ฟิลเลอร์ปาก คืออะไร? ฉีดฟิลเลอร์ปากทรงไหนดี ให้เหมาะกับหน้า
ฟิลเลอร์ปาก คืออะไร? ฉีดฟิลเลอร์ปากทรงไหนดี ให้เหมาะกับหน้า
ฟิลเลอร์ปากคือทางเลือกยอดฮิตที่ช่วยเติมริมฝีปากให้สวย ชุ่มชื้น และได้ทรงตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็นปากกระจับ ปากเกาหลี หรือปากสายฝอ แต่ทรงไหนเหมาะกับใบหน้าคุณที่สุด? บทความนี้มีคำตอบ พร้อมแนะนำวิธีเลือกฟิลเลอร์ปากให้เหมาะกับรูปหน้า ปลอดภัย เห็นผลไว ไม่ต้องพักฟื้น
ฟิลเลอร์ปาก คืออะไร
การฉีดฟิลเลอร์ปากเป็นการเติมเต็มริมฝีปากด้วยสารไฮยาลูรอนิกแอซิด (HA) ซึ่งมีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำสูง ทำให้ปากดูอิ่มฟู ชุ่มชื้น และมีความเรียบเนียน การฉีดสามารถปรับทั้งขนาด, รูปทรง, มิติของขอบปาก, และแก้ปัญหาปากแห้ง ตกร่อง หรือไม่เท่ากัน ได้โดยไม่ต้องผ่าตัด
ประโยชน์ของฟิลเลอร์ปาก
- เติมเต็มริมฝีปากบางให้ดูอวบอิ่ม
- แก้ไขปัญหาปากไม่สมมาตร เช่น ปากบนบางกว่าปากล่าง หรือขอบปากไม่เท่ากัน
- เพิ่มความชุ่มชื้นให้ริมฝีปากที่แห้ง แตก ลอกง่าย
- ลดริ้วรอยรอบปากจากอายุหรือพฤติกรรมเช่นสูบบุหรี่
- ยกมุมปากให้ดูสดใสขึ้น ลดความรู้สึกใบหน้าบึ้งตึง
- ปรับโหงวเฮ้งตามหลักโบราณ เช่น ช่วยเสริมเสน่ห์และโชคลาภ
ทรงฟิลเลอร์ปากยอดนิยม
- ฟิลเลอร์ปากกระจับ
ลักษณะเด่น: ริมฝีปากทรงโค้งเว้า ขอบปากชัดเจน ปลายปากเรียวเล็ก และมีลักษณะยกขึ้นคล้ายปีกนก ส่วนมากจะมีความคมชัดของร่องปากบน โดยเฉพาะบริเวณ Cupid’s bow (ร่องหยักตรงกลางริมฝีปากบน) ที่เห็นได้อย่างชัดเจน
เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการลุคหวาน สุภาพ ละมุน และดูเรียบร้อย ทรงนี้ช่วยทำให้ใบหน้าดูซอฟต์ อ่อนโยนขึ้น เหมาะกับคนที่อยากได้ความสวยแบบธรรมชาติ ไม่ดูอวบอิ่มจนเกินไป
ข้อดี:
- ช่วยปรับริมฝีปากให้ได้รูปชัด
- ขับเสน่ห์ความเป็นผู้หญิงแบบละมุน
- เหมาะกับใบหน้ารูปไข่และเรียวยาว
- ฟิลเลอร์ปากเกาหลี (Cherry Lips)
ลักษณะเด่น: ปากจะมีความอิ่มฟูบริเวณกลางริมฝีปากทั้งบนและล่าง คล้ายกับผลเชอร์รี่ มุมปากจะยกเล็กน้อยเพื่อสร้างลุคที่ดูสดใสและเป็นมิตร เน้นให้ริมฝีปากดูนุ่มแน่น กลมมน ไม่เน้นความคมเหมือนปากกระจับ
เหมาะสำหรับ: ผู้ที่อยากให้หน้าดูเด็กลง ริมฝีปากดูสุขภาพดี มีความละมุน เป็นทรงที่ได้รับความนิยมมากในกลุ่มสาวเกาหลีและผู้ที่ชอบลุค “สาวน่ารัก” หรือ baby face
ข้อดี:
- เสริมภาพลักษณ์ให้ดูสดใส อ่อนเยาว์
