โบท็อกกราม ปรับหน้าเรียวสวยละมุนดูเป็นธรรมชาติ
โบท็อกกราม หัตถการที่ช่วยลดกล้ามเนื้อบริเวณกราม ปรับรูปหน้าให้เรียวอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ต้องพักฟื้น แนะนำข้อควรรู้ก่อนเลือกฉีดโบท็อกกรามและวิธีดูแลตัวเอง
ใครที่อยากแก้ปัญหาหน้าเหลี่ยมให้เรียวกระชับ อาจรู้กันมาบ้างแล้วว่ามีหัตถการที่ช่วยปรับรูปหน้าอย่างโบท็อกกราม ซึ่งเป็นหัตถการที่เห็นผลลัพธ์ชัดเจนและไม่ต้องพักฟื้น การฉีดโบลดกรามจึงเป็นทางเลือกที่หลายคนให้ความสนใจกันอย่างต่อเนื่อง สำหรับใครที่กำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะฉีดโบท็อกกรามดีไหม มาดูกันว่าการฉีด Botox กรามมีอะไรต้องรู้บ้าง และหลังฉีดแล้วต้องดูแลตัวเองยังไงได้ในบทความนี้
ชวนไปทำความรู้จักโบท็อกกราม คืออะไร?
โบท็อกกรามคือการฉีดสารโบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ (Botulinum Toxin A) เข้าไปบริเวณกราม ทำให้กล้ามเนื้อกรามทำงานน้อยลง ช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัว ทำให้กรามดูเล็ก เรียว และใบหน้าได้รูปมากขึ้น โดยส่วนใหญ่แล้วการฉีดโบท็อกกรามนิยมทำคู่กับการลิฟต์กรอบหน้า จะยิ่งช่วยให้หน้าเรียวมากยิ่งขึ้น
ใครบ้างที่ควรฉีดโบท็อกกราม
- ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวเล็ก ดูเป็นธรรมชาติ
- ผู้ที่มีกล้ามเนื้อกรามเยอะ
- ผู้ที่ต้องการลดขนาดกรามโดยไม่ต้องเข้ารับการผ่าตัด
- ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็ว และไม่ต้องพักฟื้น
จะรู้ได้ยังไงว่ากรามใหญ่เพราะกล้ามเนื้อ?
การมีกรามใหญ่สามารถเกิดได้จาก 2 สาเหตุหลัก คือ กล้ามเนื้อกรามใหญ่และกระดูกกรามใหญ่ ซึ่งสังเกตได้โดยการเอามือจับบริเวณกรามแล้วกัดฟัน หากมีก้อนเนื้อแข็ง ๆ นูนขึ้นมา แสดงว่ากรามใหญ่จากกล้ามเนื้อ ซึ่งเกิดจากการเคี้ยวอาหารแข็ง ๆ หรือการนอนกัดฟัน แต่ถ้าจับแล้วรู้สึกถึงความแข็งของกระดูก ไม่ค่อยมีกล้ามเนื้อนูนขึ้นมา แสดงว่ากรามใหญ่จากกระดูก ซึ่งเกิดจากโครงสร้างกระดูกกรามที่ใหญ่มาตั้งแต่เกิด กรามใหญ่จากกล้ามเนื้อสามารถแก้ไขได้ด้วยการฉีดโบท็อกเพื่อลดขนาดกล้ามเนื้อ ส่วนกรามใหญ่จากกระดูก แก้ไขได้ด้วยการผ่าตัดปรับโครงสร้างกระดูกกรามเท่านั้น
โบท็อกกรามกับร้อยไหม แบบไหนดีกว่ากัน?
