HubSpot คืออะไร ทำไมทำธุรกิจจะต้องมีฟังก์ชันทางการตลาดนี้
HubSpot คือ แพลตฟอร์ม CRM ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถบริหารจัดการได้อย่างราบรื่น ไม่ว่าจะเป็นการตลาด การขาย และการบริการลูกค้า ด้วยฟีเจอร์ทางการตลาดที่น่าสนใจ
ในยุคดิจิทัลที่การแข่งขันดุเดือด แต่ละธุรกิจย่อมต้องการเครื่องมือที่ช่วยดึงดูดลูกค้า ปิดการขาย และสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนกับลูกค้า ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว หลายธุรกิจจะเลือกใช้ HubSpot แล้ว HubSpot คืออะไร โดย HubSpot คือ แพลตฟอร์มอัจฉริยะครบวงจร ช่วยให้เจ้าของธุรกิจสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจ นอกจากนี้ HubSpot CRM คืออะไร ควรเลือกใช้เครื่องมือชิ้นใดดี บทความนี้ มีคำตอบ
ความสำคัญของ HubSpot คืออะไร? และสำคัญมากเพียงใด
HubSpot คือ ซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้ ด้วยเครื่องมือเทคโนโลยีที่ครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการตลาด การขาย และการบริการลูกค้า โดยเน้นหลักการการตลาดแบบแรงดึงดูด (Inbound Marketing) ทำให้ธุรกิจสามารถดึงดูดลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้ เปลี่ยนผู้คนเข้ามารู้จักธุรกิจ (Visitor) ให้กลายเป็นลูกค้ามุ่งหวัง (Lead) และกลายเป็นลูกค้า (Customer) และทำให้สามารถปิดการขายได้ในที่สุด ซึ่งสามารถอธิบายความสำคัญของ HubSpot คือ
- HubSpot ช่วยดึงดูดลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย ด้วยการสร้างและเผยแพร่เนื้อหาที่ดึงดูดลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย ให้เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ ส่งผลให้เครื่องมือ SEO ช่วยให้เว็บไซต์ติดอันดับบน Google ดึงดูดผู้เข้าชมเว็บไซต์มากขึ้น นอกจากนี้ เครื่องมือ Social Media ต่าง ๆ ยังช่วยขยายฐานลูกค้าได้เป็นอย่างดี
- เครื่องมือ CRM ช่วยจัดการข้อมูลลูกค้า วิเคราะห์ข้อมูล ค้นหาโอกาส และปิดการขายได้มากขึ้น ทำให้เจ้าของธุรกิจประหยัดเวลา เพิ่มประสิทธิภาพ ด้วยระบบการทำงานแบบอัตโนมัติ
- HubSpot ให้บริการลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ เพราะมีเครื่องมือ Service Hub ในการตอบคำถาม แก้ปัญหา และสร้างความประทับใจให้ลูกค้า รวมถึงเครื่องมือ Live Chat ช่วยสื่อสารกับลูกค้าแบบเรียลไทม์ ตอบคำถามและแก้ปัญหาได้ทันที และเครื่องมือ Knowledge Base ช่วยสร้างฐานความรู้ ตอบคำถามที่พบบ่อย และให้บริการลูกค้าด้วยตัวเอง
- HubSpot มีเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลช่วยติดตามผลลัพธ์ของแคมเปญการตลาด การขาย และการบริการลูกค้า ทำให้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อหาจุดอ่อน พัฒนาแคมเปญ และเพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจได้อย่างตรงจุด
- HubSpot ใช้งานง่าย อินเทอร์เฟซผู้ใช้ง่าย เหมาะกับผู้ใช้ทุกระดับ นอกจากนี้ ยังมีการสอนใช้งาน เอกสารประกอบ และวิดีโอแนะนำมากมาย
- HubSpot สามารถปรับแต่งให้เหมาะกับความต้องการของแต่ละธุรกิจ โดยเจ้าของธุรกิจสามารถเลือกฟีเจอร์ที่ต้องการใช้งาน ปรับแต่งหน้าจอ และตั้งค่าต่าง ๆ ได้ตามความต้องการ
ความแตกต่างระหว่าง Saleforce และ HubSpot คืออะไร?
