กลืนน้ำลายแล้วเจ็บคอ อาการแบบไหนบ่งบอกถึงโรครุนแรงขึ้น
กลืนน้ำลายแล้วเจ็บคอ อาการป่วยที่ทุกคนมักมองข้าม หากไม่รักษาให้ถูกจุด อาจส่งผลให้เกิดการติดเชื้อเข้าสู่ร่างกาย ทั้งยังเพิ่มความรุนแรงต่ออาการป่วยได้มากขึ้น
เมื่อร่างกายได้แจ้งเตือนจากอาการกลืนน้ำลายแล้วเจ็บคอ บางท่านมักจะคิดว่าเป็นเพียงหวัดธรรมดา การนอนหลับพักผ่อนสักพักอาการคงดีขึ้น แต่อาการกลืนน้ำลายแล้วเจ็บคอกลับเป็นสร้างปัญหากวนใจเมื่อเริ่มมีอาการรุนแรงขึ้น หรือเป็นเรื้อรังไม่หายสักที ในบางท่านอาจรุนแรงถึงขั้นปวดหู ปวดศีรษะร่วมด้วย หากปล่อยอาการเหล่าไว้นาน โดยไม่รักษาให้ถูกวิธี อาจส่งผลให้เพิ่มความรุนแรงและทรมานมากขึ้น วันนี้เรามาหาคำตอบเบื้องต้นกับอาการกลืนน้ำลายแล้วเจ็บคอ ปวดหู วิธีรักษาเป็นอย่างไรให้บรรเทาลงได้กันเถอะ
สาเหตุเบื้องต้นของอาการกลืนน้ำลายแล้วเจ็บคอ เกิดจากอะไรได้บ้าง?
สาเหตุของอาการกลืนน้ำลายแล้วเจ็บคอ มักจะเกิดได้หลากหลายสาเหตุ ซึ่งมักมาพร้อมกับปัจจัยทั้งภายใน – ภายนอกเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งยังส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันจนสร้างความกังวลต่อตัวท่านว่าอาจเกิดความผิดปกติต่อร่างกายตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการไข้หวัด คออักเสบ หรือแค่มีอาการเจ็บคอจากการติดเชื้อ เป็นต้น เพื่อให้ท่านสามารถหาคำตอบของอาการกลืนน้ำลายแล้วเจ็บคอ เรามาสำรวจสาเหตุที่ก่อให้เกิดอาการเหล่านี้ เพื่อหาแนวทางในการรักษาได้อย่างตรงจุด โดยสามารถแบ่งสาเหตุได้ ดังนี้
1. สาเหตุประเภทที่ 1
กลืนน้ำลายแล้วเจ็บคอจากการติดเชื้อแบคทีเรีย
: อีกหนึ่งสาเหตุของอาการเจ็บคอ กลืนน้ำลายลําบากที่พบได้ไม่บ่อยมากนัก แต่มักมาพร้อมกับความรุนแรงของอาการโรคที่ติดเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งมักจะแสดงอาการติดเชื้อได้ ไม่ว่าจะเป็น ความไม่สบายตัว มีเสมหะข้นเหนียวสีเข้มทั้งยังไอเป็นเวลานานอย่างต่อเนื่องส่งผลให้บริเวณลำคอแดง คออักเสบ ส่งผลให้เจ็บคอมาก กลืนน้ำลายไม่ได้ ในบางท่านจะมีต่อมน้ำเหลืองบวมร่วมด้วย การติดเชื้อแบคทีเรียนี้จะมีระยะเวลาในการฟักเชื้อนานกว่าการติดเชื้อไวรัส โรคที่สามารถแสดงอาการติดเชื้อแบคทีเรียจะมีอาการแตกต่างกัน เช่น
- โรคคออักเสบ (Pharyngitis) มักจะแสดงอาการติดเชื้อได้แก่เพดานบริเวณลำคอ - ผนังคอหอยบวมแดง เจ็บคอ กลืนน้ำลายลําบาก ร่วมด้วยกับไข้ขึ้นสูง คลื่นไส้ ปวดศีรษะ เมื่อตามเนื้อตัวร่างกาย มีความเบื่ออาหาร