- เพิ่มวอลลุ่มแบบกำลังพอดี ดูไม่เว่อร์
- เข้ากับการแต่งหน้าโทนธรรมชาติหรือสายเกา
- ฟิลเลอร์ปากสายฝอ
ลักษณะเด่น: ริมฝีปากจะดูหนา อวบอิ่ม ทั้งบนและล่าง หรือเน้นริมฝีปากล่างเต็ม และริมฝีปากบนมีความเจ่อนิด ๆ ทรงนี้มักเน้นความชัดของรูปปากมากกว่ารายละเอียดที่บางเบา เป็นลุคที่มีพลังและเซ็กซี่ชัดเจน
เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ชอบลุคสวยจัด เต็ม ดูมั่นใจ มีเสน่ห์แบบสาวยุโรปหรือลุคแฟชั่น ทรงนี้นิยมในกลุ่มคนที่แต่งหน้าแน่น หรือมีบุคลิกชัดเจน เช่น influencer, สายแฟชั่น, หรือผู้ที่ต้องการ “ลุคปากทรงพลัง”
ข้อดี:
- เสริมลุคให้ดูโดดเด่นและมีเอกลักษณ์
- เพิ่มความมั่นใจในลุคเซ็กซี่และทันสมัย
- ถ่ายรูปออกมาชัดเจน ริมฝีปากมีมิติ
ฟิลเลอร์ปากเหมาะกับใคร
- ผู้ที่มีปัญหาปากบางหรือขาดความสมดุล
- ผู้ที่ต้องการเปลี่ยนรูปปากให้ชัดเจนและมีมิติ
- ผู้ที่มีปัญหาปากแห้ง ลอกเป็นขุยจากการขาดความชุ่มชื้น
- ผู้ที่มีร่องปากลึกหรือริ้วรอยรอบริมฝีปาก
- ผู้ที่อยากปรับโหงวเฮ้งเพื่อความมั่นใจในบุคลิกภาพ
ฟิลเลอร์ปากไม่เหมาะกับใคร
- ผู้ที่มีประวัติแพ้ HA หรือยาชา
- ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
- ผู้ที่มีแผลเป็นคีลอยด์ง่าย หรือมีพังผืดจากการผ่าตัดปากมาก่อน
- ผู้ที่มีโรคเริม หรือผิวหนังบริเวณปากอักเสบ ควรรักษาให้หายก่อน
- ผู้ที่มีภาวะเลือดออกง่าย ควรปรึกษาแพทย์ประจำตัวก่อนทำ
ยี่ห้อฟิลเลอร์ปากยอดนิยม
- Restylane Kysse – ฟิลเลอร์ปากเนื้อละเอียด ออกแบบมาเฉพาะสำหรับริมฝีปาก อยู่ได้นานถึง 12 เดือน
- Juvederm Volbella / Volift – ฟิลเลอร์ปากเนื้อนิ่ม เนียนละเอียด ให้ผลลัพธ์แบบธรรมชาติ อยู่ได้นาน 8–12 เดือน
- Belotero Lips (Shape & Contour) – ฟิลเลอร์ปากสำหรับเพิ่มวอลลุ่มและขอบปากโดยเฉพาะ เนื้อฟิลเลอร์เกลี่ยง่าย อยู่ได้นาน 9–12 เดือน
การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ปาก
- งดยากลุ่มแอสไพริน น้ำมันปลา วิตามินอี ล่วงหน้าอย่างน้อย 7 วัน
- งดแอลกอฮอล์ก่อนทำ 24 ชั่วโมง
- งดการทายาผลัดเซลล์ผิว แว็กซ์ หรือขัดปาก
- งดออกกำลังกายหนักก่อนทำ 1 วัน
- ควรแจ้งแพทย์เกี่ยวกับโรคประจำตัว ยา หรืออาหารเสริมที่ใช้อยู่
อ่านเพิ่มเติม : https://www.romrawin.com/mouth-filler/
ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ปาก
- ปรึกษาแพทย์เพื่อวิเคราะห์โครงสร้างปาก
- เลือกรุ่นและยี่ห้อของฟิลเลอร์ปากที่เหมาะกับผลลัพธ์ที่ต้องการ
