย์
- งานเพลงทั่วไปในอุตสาหกรรมบันเทิง
- เพลงแบบ Creative Commons (CC)
เป็นลิขสิทธิ์แบบเปิด ที่ผู้สร้างยินยอมให้ผู้อื่นใช้งานได้ โดยมีเงื่อนไขเฉพาะ เช่น
- ต้องให้เครดิต
- ใช้ได้เฉพาะเพื่อการไม่แสวงหากำไร
- ห้ามดัดแปลงผลงาน
- ต้องแชร์ในลักษณะเดียวกัน (ShareAlike)
- เพลงปลอดค่าลิขสิทธิ์ (Royalty-Free)
คือเพลงที่สามารถนำมาใช้ได้โดย ไม่ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์รายครั้ง แต่ต้องชำระเงินซื้อสิทธิ์ครั้งเดียวผ่านแพลตฟอร์มหรือเว็บไซต์ที่ให้บริการ เช่น AudioJungle, Artlist, Epidemic Sound
ข้อดี:
- ใช้ในงานเชิงพาณิชย์ได้
- มีคุณภาพสูง
- ไม่ต้องกังวลเรื่องการละเมิด
- เพลงสาธารณสมบัติ (Public Domain)
เป็นเพลงที่ลิขสิทธิ์หมดอายุแล้ว หรือผู้สร้างสละสิทธิ์ สามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องขออนุญาต เช่น เพลงคลาสสิกบางเพลง
ตัวอย่าง:
- เพลงคลาสสิก เช่น เพลงของโมซาร์ต หรือบาค
- เพลงพื้นบ้านที่ไม่มีเจ้าของชัดเจน
การใช้งานเพลงอย่างถูกต้อง
- ขออนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์: ติดต่อโดยตรงหรือผ่านตัวแทนที่ได้รับอนุญาต
- ซื้อไลเซนส์จากแหล่งถูกต้อง: เช่น AudioJungle, Epidemic Sound, Artlist
- ตรวจสอบประเภทลิขสิทธิ์ก่อนใช้: โดยเฉพาะเพลงฟรี ต้องอ่านเงื่อนไขให้ครบ
- หลีกเลี่ยงการใช้เพลงดังโดยไม่ได้รับอนุญาต: โดยเฉพาะในงานเชิงพาณิชย์ หรือเผยแพร่ต่อสาธารณะ
ตัวอย่างผลกระทบจากการละเมิดลิขสิทธิ์
- วิดีโอถูกลบหรือแบนจาก YouTube / Facebook / TikTok
- โดนฟ้องร้องหรือเรียกค่าเสียหาย เป็นจำนวนหลักหมื่นถึงหลักแสน
- กระทบต่อความน่าเชื่อถือของแบรนด์หรือธุรกิจ
- บัญชีผู้ใช้หรือช่องถูกปิดถาวร หากทำผิดซ้ำ ๆ
สรุป
ลิขสิทธิ์เพลง เป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนที่ใช้สื่อดนตรีควรรู้และเข้าใจอย่างถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นนักตัดต่อวิดีโอ ครีเอเตอร์ นักการตลาด หรือเจ้าของธุรกิจ การใช้งานเพลงโดยไม่ละเมิดสิทธิ์ ไม่เพียงแต่ช่วยให้ปลอดภัยทางกฎหมาย แต่ยังแสดงถึงความเคารพในผลงานของผู้อื่นด้วย
ทางเลือกในการใช้เพลงมีมากมาย ทั้งแบบฟรีและแบบเสียเงิน หากเลือกใช้อย่างถูกต้อง คุณจะสามารถสร้างสรรค์ผลงานได้อย่างมืออาชีพและไร้กังวล















