หาคำตอบฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ช่วยแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง? ดีอย่างไร ทำไมถึงได้รับความนิยม
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาคืออะไร? ช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยใต้ตา ตาลึก ตาโหล ขอบตาดำ ถุงใต้ตาได้อย่างไร?ปลอดภัยจริงหรือไม่? หาคำตอบได้ที่นี่
ใครที่มีปัญหาเหล่านี้และกำลังมองหาทางแก้ ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เรามีข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตามาแนะนำ พร้อมรู้สาเหตุการเกิดปัญหาใต้ตาแบบต่าง ๆ พร้อมวิธีจัดการปัญหาอย่างตรงจุด เพื่อช่วยให้หน้าเด็กลง ผิวใต้ตาชุ่มชื้น และสดใสขึ้นได้อย่างเห็นผล
ทำความรู้จัก “ฟิลเลอร์ใต้ตา”
ปัจจุบันการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นหัตการที่ได้รับความนิยม ในหลายช่วงวัย ทั้งคนหนุ่มสาวและคนที่เริ่มมีอายุ เพราะเป็นวิธีที่สามารถช่วยแก้ปัญหาใต้ตา และคืนความอ่อนเยาว์ให้ใบหน้าดูสดใสขึ้นได้เป็นอย่างดี ประกอบกับมีบุคคลที่มีชื่อเสียง ยูทูปเบอร์หลายท่านรีวิว หรือบอกต่อว่าทำการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตามา ซึ่งทำดูเด็กลง ได้อย่างเป็นธรรมชาติโดยไม่ต้องผ่าตัด จึงทำให้หัตการณ์นี้ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาคืออะไร? จริง ๆ แล้วการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นหัตถการความงามที่มีความปลอดภัย เนื่องจากฟิลเลอร์ที่ใช้ คือ สารเติมเต็มในกลุ่ม Hyaluronic Acid ที่มีการคิดค้นขึ้นมา เพื่อทดแทนไฮยาลูโรนิค เอซิด ที่ร่างกายสร้างขึ้น โดยมีคุณสมบัติเด่นในด้านการอุ้มน้ำได้ดี ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น รักษาความชุ่มชื้น ป้องกันริ้วรอยบนผิวหนัง
เมื่อแพทย์ใช้ฟิลเลอร์เพื่อแก้ไขปัญหาใต้ตาอย่างเหมาะสม ผลลัพธ์ที่ได้คือ ช่วยเติมเต็มร่องริ้วรอยที่เกิดการยุบตัวของกระดูกที่ทำให้เนื้อบริเวณใต้ตาหย่อนคล้อย สามารถแก้ไขร่องใต้ตา ขอบตาดำ ถุงใต้ตา เบ้าตาลึก ต้นเหตุที่ทำให้หน้าดูโทรม อ่อนล้าและดูแก่กว่าวัย ให้ดีขึ้นได้ อย่างเห็นผลชัดเจน
ฟิลเลอร์ใต้ตา แก้ปัญหาอะไรได้บ้าง?