- ทำความสะอาดและแปะยาชา จากนั้นประคบเย็นเพื่อลดอาการเจ็บ
- แพทย์ทำการฉีดฟิลเลอร์ปากด้วยเทคนิคที่เหมาะสม
- ตรวจสอบความสมดุลของรูปปาก ปรับทรงเพิ่มเติมถ้าจำเป็น
- แนะนำการดูแลหลังทำและนัดติดตามผล (ถ้ามี)
การดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก
- งดทาลิปสติกและผลิตภัณฑ์แต่งริมฝีปาก 24 ชั่วโมง
- ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อให้ฟิลเลอร์ดูดน้ำและอยู่ได้นานขึ้น
- หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด แอลกอฮอล์ และของร้อน
- งดขยี้ปาก ดึงหนังปาก หรือสัมผัสแรง ๆ
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักในช่วง 2–3 วันแรก
ผลข้างเคียงที่อาจพบ
- อาการบวม แดง หรือรู้สึกตึงภายใน 3–5 วันแรก
- อาการเป็นก้อน ถ้าฉีดฟิลเลอร์ปริมาณมากเกินไป หรือใช้เนื้อฟิลเลอร์ไม่เหมาะสม
- อาการแพ้หรืออักเสบเฉพาะจุด ซึ่งมักเกิดจากการใช้ฟิลเลอร์ไม่ได้มาตรฐาน หรือฉีดโดยผู้ไม่มีประสบการณ์
คำถามพบบ่อยเกี่ยวกับฟิลเลอร์ปาก
ฉีดฟิลเลอร์ปากกี่ CC ?
ปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้ขึ้นอยู่กับลักษณะปากเดิม รูปทรงที่ต้องการ และความหนาของเนื้อเยื่อริมฝีปาก โดยทั่วไปจะเริ่มต้นที่ 1-2 CC สำหรับการปรับรูปทรงเบื้องต้น เช่น ปากกระจับ หรือปากเกาหลี หากต้องการให้ปากอวบอิ่มแบบสายฝอ หรือมีเนื้อปากมาก อาจต้องใช้มากถึง 3 CC หรือมากกว่า ทั้งนี้ควรให้แพทย์ประเมินอย่างละเอียดก่อนทุกครั้ง
ฉีดฟิลเลอร์ปากอันตรายไหม?
ฟิลเลอร์ปากถือว่าปลอดภัย หากใช้ฟิลเลอร์แท้ที่ผ่านการรับรองจาก อย. และฉีดโดยแพทย์ผู้ชำนาญการ สาร Hyaluronic Acid สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ และไม่ตกค้างในร่างกาย อย่างไรก็ตาม พื้นที่ริมฝีปากมีเส้นเลือดฝอยมาก การฉีดที่ผิดเทคนิคอาจทำให้เกิดภาวะฟิลเลอร์อุดตันหลอดเลือดได้ จึงต้องเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์และมีความเข้าใจเชิงลึกในกายวิภาคของใบหน้า
ฉีดฟิลเลอร์ปากบวมกี่วัน? กี่วันเห็นผลลัพธ์?
หลังฉีดฟิลเลอร์ปากอาจมีอาการบวมประมาณ 2-5 วัน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการตอบสนองของร่างกาย โดยจะเห็นผลชัดเจนเต็มที่ภายใน 1-2 สัปดาห์ เมื่ออาการบวมลดลง ฟิลเลอร์เริ่มเข้าที่ ริมฝีปากจะดูสวยได้รูป เป็นธรรมชาติ และสามารถประเมินผลลัพธ์ได้อย่างแม่นยำหลังจากนั้น
ฉีดสลายฟิลเลอร์ปากได้ไหม?
