หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
รวมข่าว บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ไขมัน มีทั้งดีและไม่ดี เลือกกินอย่างไรให้สุขภาพดี

โพสท์โดย วลาดิเมียร์ปูติน

ไขมัน มีทั้งดีและไม่ดี เลือกกินอย่างไรให้สุขภาพดี
ไขมัน เป็นหนึ่งในสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย นอกจากน้ำที่เป็นองค์ประกอบหลักแล้ว ร่างกายของเรายังต้องการไขมันเพื่อช่วยในการทำงานของอวัยวะต่างๆ รวมถึงให้พลังงานและช่วยดูดซึมวิตามินบางชนิด อย่างไรก็ตาม ไขมัน ไม่ได้มีเพียงด้านดีเสมอไป เพราะหากบริโภคมากเกินไป หรือเลือกกินไขมันที่ไม่ดี อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ

ไขมัน ในร่างกายแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก ไขมันที่ดี ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกาย และไขมันที่ไม่ดี ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ การเลือกบริโภคไขมันให้ถูกต้องจึงเป็นสิ่งสำคัญ การเข้าใจว่าไขมันแต่ละประเภทมีผลอย่างไร และควรเลือกกินไขมันแบบไหน จะช่วยให้เราสามารถรักษาสุขภาพและควบคุมน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับไขมันในทุกมิติ ทั้งข้อดี ข้อเสีย และวิธีเลือกกินไขมันให้เกิดประโยชน์มากที่สุด

ประเภทของไขมันในร่างกาย

ไขมัน เป็นสารอาหารที่มีบทบาทสำคัญต่อร่างกายและสุขภาพ โดยทำหน้าที่เป็นแหล่งพลังงาน ช่วยสร้างฮอร์โมน และเป็นองค์ประกอบของเซลล์ในร่างกาย ไขมัน ในร่างกายสามารถแบ่งออกเป็น 4 ประเภทหลัก ตามโครงสร้างและหน้าที่ที่แตกต่างกัน

1. กรดไขมันอิสระ (Free Fatty Acids)

กรดไขมันที่แยกตัวออกจากไขมันสะสมในร่างกาย และถูกนำไปใช้เป็นพลังงาน

  1. หน้าที่ของไขมันอิสระ
    1. เป็นแหล่งพลังงานที่ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้ทันที
    2. มีบทบาทสำคัญในกระบวนการเผาผลาญพลังงาน
  2. แหล่งที่มาของไขมันอิสระ
    1. มาจากการสลายไขมันสะสมในร่างกาย
    2. ได้จากอาหารที่มีไขมันดี เช่น น้ำมันมะกอกและน้ำมันปลา
  3. คำแนะนำ
    1. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้ร่างกายดึงไขมันอิสระไปใช้ได้มากขึ้น

2. โคเลสเตอรอล (Cholesterol)

ไขมัน ชนิดหนึ่งที่จำเป็นต่อกระบวนการทำงานของร่างกาย โดยเฉพาะการสร้างฮอร์โมนและโครงสร้างเซลล์

  1. หน้าที่ของโคเลสเตอรอล
    1. ช่วยในการผลิตฮอร์โมนสำคัญ เช่น ฮอร์โมนเพศและฮอร์โมนคอร์ติซอล
    2. เป็นวัตถุดิบในการสร้างวิตามินดีและน้ำดีที่ช่วยย่อยอาหาร
  2. ประเภทของโคเลสเตอรอล
    1. LDL (Low-Density Lipoprotein) หรือที่เรียกว่า ไขมันเลว สามารถสะสมในหลอดเลือดและเพิ่มความเสี่ยงของโรคหัวใจ
    2. HDL (High-Density Lipoprotein) หรือ ไขมันดี ช่วยกำจัดโคเลสเตอรอลส่วนเกินออกจากกระแสเลือด
  3. คำแนะนำ
    1. เลือกบริโภคไขมันไม่อิ่มตัวจากแหล่งธรรมชาติ เช่น น้ำมันมะกอก อะโวคาโด และปลา
    2. หลีกเลี่ยงไขมันทรานส์จากอาหารแปรรูปและของทอดที่อาจเพิ่มระดับ LDL