ฟิลเลอร์ใต้ตาสามารถแก้ปัญหาใต้ตาได้จากหลายสาเหตุ หากกล่าวโดยสรุปสามารถแก้ไขได้ 4 สาเหตุหลักที่ทำให้เจ้าของใบหน้าหนักใจ ดังนี้
1.แก้ปัญหาใต้ตาคล้ำ ขอบตาดำ
ลักษณะใต้ตาที่เป็นวงคล้ำรอบดวงตา มีใต้ตาคล้ำ ขอบตาดำ ที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน จึงทำให้เจ้าของใบหน้าขาดความมั่นใจ เพราะทำให้ใบหน้าโดยรวมดูอิดโรย หมองคล้ำ ไม่สดใสและยังดูแก่กว่าวัยอีกด้วย
ใต้ตาคล้ำ ริ้วรอยใต้ตา
ทั้งนี้ ลักษณะของใต้ตาดำ ใต้ตาคล้ำ มีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย เช่น อายุที่มากขึ้น พันธุกรรม หรือโรคภูมิแพ้ที่พบได้บ่อย ๆ เกิดจากระบบการไหลเวียนเลือดติดขัด ทำให้เส้นเลือดใต้ตาขยายตัว เห็นชัดขึ้นทำให้ใต้ตาดำคล้ำลง นอกจากนี้ยังมีสาเหตุจากพฤติกรรมบางอย่าง เช่น คนที่ชอบขยี้ตาบ่อย ๆ หรือคนที่นอนน้อย พักผ่อนไม่เพียงพอ การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาสามารถช่วยคืนความสดใสให้กับใต้ตาได้อย่างรวดเร็ว ผิวจะกลับมาชุ่มชื้น ดูอิ่มขึ้น
2.แก้ปัญหาเบ้าตาลึก ตาโหล
ปัญหาตาโบ๋ ตาโหล หรือเบ้าตาลึก สาเหตุหลักมากจากส่วน Tear through ที่อยู่ใกล้ร่องน้ำตา กับ Hollow Under Eye ตรงเบ้าตายุบตัวลง โดยอาจจะยุบตัวจากไขมันหรือกล้ามเนื้อ หรือทั้งสองอย่างจากอายุที่มากขึ้น ซึ่งค่อนข้างเลี่ยงได้ยาก โดยเฉพาะเมื่ออายุ 25 ปีขึ้นไป บางคนจะเห็นชัดว่าเบ้าตาลึกมากขึ้น และจะยิ่งชัดเจนขึ้นเมื่อเจอแสงเงา แต่หากแพทย์ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาด้วยเทคนิคที่ถูกต้องก็ช่วยให้ร่องใต้ตาตื่นขึ้น ด้วยคุณสมบัติของฟิลเลอร์ที่ช่วยอุ้มน้ำ จะช่วยทดแทนเนื้อเยื่อและคอลลาเจนที่สลายไปตามอายุ ขณะเดียวกันยังช่วยยกหน้าให้ดูตึงกระชับ ดูอ่อนเยาว์ได้ด้วย
3.แก้ปัญหาถุงใต้ตา ใต้ตาหย่อนคล้อย
ลักษณะใต้ตาที่เป็นถุงนูนออกมาบริเวณใต้ตา ทำให้เห็นปัญหาริ้วรอยและร่องใต้ตาชัดขึ้น ใบหน้าโดยรวมจึง ไม่สดใส ดูเหนื่อยล้า เมื่ออายุมากขึ้น จะยิ่งมองเห็นเป็นความหย่อนคล้อยของผิวหนังรอบดวงตาอย่างชัดเจน การฉีดฟิลเลอร์อย่างเหมาะสมสามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ อย่างเห็นผล
4.แก้ปัญหาริ้วรอยใต้ตา
เรื่องของริ้วรอยเหี่ยวย่นบริเวณใต้ตาและรอบดวงตา สาเหตุหลัก ๆ มาจากอายุที่มากขึ้นตามธรรมชาติ รวมถึงพฤติกรรมบางอย่างที่ส่งผลต่อการทำร้ายผิว เช่น การใช้ดวงตาไม่ถูกต้อง ใช้งานหนักเกินไป ทำให้กล้ามเนื้อรอบดวงตาหย่อนยาน และมีริ้วรอยใต้ตาเกิดขึ้นเร็ว
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา จะช่วยเติมเต็มในส่วนกระดูกที่มีการยุบตัว และร่องริ้วรอยลึก ให้กลับมาเต่งตึงอีกครั้ง จึงสามารถแก้ไขปัญหาทั้ง 4 ข้อเหล่านี้ ได้อย่างเห็นผล ใบหน้าดูเด็กลง อ่อนกว่าวัย และสดใสมากยิ่งขึ้น
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อันตรายไหม?