- โรคต่อมทอนซิลอักเสบ (Tonsilitis) เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ทำให้ผู้ป่วยปวดเมื่อยตามร่างกาย กลืนน้ำลายแล้วเจ็บคอ ปวดหู ต่อมทอนซิลบวมแดงในบางรายต่อมทอนซิลอักเสบมีจุดหนองสีขาวเกิดขึ้น เมื่อนำนิ้วกดจะรู้สึกเจ็บในบริเวณต่อมทอนซิล ทั้งยังเจ็บคอข้างซ้าย และเจ็บคอข้างขวาไปพร้อมกันอีกด้วย
2. สาเหตุประเภทที่ 2
กลืนน้ำลายแล้วเจ็บคอจากการติดเชื้อไวรัส
: การติดเชื้อไวรัสนี้ เป็นจุดเริ่มต้นของอาการกลืนน้ำลายแล้วเจ็บคอที่พบได้เป็นประจำในทุก ๆ ช่วงฤดู เพียงแต่อาการในช่วงเริ่มต้นมักจะไม่มีน้ำมูก ไม่มีเสมหะ แต่เจ็บคอมาก กลืนน้ำลายไม่ได้ เมื่อเวลาผ่านไปจะเกิดอาการไอ มีน้ำมูกไหล ในบางรายมีไข้ร่วมด้วย ซึ่งการกลืนน้ำลายแล้วเจ็บคอ ปวดหูจากการติดเชื้อไวรัสมักจะแสดงอาการได้เร็วกว่าการติดเชื้อแบคทีเรียในระยะเวลา 3 – 5 วัน วิธีแก้เจ็บคอ กลืนน้ำลายไม่ได้ท่านสามารถรักษาได้ตามอาการ โดยเชื้อไวรัสที่สามารถพบได้บ่อย ได้แก่
- เชื้อโควิด – 19 (Covid-19 )
- เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ (Influenza)
- เชื้อไวรัสมือเท้าปาก (Enterovirus 71)
- เชื้อไวรัสไข้หวัดทั่วไป เป็นต้น
3. สาเหตุประเภทที่ 3
สาเหตุประเภทนี้มาจากสาเหตุอื่นที่ไม่ใช่การติดเชื้อไวรัส และการติดเชื้อแบคทีเรียที่อาจเป็นไปได้ว่าจะเป็นโรคบางโรคในช่วงนั้น หรือรวมไปถึงเหตุจากปัจจัยภายนอกร่วมกระตุ้นด้วยจนเกิดการระคายเคือง ไอ มีอาการเจ็บคอ กลืนลําบาก ไม่มีไข้ ซึ่งบางโรคจะมีอาการบ่งชี้แตกต่างกันออกไป ดังเช่น
- อาการแพ้จากทางเดินหายใจ : ไม่ว่าจะเป็นการแพ้อากาศ แพ้ฝุ่นละออง แพ้เกสรดอกไม้ หรือภูมิแพ้จากสารก่อภูมิแพ้ชนิดอื่น เช่น แพ้สารเคมีที่มาจากสิ่งของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน รวมถึงสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยฝุ่นควันอย่าง PM 2.5 เป็นต้น ซึ่งเมื่อร่างกายได้รับรับสารเหล่านี้เข้าไปจนสร้างภูมิคุ้มกัน ส่งผลให้เกิดการระคายเคืองบริเวณเยื่อบุในลำคอ จนส่งผลให้ไอจาม จนกลืนน้ำลายแล้วเจ็บคอนั่นเอง
- โรคกรดไหลย้อน : อาการของโรคกรดไหลย้อนเป็นลักษณะของกรดจากกระเพาะอาหารที่ไหลย้อนขึ้นมาผ่านบริเวณลำคอ ก่อให้เกิดความแสบร้อนคอ เจ็บปวดในเวลากลืนน้ำลาย ทำให้ระคายเคืองคอตลอดเวลา เมื่อต้องการกลืนน้ำลายแล้วเจ็บคอ บางรายอาจเรอเปรี้ยวบ่อย คลื่นไส้คล้ายมีน้ำย่อยไหลย้อนกลับขึ้นลำคอมาได้