เมื่อทราบแล้วว่า HubSpot คืออะไร แต่บางคนก็ยังสงสัยและสับสนเกี่ยวกับ Salesforce โดย ทั้ง Salesforce และ HubSpot คือ สองซอฟต์แวร์ CRM ยอดนิยมที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถจัดการข้อมูลลูกค้า เพิ่มประสิทธิภาพการขาย และให้บริการลูกค้าเหมือนกัน แต่มีความแตกต่างกันบางประการ ดังนี้
1. กลุ่มเป้าหมาย
- Salesforce เหมาะสำหรับองค์กรขนาดใหญ่และธุรกิจที่ต้องการฟีเจอร์ CRM ขั้นสูง
- HubSpot เหมาะสำหรับธุรกิจทุกขนาด โดยเฉพาะธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางที่ต้องการใช้งาน CRM ที่เรียบง่าย ใช้งานง่าย
2. ราคา
- Salesforce มีราคาค่อนข้างแพง
- HubSpot มีราคาถูกกว่า โดยบางครั้ง สามารถใช้งานได้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
3. การใช้งาน
- Salesforce ใช้งานค่อนข้างซับซ้อน ต้องการการฝึกอบรม
- HubSpot ใช้งานง่าย อินเทอร์เฟซผู้ใช้ง่าย เหมาะกับผู้ใช้ทุกระดับ
4. การปรับแต่ง
- Salesforce สามารถปรับแต่งได้สูงและหลากหลาย
- HubSpot สามารถปรับแต่งได้น้อย
แต่ทั้งนี้ Salesforce และ HubSpot ต่างมีจุดเด่นและจุดด้อยแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละธุรกิจ หากเป็นองค์กรขนาดใหญ่ ต้องการฟีเจอร์ CRM ขั้นสูง และต้องการปรับแต่งระบบ Salesforce น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า แต่เป็นธุรกิจขนาดเล็กหรือขนาดกลาง ซึ่งต้องการ CRM ที่ใช้งานง่าย ราคาไม่แพง HubSpot จะตอบโจทย์ความต้องการได้ดีกว่า
4 เครื่องมือหลักของ HubSpot คืออะไรบ้าง?
ซอฟต์แวร์ HubSpot ประกอบไปด้วยเครื่องมือหลัก 4 แบบ โดยแต่ละแบบมีคุณสมบัติแตกต่างกัน เหมาะกับธุรกิจที่แตกต่างกัน โดยเครื่องมือหลักของ HubSpot คือ
HubSpot CRM
HubSpot CRM คือ ซอฟต์แวร์ CRM (Customer Relationship Management) ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะมุ่งเน้นไปที่การดึงดูดลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย ปิดการขาย และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า โดยฟีเจอร์หลักของ HubSpot CRM ได้แก่
- จัดการข้อมูลลูกค้า: เก็บข้อมูลติดต่อ ข้อมูลประวัติการซื้อ ข้อมูลประวัติการติดต่อ ฯลฯ
- จัดการ Leads: ติดตาม Leads แปลง Leads ให้เป็นลูกค้า
- จัดการ Pipeline การขาย: ติดตามสถานะของดีล คาดการณ์ยอดขาย
- การติดตามอีเมล: ติดตามว่าลูกค้าเปิดอ่านอีเมลของธุรกิจหรือไม่
- เอกสารประกอบการขาย: จัดเก็บและแชร์เอกสารประกอบการขาย
- รายงาน: วิเคราะห์ข้อมูล ค้นหาโอกาส พัฒนาธุรกิจ
โดย HubSpot CRM มีให้ใช้ทั้งแบบฟรีและเสียค่าใช้จ่าย เหมาะกับธุรกิจทุกขนาด ใช้งานง่าย และสามารถปรับแต่งให้เหมาะกับความต้องการของแต่ละธุรกิจ ซึ่งข้อดีของ HubSpot CRM คือ
- ใช้งานง่าย อินเทอร์เฟซผู้ใช้ง่าย เหมาะกับผู้ใช้ทุกระดับ
- มีฟีเจอร์ CRM ที่ครบถ้วน
- สามารถปรับแต่งให้เหมาะกับความต้องการของธุรกิจ
- มีทั้งแบบฟรีและแบบเสียเงินที่มีราคาไม่แพง
- มีการสอนใช้งาน เอกสารประกอบ และวิดีโอแนะนำมากมาย
แต่ในขณะเดียวกัน CRM HubSpot ก็มีข้อจำกัดบางประการ คือ ฟีเจอร์บางตัวอาจซับซ้อนและใช้งานยากสำหรับผู้ใช้ใหม่ จึงจำเป็นต้องใช้เวลาในการเรียนรู้
HubSpot Marketing Hub