สำหรับใครที่กังวลเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ว่าจะอันตรายหรือไม่ หรือ จะมีผลข้างเคียงหลังจากการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาไหม ปลอดภัยแค่ไหน? จริง ๆ แล้วการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นหัตถการที่ไม่อันตราย หากเราเข้ารับบริการกับแพทย์ที่มีประสบการณ์และใช้ฟิลเลอร์แท้ (HA) ซึ่งเป็นฟิลเลอร์ที่ปลอดภัย ผ่านการรับรอง จากอย. และใช้กันอย่างแพร่หลาย
ในเคสที่เป็นอันตราย จนออกข่าวอย่างที่เคยเห็นมา ล้วนมาจากการใช้ฟิลเลอร์ปลอม ที่ไม่ใช้ HA เป็นฟิลเลอร์ที่ไม่สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ และฉีดโดยหมอปลอม หมอกระเป๋า ซึ่งหากเผลอพลาดฉีด อาจทำให้เกิดอันตราย เช่น ฟิลตาบอด ฟิลเลอร์ไหล จับตัวกันเป็นก้อนไหลย้อย เสียทรง เพราะไม่มีความรู้ทาง วิภาคบนใบหน้า ฉีดแล้วฟิลเลอร์โดนเส้นเลือด ทำให้เกิดการอุดตันและเกิดอันตรายได้ รวมไปถึงการใช้ฟิลเลอร์ปลอมที่ไม่ได้มาตรฐาน
ฟิลเลอร์โดนเส้นเลือด ทำให้เกิดการอุดตันและเกิดอันตรายได้
ดังนั้น ก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน ใช้ฟิลเลอร์แท้ และแพทย์มีประสบการณ์ เพื่อความปลอดภัยสูงสุด
รู้ได้อย่างไร ว่าฟิลเลอร์ที่ใช้เป็นของแท้หรือปลอม ?
ใครที่สงสัยว่า ฟิลเลอร์แท้หรือปลอมดูอย่างไร? วิธีสังเกตจะต้องศึกษาการดูฟิลเลอร์แท้ และจุดสังเกตต่าง ๆ ดังนี้
- ต้องมีเลขทะเบียน อย. เอกสารกำกับภาษาไทย
- มีเลข lot ที่กล่อง ซองและสติ๊กเกอร์
- สามารถโทรเช็คเลข lot. กับบริษัทยาที่จัดส่งได้
ข้อสำคัญ ควรให้หมอแกะกล่องฟิลเลอร์ให้ดูก่อนทุกครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นกล่องใหม่และเป็นของแท้ และควรเลือกฉีดฟิลเลอร์กับคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีความน่าเชื่อถือเท่านั้น
ทำไมบางคน ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วเป็นก้อน ?
การฉีดฟิลเลอร์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี ความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์และเทคนิคที่ดีหมอแต่ละคน ถือเป็น หัวใจสำคัญที่จะช่วยให้ได้ผลที่เป็นธรรมชาติ แก้ปัญหาใต้ตาต่าง ๆ ได้ตรงจุด
สำหรับในบางเคสที่หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วเกิดก้อน ทั้งที่ฉีดฟิลเลอร์แท้ สาเหตุหลัก ๆ มาจาก 4 ข้อที่ทำให้ ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วเป็นก้อน ดังนี้
1.เลือกยี่ห้อฟิลเลอร์ และรุ่นฟิลเลอร์ไม่เหมาะกับบริเวณที่ฉีด ข้อเท็จจริงที่ควรรู้คือ ฟิลเลอร์ยี่ห้อเดียว รุ่นเดียวไม่ได้เหมาะกับทุกส่วนของใบหน้า จำเป็นต้องเลือกเนื้อฟิลเลอร์ที่มีโมเลกุลที่เหมาะสมกับจุดที่จะฉีด ถ้าหมอบางคนเลือกฟิลเลอร์เนื้อแข็งมาฉีดในจุดที่ผิวบางอย่างใต้ตา แน่นอนว่าอาการเป็นก้อนบวม ก็จะมีให้เห็น
2.แพทย์ใช้เทคนิคการฉีดไม่ถูกต้อง ฉีดตื้นเกินไป การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเพื่อให้ดูละมุนสวยงามต้องมีเทคนิค เนื่องจากเป็นจุดที่บอบบาง
3.ใช้ฟิลเลอร์ปลอมหรือฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน กรณีนี้ถือเป็นเรื่องที่อันตราย ที่ควรระวัง และต้องศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนฉีด และต้องมั่นใจว่าเป็นฟิลเลอร์แท้เท่านั้น
4.หมอที่ฉีดให้ไม่มีประสบการณ์การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตามากพอ
ข้อควรรู้ : ในกรณีที่ฉีดมาแล้วเป็นก้อน ต้องการแก้ไข หากเป็นฟิลเลอร์แท้ สามารถฉีดสลายฟิลเลอร์ ด้วยตัวยา Hyaluronidase:HYAL ได้ เมื่อสลายแล้ว ควรเลือกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาใหม่กับแพทย์ที่มีประสบการณ์เท่านั้น
เปรียบเทียบ ข้อดี-ข้อเสีย ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา คุ้มค่าไหม ?