3. ไตรกลีเซอไรด์ (Triglycerides)

ไขมัน ที่สะสมในร่างกายเพื่อใช้เป็นพลังงานสำรองในระยะยาว

  1. หน้าที่ของไตรกลีเซอไรด์
    1. เก็บสะสมพลังงานส่วนเกินจากอาหารที่รับประทานเข้าไป
    2. เป็นแหล่งพลังงานสำรองสำหรับร่างกายเมื่อไม่ได้รับพลังงานจากอาหาร
  2. คำแนะนำ
    1. ลดการบริโภคน้ำตาลและแป้งขัดสี เพราะร่างกายจะเปลี่ยนสารอาหารเหล่านี้เป็นไตรกลีเซอไรด์
    2. ออกกำลังกายเป็นประจำเพื่อช่วยเผาผลาญไขมันสะสม

4. ฟอสโฟลิพิด (Phospholipids)

ไขมัน ที่เป็นองค์ประกอบสำคัญของเยื่อหุ้มเซลล์ และช่วยในกระบวนการส่งสัญญาณระหว่างเซลล์

  1. หน้าที่ของฟอสโฟลิพิด
    1. เป็นส่วนประกอบของเยื่อหุ้มเซลล์ ช่วยให้เซลล์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    2. สนับสนุนการทำงานของระบบประสาทและสมอง
  2. แหล่งที่มาของไขมันฟอสโฟลิพิด
    1. ร่างกายสามารถผลิตได้เอง
    2. พบในอาหาร เช่น ไข่แดง ถั่วเหลือง และปลาทะเล
  3. คำแนะนำ
    1. บริโภคอาหารที่มีเลซิติน เช่น ถั่วเหลืองและไข่ ซึ่งเป็นแหล่งของฟอสโฟลิพิดที่ช่วยบำรุงเซลล์ในร่างกาย

อายุมากขึ้นทำไมเผาผลาญไขมันได้น้อยลง

เมื่ออายุมากขึ้น หลายคนอาจสังเกตว่าการเผาผลาญไขมันทำได้ยากกว่าเดิม ทั้งที่กินอาหารปริมาณเท่าเดิมหรือออกกำลังกายไม่ต่างจากเดิม ปัญหานี้เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายที่ส่งผลต่อกระบวนการเผาผลาญพลังงานและการสะสมไขมันในร่างกาย

1. มวลกล้ามเนื้อลดลง ทำให้เผาผลาญไขมันได้น้อยลง

กล้ามเนื้อเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ร่างกายเผาผลาญพลังงาน แม้ในขณะที่ร่างกายไม่ได้เคลื่อนไหว กล้ามเนื้อก็ยังช่วยเผาผลาญพลังงานมากกว่าไขมัน

  1. เมื่ออายุประมาณ 30 ปีขึ้นไป ร่างกายจะสูญเสียมวลกล้ามเนื้อประมาณ 3-8% ทุกๆ 10 ปี
  2. ภาวะนี้เรียกว่า Sarcopenia ซึ่งส่งผลให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานน้อยลง และทำให้ไขมันสะสมได้ง่ายขึ้น

2. ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง ทำให้ร่างกายสะสมไขมันง่ายขึ้น

ฮอร์โมนในร่างกายมีบทบาทสำคัญต่อการควบคุมการเผาผลาญไขมัน และการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเมื่ออายุมากขึ้นอาจทำให้ไขมันสะสมง่ายขึ้น

  1. ฮอร์โมนเพศ เช่น เอสโตรเจนในผู้หญิง และเทสโทสเตอโรนในผู้ชาย ลดลงเมื่ออายุมากขึ้น
  2. ฮอร์โมนเหล่านี้ช่วยกระตุ้นการสร้างกล้ามเนื้อและป้องกันการสะสมของไขมัน
  3. เมื่อฮอร์โมนลดลง ร่างกายจะสะสมไขมันได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะบริเวณหน้าท้องและรอบอวัยวะภายใน

3. ไมโทคอนเดรียทำงานลดลง ทำให้เผาผลาญไขมันช้าลง

ไมโทคอนเดรียทำหน้าที่เป็นโรงงานพลังงานของเซลล์ มีบทบาทสำคัญในการเผาผลาญไขมันและเปลี่ยนเป็นพลังงาน