เครื่องมือหลักที่ 2 ของ HubSpot คือ HubSpot Marketing Hub ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ช่วยธุรกิจในการสร้างและเผยแพร่เนื้อหา ดึงดูดผู้เข้าชมเว็บไซต์ วิเคราะห์ข้อมูล และวัดผลลัพธ์ทางการตลาด โดยมุ่งเน้นไปที่การดึงดูดลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย แปลง Leads ให้เป็นลูกค้า และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า เหมาะกับธุรกิจทุกขนาด มีทั้งแบบใช้ฟรีและเสียค่าใช้จ่าย ซึ่งมีฟีเจอร์หลัก ได้แก่
- สร้างเนื้อหา: เขียนบทความ บทความบล็อก อีบุ๊ก อินโฟกราฟิก ฯลฯ
- เผยแพร่เนื้อหา: โพสต์บนเว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย อีเมล ฯลฯ
- SEO: เพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ให้ติดอันดับบน Google
- การวิเคราะห์: วิเคราะห์ข้อมูลผู้เข้าชมเว็บไซต์ ค้นหาโอกาส พัฒนาแคมเปญ
- การตลาดอัตโนมัติ: ส่งอีเมลอัตโนมัติ แสดงโฆษณาอัตโนมัติ ฯลฯ
- Landing Pages: สร้าง Landing Pages เพื่อเก็บข้อมูล Leads
- Social Media: จัดการบัญชีโซเชียลมีเดีย วิเคราะห์ข้อมูล โพสต์เนื้อหา
- Email Marketing: ส่งอีเมล Newsletters โปรโมชั่น อีเมลอัตโนมัติ
HubSpot Service Hub
อีกเครื่องมือของ HubSpot คือ HubSpot Service Hub เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คุณให้บริการลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ ตอบคำถาม แก้ปัญหา และสร้างความประทับใจให้ลูกค้า โดยมุ่งเน้นไปที่การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า เพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า และรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้า โดย HubSpot Service Hub มีฟีเจอร์หลัก เช่น
- Help Desk: ตอบคำถาม แก้ปัญหา ให้บริการลูกค้า
- Live Chat: สื่อสารกับลูกค้าแบบเรียลไทม์
- Knowledge Base: สร้างฐานความรู้ ตอบคำถามที่พบบ่อย
- การวิเคราะห์: วิเคราะห์ข้อมูล ค้นหาโอกาส พัฒนาการบริการ
- Customer Feedback: เก็บ Feedback จากลูกค้า พัฒนาสินค้าและบริการ
- Ticketing: จัดการระบบตั๋ว บันทึกปัญหา แจ้งเตือน
- Customer Portal: ให้ลูกค้าเข้าถึงข้อมูล สามารถช่วยเหลือหรือแก้ปัญหาด้วยตัวเองได้
- Chatbots: ให้บริการลูกค้าอัตโนมัติ ตอบคำถามทั่วไป
HubSpot Sales Hub
เครื่องมือสุดท้ายของ HubSpot คือ HubSpot Sales Hub เป็นเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขาย จัดการ Leads ปิดการขาย และสร้างรายงาน มุ่งเน้นไปที่การดึงดูดลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย แปลง Leads ให้เป็นลูกค้า และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า โดยมีฟีเจอร์หลัก เช่น
- จัดการ Leads: ติดตาม Leads แปลง Leads ให้เป็นลูกค้า
- จัดการ Pipeline การขาย: ติดตามสถานะของดีล คาดการณ์ยอดขาย
- การติดตามอีเมล: ติดตามว่าลูกค้าเปิดอ่านอีเมลของธุรกิจหรือไม่
- เอกสารประกอบการขาย: จัดเก็บและแชร์เอกสารประกอบการขาย
- รายงาน: วิเคราะห์ข้อมูล ค้นหาโอกาส พัฒนาธุรกิจ
- การติดตามการโทร: บันทึกการโทร วิเคราะห์ข้อมูล
- Sales Automation: ส่งอีเมลอัตโนมัติ แจ้งเตือน
- Quotes: สร้างใบเสนอราคา