ข้อดีการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
- ฟิลเลอร์ใต้ตาสามารถแก้ปัญหาริ้วรอย ร่องลึก บริเวณใต้ตาได้ดี เห็นผลลัพธ์ทันที
- หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะช่วยลดรอยเหี่ยวย่น ทำให้ผิวบริเวณใต้ตาดูเต่งตึง สดใสมากขึ้น
- สามารถคงผลลัพธ์ได้นานประมาณ 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดและรุ่นของฟิลเลอร์ที่เลือกใช้
- สามารถสลายไปได้เองตามธรรมชาติ 100% โดยไม่ทิ้งสารตกค้างจึงมีความปลอดภัย
ข้อเสียการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
- หากเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน ฟิลเลอร์ปลอมก็เสี่ยงอันตราย
- เนื่องจากบริเวณใต้ตามีเส้นเลือดจำนวนมาก หากฉีดโดยแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์ อาจเกิดความเสี่ยง เช่น เป็นก้อน ช้ำมาก หรือ เสี่ยงที่จะเกิดอาการตาบอดได้
การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
- ควรงดการใช้ยาในกลุ่ม แอสไพริน, ยาต้านการอักเสบ NSAIDs อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการฉีด เพื่อป้องการอาการฟกช้ำ
- งดวิตามิน วิตามินอี น้ำมันปลา น้ำมันอิฟนิ่งพริมโรส เป็นเวลา 2 สัปดาห์ เนื่องจากวิตามินที่ทำให้เลือดหยุดไหลยาก
- งดยาทาชนิดผลัดเซลล์ผิวก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
- งดดื่มแอลกอฮอล์ และงดกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีดอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
- กรณีมีโรคประจำตัว มีประวัติการแพ้อาหาร อยู่ในระหว่างตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร ควรแจ้งข้อมูลแพทย์ เพื่อประเมินความเหมาะสม
ขั้นตอนระหว่างฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
- เมื่อหมอประเมินปัญหาและแนะนำยี่ห้อ และรุ่นของฟิลเลอร์ใต้ตาแล้ว จะเริ่มเตรียมความพร้อมด้วยการ ทำความสะอาดผิวหน้า บริเวณรอบดวงตาให้ก่อนแปะยาชา
- หลังแปะยาชาจะทาทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที ยาชาก็จะออกฤทธิ์เต็มที่ เจ้าหน้าที่จะทำเช็ดออก และแพทย์จะทำการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
- ในระหว่างขั้นตอนการเตรียมฟิลเลอร์ เพื่อความสบายใจว่าเป็นฟิลเลอร์แท้ แพทย์จะแกะกล่องให้ดูต่อหน้า คนไข้สามารถขอกล่องกลับบ้านเพื่อตรวจเช็คอีกครั้งได้
- ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา แพทย์จะให้นั่งในท่านั่งหรือนอนเอียงที่ระดับหัวอยู่สูงกว่าหัวใจ เพื่อไม่ให้เลือดออกขึ้น เมื่อฉีดเสร็จจะทำความสะอาด รอยเข็ม และหมอจะติดพลาสเตอร์ให้
- หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา จะเห็นผลการเปลี่ยนแปลงทันที ปัญหาใต้ตาลดลงอย่างเห็นผล
รู้เทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เพื่อผลลัพธ์ที่สวยงาม