หากไม่พอใจกับผลลัพธ์ หรือเกิดปัญหา เช่น ฟิลเลอร์เป็นก้อน ฟิลเลอร์ไหล สามารถฉีดเอนไซม์ Hyaluronidase เพื่อสลายฟิลเลอร์ออกได้ในกรณีที่ใช้ฟิลเลอร์แท้ที่ผลิตจาก HA ส่วนฟิลเลอร์ปลอมหรือฟิลเลอร์แบบถาวรจะไม่สามารถสลายด้วยวิธีนี้ได้ จำเป็นต้องใช้วิธีผ่าตัดเอาออก ซึ่งมีความเสี่ยงสูงกว่า
ฉีดฟิลเลอร์ปากเจ็บไหม?
บริเวณริมฝีปากมีความไวต่อความรู้สึกมากกว่าบริเวณอื่นของใบหน้า แต่ก่อนฉีดจะมีการแปะยาชาและประคบเย็น เพื่อบรรเทาความรู้สึกระหว่างหัตถการ และฟิลเลอร์บางยี่ห้อยังมีส่วนผสมของยาชา Lidocaine ภายในผลิตภัณฑ์อีกด้วย จึงช่วยลดความเจ็บได้มากจนผู้เข้ารับบริการส่วนใหญ่อดทนได้สบาย
ผ่าตัดปากมาแต่ปากบาง ฉีดฟิลเลอร์ปากได้ไหม?
สามารถฉีดฟิลเลอร์ได้ในบางกรณี โดยต้องให้แพทย์ประเมินว่ามีพังผืดหรือเนื้อปากหลงเหลือเพียงพอหรือไม่ หากมีพังผืดมาก หรือเนื้อปากตึงรั้งมากเกินไป จะทำให้ฉีดฟิลเลอร์ได้จำกัด หรือไม่สามารถฉีดได้เลยในบางจุด ดังนั้นควรปรึกษาแพทย์ผู้มีประสบการณ์เฉพาะทางด้านผ่าตัดและฟิลเลอร์ร่วมกัน
ฟิลเลอร์ปากฉีดได้บ่อยแค่ไหน?
หากต้องการเติมฟิลเลอร์เพิ่มเติม ควรเว้นระยะห่างประมาณ 2-4 สัปดาห์ เพื่อให้ฟิลเลอร์เดิมเข้าที่ก่อน หากต้องการฉีดใหม่เมื่อฟิลเลอร์เดิมสลายแล้ว สามารถฉีดซ้ำได้ตามรอบปกติทุก 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์และสภาพการดูแลรักษาริมฝีปากของแต่ละคน
ฟิลเลอร์ปากอยู่ได้นานกี่เดือน?
ฟิลเลอร์ปากสามารถอยู่ได้นานประมาณ 6–18 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ที่ใช้ เช่น รุ่นเนื้อนิ่ม อยู่ได้นาน 6–9 เดือน รุ่นเนื้อแน่น คงตัวดี อยู่ได้นาน 12–18 เดือน
การดูแลหลังฉีดอย่างเหมาะสม เช่น การดื่มน้ำเพียงพอ หลีกเลี่ยงความร้อนและการบีบปากบ่อย ๆ จะช่วยยืดอายุของฟิลเลอร์ได้ดีขึ้น
สรุป
ฟิลเลอร์ปากเป็นหัตถการที่ให้ผลลัพธ์ทันที เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปทรงริมฝีปากให้ดูสวยสมดุล เสริมความมั่นใจ และแก้ไขปัญหารูปปากแบบไม่ต้องผ่าตัด แต่สิ่งสำคัญคือต้องเลือกแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ใช้ฟิลเลอร์ของแท้ และปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจที่สุดในระยะยาว
อ้างอิงจาก: https://www.romrawin.com/mouth-filler/
https://www.romrawin.com/mouth-filler-brand/
