- Live Chat: สื่อสารกับลูกค้าแบบเรียลไทม์
ธุรกิจที่เหมาะกับการใช้ HubSpot
HubSpot เป็นซอฟต์แวร์ที่ทุกคนสามารถใช้งานได้ง่าย จึงเหมาะกับธุรกิจทุกขนาด โดยเฉพาะธุรกิจแบบ B2B และ B2C ซึ่งสามารถอธิบายธุรกิจแต่ละแบบ ดังนี้
ธุรกิจ B2B
เนื่องจาก HubSpot เป็นแพลตฟอร์ม CRM ที่มีเครื่องมือครบวงจรสำหรับการตลาด การขาย และการบริการลูกค้า เหมาะกับธุรกิจทุกประเภท โดยเฉพาะธุรกิจ B2B โดยสามารถอธิบายได้ ดังนี้
- ธุรกิจ B2B มักมีกระบวนการขายที่ยาวนาน หลายขั้นตอน มีการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าหลายรอบ HubSpot มีเครื่องมือที่ช่วยจัดการ Leads ติดตาม Pipeline การขาย วิเคราะห์ข้อมูล ช่วยให้ปิดการขายได้เร็วขึ้น
- ธุรกิจ B2B จำเป็นต้องสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า รักษาฐานลูกค้าไว้ HubSpot มีเครื่องมือ CRM ที่ช่วยจัดการข้อมูลลูกค้า บริการลูกค้า วิเคราะห์ข้อมูล ช่วยให้เข้าใจลูกค้าและตอบสนองความต้องการได้ดีขึ้น
- HubSpot มีเครื่องมือ Marketing ที่ช่วยสร้างเนื้อหา ดึงดูดผู้เข้าชมเว็บไซต์ วิเคราะห์ข้อมูล ช่วยให้ธุรกิจ B2B เข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้
- HubSpot มีเครื่องมือ Sales ที่ช่วยจัดการ Leads ติดตาม Pipeline การขาย วิเคราะห์ข้อมูล ช่วยให้ธุรกิจ B2B ปิดการขายได้มากขึ้น
- HubSpot มีอินเทอร์เฟซผู้ใช้ง่าย เหมาะกับผู้ใช้ทุกระดับ สามารถปรับแต่งให้เหมาะกับความต้องการของแต่ละธุรกิจ มีให้เลือกใช้ทั้งแบบฟรีและเสียค่าใช้จ่าย
ธุรกิจ B2C
ธุรกิจ B2C (High involvement) เป็นธุรกิจที่ลูกค้าต้องการข้อมูลและเวลาในการเรียนรู้ (หาและเปรียบเทียบข้อมูล) และตัดสินใจซื้อ ดังนั้น HubSpot จะช่วยดูแล (Nurture) ว่าที่ลูกค้า และอำนวยการขายให้ง่ายขึ้น เป็นธุรกิจที่มุ่งเน้นทำการตลาดระยะยาว โดยอธิบายได้ ดังนี้
- HubSpot มีเครื่องมือ Marketing ที่ช่วยสร้าง Landing Pages, แปลง Leads ให้เป็นลูกค้า วิเคราะห์ข้อมูล ช่วยให้ธุรกิจ B2C เพิ่ม Conversion Rate
- HubSpot มีเครื่องมือ CRM ที่ช่วยจัดการข้อมูลลูกค้า บริการลูกค้า วิเคราะห์ข้อมูล ช่วยให้ธุรกิจ B2C เข้าใจลูกค้าและตอบสนองความต้องการได้ดีขึ้น
- HubSpot มีเครื่องมือ Sales ที่ช่วยจัดการ Leads ติดตาม Pipeline การขาย วิเคราะห์ข้อมูล ช่วยให้ธุรกิจ B2C ปิดการขายได้มากขึ้น
- HubSpot ยังมีเครื่องมืออื่น ๆ อีกมากมายที่เหมาะกับธุรกิจ B2C เช่น HubSpot CMS, HubSpot Academy, HubSpot Marketplace
ธุรกิจ B2C ควรเลือกแพ็กเกจ HubSpot ที่เหมาะกับความต้องการของแต่ละธุรกิจ แล้วควรศึกษา เรียนรู้ และฝึกฝน เพื่อให้สามารถใช้งาน HubSpot ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่อย่างไรก็ตาม HubSpot อาจไม่เหมาะกับธุรกิจ B2C ขนาดเล็กที่มีงบประมาณจำกัด
สรุป HubSpot คืออะไร?
HubSpot คือ ซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถเติบโตด้วย 4 เครื่องมือทางการตลาดอย่างครบวงจร ทั้งทางด้านการตลาด การขาย และการบริการลูกค้า ทั้ง HubSpot CRM, HubSpot Marketing Hub, HubSpot Service Hub และ HubSpot Sales Hub เหมาะกับธุรกิจทุกขนาด ใช้งานง่าย และสามารถปรับแต่งให้เหมาะกับความต้องการของแต่ละธุรกิจ