เพื่อให้ผลลัพธ์หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ออกมาสวยเป็นธรรมชาติและแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุด เราอยากแนะให้รู้ถึงเทคนิคและขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาของแพทย์ไว้บ้าง เพราะในส่วนนี้ถือเป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญ เพราะในบางเคสแพทย์อาจแนะนำให้ใช้ฟิลเลอร์ 2 รุ่น พร้อม ๆ กัน
- เทคนิคฉีดฟิลเลอร์ยกพยุงชั้นกระดูก
หากมีการประเมินแล้วว่าปัญหาของเราคือปัญหากระดูกใต้ตายุบตัว ทำให้ตาโรย ตาลึก มีร่องน้ำตา ผิวหย่อน และเกิดถุงใต้ตา ซึ่งถือเป็นปัญหาหนัก แพทย์ที่เก่ง ๆ จะพิจารณาใช้เทคนิคการฉีดใต้ตา เพื่อฉีดเสริมทั้งชั้นกระดูกและชั้นเนื้อเยื่อ โดยเลือกใช้ฟิลเลอร์เนื้อแข็งฉีดหนุน ฉีดเพื่อยกพยุงที่ชั้นกระดูก ทำให้ใบหน้ายกขึ้น ช่วยพยุงเนื้อใต้ตาได้ดี ถุงใต้ตาลดลง ความลึกของร่องใต้ตาตื่นขึ้น
กระดูกบริเวณใต้ตา เบ้าตา และหน้าแก้ม ที่จะมีการยุบตัวเมื่ออายุมากขึ้น
จะส่งผลให้ผิวหย่อนคล้อยลงตามไปด้วย
- เทคนิคฉีดฟิลเลอร์เก็บรายละเอียดผิวชั้นตื้น
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ในบางเคสอาจใช้ฟิลเลอร์ 2 ลักษณะเพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติ โดยอาจใช้ฟิลเลอร์ เนื้อแข็งฉีดยกพยุง ตามเทคนิคแรกที่อธิบายไป จากนั้นจะใช้ฟิลเลอร์อีกรุ่นเพื่อฉีดเก็บรายละเอียดบริเวณรอบดวงตาด้วยฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม จะทำให้ใต้ตาดูเต็มมากขึ้น ใบหน้าโดยรวมดูสดชื่น ไม่อิดโรยหรือดูอ่อนล้า ผิวบริเวณใต้ตาเรียบเนียน ทำให้ใบหน้ากลับมาอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาตินั่นเอง
วิธีดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตามีวิธีการที่ไม่ยุ่งยาก ทุกคนสามารถปฎิบัติตามได้ง่าย ๆ ดังนี้
- หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา จะมีพลาสเตอร์ที่ปิดตามรอยเข็ม สามารถแกะออกได้เมื่อครบ 1 ชม.
- หากหลังฉีดใครที่มีอาการบวมแดง เขียวช้ำ หรือคันได้ในจุดที่ทำ พบมากในคนที่มีผิวบางมาก ๆ แนะนำไม่ควรแกะ เกา กดหรือนวดในจุดนั้น ๆ เพราะอาจทำให้เกิดการติดเชื้อ อักเสบ อาการเหล่านี้จะค่อย ๆ ดีขึ้นเองในช่วง 2-3 วัน
- หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาผ่านไป 3 วัน อาการบวมในบางคนจะเริ่มดีใคร แต่ถ้าใครมีอาการบวมแดงที่ยังไม่ดีขึ้น ให้กลับมาที่คลินิกเพื่อให้หมอตรวจเช็คหรือรับยากินเพิ่มได้
ข้อห้ามหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเสร็จ แต่งหน้าได้เลยหรือไม่ ? ห้ามล้างหน้า ห้ามทาครีมหรือไม่ ? เรามีคำตอบเหล่านี้มาฝาก
- หลังฉีดสามารถแต่งหน้าได้ตามปกติ
- สามารถล้างหน้าด้วยสบู่อ่อน ๆ โดนน้ำได้ไม่เกิน 15 นาที
- ขณะล้างหน้าไม่ควรขัดหรือนวดหน้า
- งดทาครีมบริเวณรอยเข็ม 1 คืน
- งดทำทรีทเม้นต์ ซาวน่า 14 วัน
- แนะนำให้อยู่ในอากาศเย็นๆ จะช่วยลดอาการบวมลงได้เร็วขึ้น
- ในบางเคสอาจปวดระบมตามรอยเข็มในคืนแรกหลังทำ สามารถกินยาแก้ปวด paracetamol ที่ทางคลินิกให้ไปทุกๆ 4 ชม .