- พบเนื้องอกในบริเวณลำคอ : เป็นกรณีที่อาจพบได้น้อยมาก แต่อย่างไรก็ตามอาการกลืนน้ำลายแล้วเจ็บคอ กินยาอะไรก็ไม่หายพร้อมทั้งเจ็บคอเรื้อรังเป็น ๆ หาย ๆ การหาสาเหตุของอาการที่แท้จริงท่านควรปรึกษาแพทย์ เพื่อหาทางแก้ไขโดยเร็ว
- การรับประทานอาหารที่มีรสจัด / บาดเจ็บเนื่องจากมีสิ่งแปลกปลอมติดอยู่ภายในบริเวณลำคอ : อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดการเจ็บคอเหมือนอะไรติดคอ วิธีแก้ที่ดีที่สุดคือการรับประทานอาหารในรสชาติปกติ ไม่เผ็ด - เปรี้ยว - หวาน – เค็มจนเกินไป รวมถึงหากมีสิ่งแปลกปลอมในลำคอท่านควรเข้ารักษาให้หายในทันที เพื่อความปลอดภัยต่อตัวท่านเอง
- การใช้เสียง : มักพบได้โดยง่ายจากท่านที่จำเป็นต้องใช้เสียงในการทำงาน เพื่อความอยู่รอในการดำเนินชีวิตในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นแม่ค้า นักร้อง พิธีกร อาจารย์ คุณครู เป็นต้น โดยใช้เสียงมากกว่าปกติจนก่อให้เกิดอาการเจ็บคอมาก กลืนน้ำลายไม่ได้
กลืนน้ำลายแล้วเจ็บคอ โรคที่ควรระวังที่เกี่ยวข้องกับอาการเหล่านี้มีอะไรบ้าง ?
จากที่ได้อธิบายข้อมูลไปบ้างแล้ว หากท่านมีอาการกลืนน้ำลายแล้วเจ็บคอ มักจะเสี่ยงจากหลายสาเหตุที่ก่อให้เกิดโรคได้ จากหลากหลายปัจจัย ซึ่งท่านควรสังเกตอาการที่บ่งชี้ว่าเกี่ยวข้องจากสาเหตุใด เพื่อหาแนวทางการรักษาได้อย่างถูกต้อง
- โรคที่เกิดจากสาเหตุติดเชื้อไวรัส : ได้แก่ เชื้อไวรัสมือเท้าปาก (Enterovirus 71) , เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ (Influenza) , เชื้อไวรัสไข้หวัดทั่วไป และเชื้อโควิด – 19 (Covid-19 ) เป็นต้น
- โรคที่เกิดจากสาเหตุติดเชื้อแบคทีเรีย : ได้แก่ โรคต่อมทอนซิลอักเสบ (Tonsilitis) , โรคคออักเสบ (Pharyngitis)
- โรคประเภทอื่นที่ไม่ใช่การติดเชื้อ : ได้แก่ โรคภูมิแพ้ทางเดินหายใจ , โรคกรดไหลย้อน ,ไอเรื้อรัง และในบางท่านอาจเกิดจากเนื้องอกในลำคอ เป็นต้น
ข้อสังเกตของอาการคออักเสบกับทอนซิลอักเสบ แตกต่างกันยังไง
ทอนซิลอักเสบ (Tonsillitis)
สาเหตุที่ก่อให้เกิดต่อมทอนซิลอักเสบได้นั้น มีทั้งในกรณีของการติดเชื้อไวรัส และการติดเชื้อแบคทีเรียได้ทั้ง 2 กรณี ซึ่งทอนซิลจะเป็นต่อมน้ำเหลือง 2 ต่อมที่อยู่คู่กับในด้านซ้าย – ขวาในบริเวณลำคอใกล้ ๆ กับโคนลิ้น ซึ่งทอนซิลจะทำหน้าที่ดักจับ ปกป้อง ทำลาย เชื้อโรคต่าง ๆ ที่จะเข้ามาสู่ร่างกายของเราในระบบทางเดินอาหาร และระบบทางเดินหายใจ เมื่อทอนซิลเกิดการติดเชื้อจะส่งผลให้ทอนซิลอักเสบขึ้น จนไม่สามารถทำงานได้อย่างเป็นปกติ จนส่งผลให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายมากขึ้น