  1. เมื่ออายุมากขึ้น ไมโทคอนเดรียเสื่อมสภาพ ทำให้การเผาผลาญพลังงานช้าลง
  2. การที่ร่างกายเผาผลาญไขมันได้น้อยลง ทำให้พลังงานที่ไม่ได้ถูกใช้ถูกเปลี่ยนไปเป็นไขมันสะสม

4. กิจกรรมทางกายลดลง ทำให้ไขมันสะสมเพิ่มขึ้น

เมื่ออายุเพิ่มขึ้น หลายคนมีแนวโน้มเคลื่อนไหวน้อยลง ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการเผาผลาญไขมัน

  1. คนส่วนใหญ่มักใช้เวลากับกิจกรรมที่ใช้พลังงานน้อย เช่น นั่งทำงาน เดินน้อยลง หรือออกกำลังกายน้อยลง
  2. เมื่อเผาผลาญพลังงานน้อยลง ไขมันที่ได้รับจากอาหารก็จะถูกสะสมมากขึ้น

5. ระบบเผาผลาญพื้นฐาน (BMR) ลดลง ทำให้ร่างกายเผาผลาญไขมันช้าลง

BMR คืออัตราการเผาผลาญพลังงานที่ร่างกายใช้ในขณะพัก เช่น การไหลเวียนโลหิต และการทำงานของอวัยวะภายใน

  1. BMR จะลดลงประมาณ 1-2% ต่อทศวรรษหลังอายุ 30 ปี
  2. เมื่อ BMR ลดลง แต่ยังบริโภคพลังงานในปริมาณเท่าเดิม ไขมันที่เหลือใช้จะถูกเก็บสะสมเพิ่มขึ้น

6. ไขมันอวัยวะภายในสะสมมากขึ้น

เมื่ออายุมากขึ้น ไขมันที่สะสมในร่างกายไม่ได้กระจายตัวเหมือนตอนอายุน้อย แต่จะสะสมในอวัยวะภายใน เช่น ตับ หัวใจ และลำไส้

  1. ไขมันอวัยวะภายในเป็นไขมันที่เผาผลาญได้ยากกว่าปกติ
  2. การสะสมของไขมันอวัยวะภายในอาจเพิ่มความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ และโรคเบาหวาน

ตัวอย่างแหล่งอาหารที่มีไขมันดี

การเลือกบริโภคไขมันที่มีประโยชน์ต่อร่างกายเป็นสิ่งสำคัญต่อสุขภาพ เพราะไขมันที่ดีช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ เสริมสร้างการทำงานของสมอง และช่วยให้ร่างกายดูดซึมวิตามินที่ละลายในไขมันได้ดีขึ้น

  1. น้ำมันมะกอก เป็นแหล่งไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวที่มีประโยชน์ต่อหัวใจ ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล LDL และเสริมสร้างสุขภาพหลอดเลือด
  2. อะโวคาโด มีไขมันไม่อิ่มตัวที่ช่วยลดการอักเสบ และยังเป็นแหล่งของไฟเบอร์และสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีต่อสุขภาพโดยรวม
  3. ถั่วและเมล็ดพืช เช่น อัลมอนด์ วอลนัท และเมล็ดเจีย อุดมไปด้วยโอเมก้า-3 และวิตามิน E ซึ่งช่วยบำรุงสมองและเสริมภูมิคุ้มกัน
  4. ปลาไขมันสูง เช่น แซลมอน แมคเคอเรล และทูน่า ให้กรดไขมันโอเมก้า-3 ที่ช่วยลดการอักเสบและป้องกันโรคหัวใจ
  5. น้ำมันปลา เป็นแหล่งของกรดไขมันโอเมก้า-3 ที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพสมอง ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ และช่วยควบคุมระดับไขมันในเลือด
  6. น้ำมันงาและน้ำมันเมล็ดทานตะวัน อุดมไปด้วยไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน ซึ่งมีส่วนช่วยในการลดระดับความดันโลหิตและบำรุงหลอดเลือด
  7. เต้าหู้และถั่วเหลือง เป็นแหล่งของโปรตีนจากพืชที่ให้ไขมันดี และช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในร่างกาย