การฉีดโบท็อกจะเป็นการฉีดลดกล้ามเนื้อบริเวณกรามให้เล็กลง เพิ่มมิติกรอบหน้า ปรับหน้าเรียวเล็กแบบเป็นธรรมชาติ เห็นผลเร็ว มีโอกาสบวมช้ำน้อยและฟื้นตัวเร็ว ในขณะที่ร้อยไหมจะเป็นการแก้ปัญหาผิวหนังหย่อนคล้อย เช่น ผิวหนังบริเวณแก้มห้อย แต่ผิวจะบวมมากหลังร้อยไหม ใช้เวลาฟื้นตัวนาน และมีขั้นตอนการดูแลตัวเองที่ยุ่งยากกว่าการฉีดโบท็อก
แนะนำวิธีการดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกกราม
แม้ว่าหลังฉีดโบท็อกกรามจะมีโอกาสบวมช้ำน้อยและเห็นผลไวอยู่แต่ แต่การดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกอย่างดีตามคำแนะนำของแพทย์ ก็จะยิ่งช่วยให้โบท็อกเข้าที่ไวและผลลัพธ์อยู่ได้นานมากยิ่งขึ้น
- 4 ชั่วโมงแรกหลังฉีดโบท็อกกราม ควรงดนอนตะแคงและนอนราบ เพื่อไม่ให้ยาเคลื่อนตัว
- หลังฉีดโบท็อกกรามแนะนำให้เคี้ยวหมากฝรั่งประมาณ 15 นาที จะช่วยให้ตัวยากระจายตัวได้เต็มที่
- 4-6 ชั่วโมงแรกหลังฉีดโบท็อก หลีกเลี่ยงการแต่งบริเวณรอยเข็มเพื่อหลีกเลี่ยงการอุดตัน
- 1 วันหลังฉีดโบท็อก งดออกกำลังกายหนัก ๆ ถ้าใครกังวลเรื่องรอยเขียวช้ำซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นได้ยาก แนะนำให้เลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และวิตามินเช่น Fish oil เพราะจะทำให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น
- หลังฉีดทันที-2 สัปดาห์หลังฉีดโบท็อก งดทำใช้เครื่องนวดหน้า เครื่องล้างหน้า สครับหน้า สปาหน้า
- หลังฉีดทันที-2 สัปดาห์หลังฉีดโบท็อก ควรหลีกเลี่ยงไม่ให้หน้าสัมผัสความร้อนโดยตรง เช่น เลเซอร์ อบซาวน่า เพราะอาจทำให้โบท็อกเสื่อมประสิทธิภาพ
หลังฉีดโบท็อกกรามนอนตะแคงได้ไหม
หลังการฉีดโบท็อกกรามประมาณ 4-6 ชั่วโมง ตัวยายังไม่เข้าที่ เพื่อไม่ให้เกิดการกดทับบริเวณกล้ามเนื้อจึงไม่ควรนอนตะแคงหรือนอนหงายราบไปกับลำตัว แนะนำให้ใช้หมอนรองคอ นั่งเอนหลังหรือใช้หมอนสูงขณะนอนหลับไปก่อน ในการนี้จะช่วยให้โบท็อกสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและเห็นผลลัพธ์สมดุลคงที่มากยิ่งขึ้น
สรุป โบท็อกกราม หน้าเรียวเห็นผลทันใจ อยู่ได้นาน ไม่ต้องพักฟื้น
โบท็อกกราม เป็นหัตถการที่จะช่วยปรับรูปหน้าให้เรียวเล็กละมุน เห็นกรอบหน้าชัดมีมิติมากยิ่งขึ้น โดยจะใช้วิธีการฉีดสารที่จะปรับการทำงานกล้ามเนื้อให้น้อยลง ส่งผลให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้น ๆ เล็กลงได้ ดังนั้นโบท็อกกรามจึงตอบโจทย์อย่างมากสำหรับผู้ที่มีปัญหากล้ามเนื้อกรามใหญ่ แต่จะไม่สามารถลดกระดูกกรามได้
อย่างไรก็ตาม การฉีดโบท็อกกรามควรเลือกรับบริการกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ด้านการฉีดโบท็อก ใช้โบท็อกยี่ห้อที่ผ่าน อย. รวมถึงคลินิกต้องมีใบอนุญาต สามารถตรวจสอบได้จริง เพื่อที่จะได้ฉีดโบท็อกอย่างปลอดภัย หน้าเรียวสวยแบบไม่เสี่ยงอันตราย

