อาการที่บ่งบอกว่าเป็นทอนซิลอักเสบ ได้แก่
- เจ็บคอ กลืนน้ำลายลําบาก ทั้งการดื่มน้ำเข้าสู่ร่างกายก็มีอาการเจ็บปวด
- เริ่มมีกลิ่นปาก
- มีไข้ขึ้น หนาวสั่น ปวดศีรษะ เมื่อยตามตัว
- คัดจมูกมีน้ำมูลเหนียว ในบางท่านอาจมีอาการปวดหูร่วม เนื่องจากผลกระทบจากการอักเสบของทอนซิลจะทำให้เกิดการอักเสบบริเวณหูได้เช่นกัน
- ในบริเวณลำคอมีจุดขาว / เหลือง คล้ายหนองในบริเวณนั้น
- เนื้อบริเวณต่อมทอนซิลโตขึ้น หรือบวมมาก หากคลำแล้วเจ็บปวดมาก (แล้วแต่อาการของแต่ละท่านจะหนักเบาต่างกัน)
คออักเสบ (Pharyngitis)
สาเหตุเกิดจากการอักเสบของเนื้อเยื่อในบริเวณลำคอหลังบริเวณช่องปากเกิดอักเสบขึ้นมา ซึ่งอาจจะเกิดจากหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็นการติดจากเชื้อไวรัส จากเชื้อแบคทีเรีย หรือไม่ติดเชื้อใด ๆ ก็ได้ เมื่อเนื้อเยื่อบริเวณลำคอเกิดการติดเชื้อจนส่งผลให้อักเสบมีการบวมแดงบริเวณคอ เจ็บคอ กลืนลําบาก วิธีแก้ที่ได้ประสิทธิภาพมากที่สุดคือการรับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง เนื่องจากอาการจะไม่รุนแรงเท่ากับทอนซิลอักเสบนั่นเอง
สาเหตุที่ก่อให้เกิดการเจ็บคอ
- มักจะมาจากการติดเชื้อไวรัส และเชื้อแบคทีเรียได้เช่นเดียว
- สภาพอากาศในขณะนั้นก็เป็นหนึ่งสาเหตุที่ก่อเกิดการอักเสบของลำคอได้เช่นเดียวกัน
- ติดจากบริเวณเคยอาศัยมีเชื้อโรคกระจายในอากาศที่สามารถเข้ามาทางจมูกได้
- ผู้ที่เป็นภูมิแพ้ การเปลี่ยนผ่านตามฤดูต่าง ๆ
- โรคกรดไหนย้อน
- มีตัวกระตุ้นให้เกิดการระคายเคืองในลำคอ รวมถึงท่านที่ป่วยด้วยอาการไซนัสเป็นประจำ
- ในบางรายอาจเกิดเนื้องอกในลำคอได้ซึ่งพบน้อยมาก ๆ
- ผู้ที่สูบบุหรี่ หรือผู้ใกล้ชิดผู้สูบ
จะเห็นได้ว่า ต่อมทอนซิล จะเป็นการทำหน้าที่ของต่อมทอนซิลคู่ที่คัดกรองสิ่งสกปรก ปกป้องเชื้อโรคไม่ให้เข้ามาสู่ร่างกาย เมื่อเกิดการติดเชื้อจึงมีอาการรุแรงกว่าอาการของคออักเสบนั้นเอง
เมื่อมีการเจ็บคอแล้วสามารถกินน้ำเย็นได้หรือไม่
หากท่านเริ่มมีอาการกลืนน้ำลายแล้วเจ็บคอ มีการระคายเคืองคอ การดื่มน้ำเย็นจะยังไม่สามารถช่วยบรรเทาอาการเหล่านี้ได้ วิธีที่จะช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอกลืนน้ำลายไม่ได้ มีดังนี้