อาหารต้องห้ามหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
อาหารบางประเภทเป็นอีกหนึ่งข้อห้ามที่ควรงดเว้นในช่วง 14 หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ได้แก่
- เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด
- อาหารดิบ อาหารหมักดอง
- อาหารประเภทรสจัด เผ็ดจัด เค็มจัด หวานจัด
- อาหารที่ต้องนั่งหน้าเตาร้อน ๆ
ข้อแนะนำ : การดื่มน้ำเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นานขึ้น เนื่องจากฟิลเลอร์มีคุณสมบัติช่วยอุ้มน้ำได้ดี แนะนำว่าควรดื่มน้ำให้เพียงพอ 1.5-2 ลิตร ต่อวัน |
ฟิลเลอร์ใต้ตา เจ็บมากไหม?
โดยทั่วไปก่อนฉีดฟิลเลอร์ จะมีการประคบเย็นและแปะยาชาลงบนผิวหนัง นอกจากนี้ฟิลเลอร์ส่วนใหญ่เกือบทุกยี่ห้อ มียาชาผสมอยู่แล้ว ดังนั้นในขั้นตอนการฉีดจะไม่รู้สึกเจ็บ
ฟิลเลอร์ใต้ตากี่วันเห็นผล กี่วันถึงเข้าที่ ?
อาการบวมหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา สามารถเกิดขึ้นได้ ถือเป็นเรื่องปกติ เป็นอาการบวมจากการใช้เข็ม หรือยาชา โดยทั่วไปประมาณ 3 วัน อาการจะค่อย ๆ ดีขึ้น การฟิลเลอร์ใต้ตาจะสามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ทันทีหลังฉีด จากนั้นประมาณ 4-5 วันจะค่อยๆ เข้าที่ เห็นผลลัพธ์ชัดเจนมากยิ่งขึ้นใน 2-3 สัปดาห์
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอยู่ได้นานแค่ไหน ?
อายุการใช้งานสำหรับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อยู่ได้นานแค่ไหน ? ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นที่เลือกใช้โดยทั่วไป ฟิลเลอร์แท้ (Hyaluronic Acid ) ที่ได้มาตรฐานมีอย. รับรอง จะมีอายุอยู่ได้นานประมาณ 6 -18 เดือน
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาต้องใช้กี่ cc เลือกยี่ห้อไหนดี ?
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา หมอจะเป็นคนประเมินว่าแต่ละเคสต้องใช้กี่ CC และยี่ห้อไหนเหมาะสม เพราะแต่ละคนมีปัญหาที่แตกต่างกัน เบื้องต้นเนื้อฟิลเลอร์ ที่เหมาะกับฉีดบริเวณใต้ตา จะเป็นฟิลเลอร์เนื้อละเอียด ไม่ฟูมาก เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ออกมาดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด ซึ่งยี่ห้อที่ได้รับความนิยมได้แก่
- Restylane Perlane Lyft มีความคงตัวสูง ไม่ฟู และสามารถคงรูปได้ดีที่สุด
- Restylane Defyne เนื้อเจลแข็งปานกลาง มีความยืดหยุ่นและอุ้มน้ำได้ดี
- Juvederm Volite เนื้อละเอียด ใช้เติมใต้ตาชั้นตื้น เหมาะกับคนผิวบางแต่ไม่มากเกินไป
- Juvederm Voluma เนื้อแข็ง ฟูปานกลาง ยืดหยุ่นสูง อุ้มน้ำและให้ความเป็นธรรมชาติ
สำหรับคนที่มีปัญหาตาลึกมาก ๆ ตาโหล จากอายุที่มาขึ้น สาเหตุจากกระดูกใต้ตามีการยุบลง ก็อาจจะต้องใช้ฟิลเลอร์มากขึ้นตามมาเพื่อให้เห็นผลัพธ์ออกมาดี สวยงาม คืนความอ่อนเยาว์ได้อย่างเห็นผล ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะปริมาณฟิลเลอร์ที่ 1 -2 CC ต่อข้าง ในการรักษา
ดังนั้นถ้าให้แนะนำเพื่อความคุ้มค่าและเสียค่าใช้จ่ายน้อย ๆ ให้รีบปรึกษาแพทย์และเข้ารับการดูแลตั้งแต่เนิ่น ๆ ก็จะใช้ปริมาณฟิลเลอร์น้อยลง ขณะเดียวกันยังช่วยชะลอความอ่อนเยาว์ให้อยู่ได้นานขึ้นได้ด้วย
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ราคาเท่าไหร่ ?
ฟิลเลอร์ใต้ตาราคาอยู่ที่หลักหมื่นต้น ๆ หากสำรวจราคาจากคลินิกเสริมความที่ได้มาตรฐาน ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 11,000 - 13,000 บาท ต่อ 1 CC ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นฟิลเลอร์ของแต่ละคลินิก และความชำนาญ เทคนิคการฉีดของหมอแต่ละท่าน แน่นอนว่าหมอเก่ง ๆ มีเคสรีวิวเยอะ ๆ ราคาอาจสูงขึ้น เพราะเป็นการการันตรีความปลอดภัย และผลลัพธ์ที่ดีได้
How to ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อย่างปลอดภัย
- เพื่อให้ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาได้อย่างปลอดภัย แนะนำให้เลือกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาในคลินิกที่ได้มาตรฐาน ผ่านการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข ยกตัวอย่างเช่น มีป้ายแสดงใบอนุญาต ได้รับการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข
- ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตากับแพทย์ที่มีประสบการณ์ มีความรู้ทางกายวิภาคเป็นอย่างดี และใช้ฟิลเลอร์แท้ที่ผ่านอย.เท่านั้น แนะนำก่อนฉีดให้หมอแกะกล่องให้ดูต่อหน้าเพื่อความสบายใจว่าเป็นฟิลเลอร์แท้ ไม่สอดใส้
- เพื่อความมั่นใจที่มากขึ้น แนะนำตรวจเช็คข้อมูลอย่างละเอียด ชื่อหมอที่ทำการฉีดใช่หมอจริงหรือไม่ มีรีวิวจากคนไข้ที่เคยเข้ามาใช้บริการมากน้อยแค่ไหน
สรุป
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา นอกจากช่วยแก้ไขปัญหาความหย่อนคล้อย ถุงใต้ตา ลดริ้วรอยใต้ตา ตาคล้ำ ยังเป็นตัวช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยได้ด้วย หากต้องการ ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอย่างปลอดภัย สิ่งสำคัญคือไม่ควรเลือกที่ราคาเป็นหลัก ราคาถูก ๆ โปรแรง ๆ ก็ต้องระวัง ควรดูรีวิวจากผู้ใช้บริการจริงในแหล่งที่เป็นกลาง น่าเชื่อถือ ต้องมั่นใจว่าฉีดกับหมอตัวจริง ใช้ฟิลเลอร์แท้ หลังฉีดมีการมีนัดติดตามผล และพร้อมให้คำแนะนำวิธีการดูแลหลังฉีด เพื่อให้ผลการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาออกมาดีที่สุด