- การล้างทำความสะอาดลำคอด้วยน้ำเกลือ ผสมน้ำอุ่น จะช่วยลดการอักเสบ พร้อมกับฆ่าเชื้อโรคที่อยู่บริเวณลำคอได้
- การดื่มชาอุ่น หรือน้ำอุ่นในระดับความร้อนที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นชาดอกคาโมมายล์ น้ำขิง น้ำสมุนไพร น้ำซุป น้ำผึ้งผสมมะนาว เป็นต้น เพื่อลดการระคายเคืองในคอ อีกทั้งการได้รับไอความร้อนจากน้ำชา / น้ำร้อนสมุนไพร จะช่วยทางเดินหายใจสดชื่นขึ้น
- ยาพ่นแก้เจ็บคอ / ลูกอมแก้เจ็บคอ ซึ่งในปัจจุบันมีหลากหลายยี่ห้อที่มีส่วนผสมของสมุนไพรไทยที่ช่วยบรรเทาการเจ็บคอ กลืนน้ำลายลําบาก จะช่วยให้คอชุ่มชื้นได้อีกด้วย
หากเจ็บคอแบบไหน ท่านควรไปพบแพทย์ทันที
อาการเจ็บคอมาก กลืนน้ำลายไม่ได้ ทําไงดีให้หายเป็นปกติ , อาการกลืนน้ำลายแล้วเจ็บคอแบบไหนควรเข้าปรึกษาแพทย์ในทันที วิธีการสังเกตตนเองมีด้วยกันดังนี้
- กลืนน้ำลายแล้วเจ็บคอ ปวดหู ปวดศีรษะ
- เจ็บคอมาก กลืนน้ำลายไม่ได้ มีการบวมแดงในบริเวณลำคอ
- กลืนน้ำลายแล้วเจ็บคอ ข้างขวา ข้างซ้าย พร้อมด้วยมีไข้ร่วมด้วย
- เจ็บคอ หายใจติดขัด กินลำบาก คลื่นไส้ ไอมีเสมหะ มีเลือดปะปนออกมาพร้อมเสมหะ ในลำคออาจพบหนองในลักษณะสีขาว เหลือง
อาการที่กล่าวมาข้างต้น หากมีความรุนแรงที่เพิ่มระดับเรื่อย ๆ ตามข้อสังเกตที่ให้ไปนั้น สิ่งเหล่านี้จะเป็นสัญญาณเตือนภัยเกี่ยวกับโรคที่ท่านควรระวัง ซึ่งท่านควรดูแลรักษาสุขภาพพร้อมกับบรรเทาอาการของตนเองในเบื้องต้นได้ เพื่อหลีกเลี่ยงความทรมานจากอาการป่วยที่รุนแรงจากการติดเชื้อโรคเพียงแต่หากอาการไม่ดีขึ้น มีความรุนแรงที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ท่านควรรีบปรึกษาแพทย์ในทันที
เมื่อมีอาการกลืนน้ำลายแล้วเจ็บคอควรทำอย่างไร
จะเห็นได้ว่าสาเหตุของการ กลืนน้ำลายแล้วเจ็บคอ เกิดได้จากหลาย ๆ สาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการติดเชื้อจากไวรัส หรือการติดจากเชื้อแบคทีเรีย และสาเหตุปัจจัยอื่น ๆ อย่างเช่น โรคภูมิแพ้ สภาพอากาศ ฝุ่นควัน โรคกรดไหลย้อน เป็นต้น เมื่อร่างกายของท่านได้ส่งสัญญาณเตือนอาการกลืนน้ำลายแล้วเจ็บคอ ปวดหู วิธีรักษาที่ดีที่สุดคือการสำรวจความรุนแรงเบื้องต้น พร้อมทั้งสังเกตอาการให้ตรงจุด เพื่อให้ท่านสามารถเข้ารับการรักษา - เข้ารับการวินิจฉัยจากแพทย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

