การเลือกรับประทานไขมันดีจากแหล่งอาหารธรรมชาติ จะช่วยให้ร่างกายได้รับประโยชน์สูงสุด และลดความเสี่ยงของโรคที่เกี่ยวข้องกับไขมันไม่ดี เช่น ไขมันทรานส์ และไขมันอิ่มตัวที่มากเกินไป การเพิ่มอาหารเหล่านี้ในมื้ออาหารประจำวัน จะช่วยให้สุขภาพแข็งแรงและสมดุลมากยิ่งขึ้น

เราควรกินไขมันวันละเท่าไหร่ให้ดีต่อสุขภาพ

ไขมัน เป็นแหล่งพลังงานสำคัญของร่างกาย และมีบทบาทในกระบวนการเผาผลาญ การสร้างเซลล์ และการดูดซึมวิตามินบางชนิด อย่างไรก็ตาม การบริโภคไขมันมากหรือน้อยเกินไปอาจส่งผลต่อสุขภาพ ดังนั้น ควรเลือกไขมันที่ดีและควบคุมปริมาณให้เหมาะสม

ปริมาณไขมันที่ควรบริโภคต่อวัน

ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าไขมันควรเป็นแหล่งพลังงานประมาณ 20-35% ของพลังงานทั้งหมดที่บริโภคในแต่ละวัน และควรเน้นไขมันไม่อิ่มตัว เช่น ไขมันจากพืชและปลาที่มีโอเมก้า-3 ขณะที่ควรหลีกเลี่ยงไขมันอิ่มตัวและไขมันทรานส์

ปริมาณไขมันที่แนะนำ ตามปริมาณแคลอรีที่ต้องการ
  1. หากต้องการพลังงาน 2,000 แคลอรีต่อวัน
    1. ควรได้รับไขมันรวม 44-78 กรัม
    2. ไขมันอิ่มตัว ไม่ควรเกิน 22 กรัม
  2. หากต้องการพลังงาน 1,500 แคลอรีต่อวัน
    1. ควรได้รับไขมันรวม 33-58 กรัม
    2. ไขมันอิ่มตัว ไม่ควรเกิน 15 กรัม

แนวทางในการเลือกบริโภคไขมันอย่างเหมาะสม

  1. เพิ่มไขมันที่ดี เช่น น้ำมันมะกอก อะโวคาโด ถั่ว และปลาที่มีไขมันสูง
  2. ลดการบริโภคไขมันอิ่มตัวจากอาหารแปรรูป เนื้อสัตว์ติดมัน และผลิตภัณฑ์จากนมที่มีไขมันสูง
  3. หลีกเลี่ยงไขมันทรานส์จากอาหารทอด ขนมอบ และมาการีน
  4. เลือกปรุงอาหารด้วยวิธีที่ลดการใช้น้ำมัน เช่น ต้ม นึ่ง ย่าง หรืออบ

การควบคุมปริมาณไขมันที่บริโภคในแต่ละวัน ไม่เพียงช่วยให้ร่างกายได้รับพลังงานที่เหมาะสม แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ โรคเบาหวาน และภาวะไขมันสะสมเกินในร่างกายได้อีกด้วย

สรุปทุกเรื่องเกี่ยวกับไขมัน

หลายคนมักเข้าใจผิดว่าไขมันเป็นสิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยง แต่ความจริงแล้วไขมันมีบทบาทสำคัญต่อร่างกาย ไขมันช่วยให้ร่างกายมีพลังงาน เป็นองค์ประกอบของเซลล์ และช่วยดูดซึมวิตามินที่ละลายในไขมัน เช่น วิตามิน A, D, E และ K อย่างไรก็ตาม การที่ร่างกายมีไขมันมากเกินไปอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพ เช่น โรคอ้วน โรคหัวใจ และภาวะไขมันพอกตับ

หากเราดูแลการบริโภคไขมันให้เหมาะสม ร่างกายจะได้รับประโยชน์จากไขมันในแง่ของพลังงานและสุขภาพระยะยาว ดังนั้น แทนที่จะหลีกเลี่ยงไขมันโดยสิ้นเชิง ควรเลือกกินไขมันที่มีประโยชน์ และควบคุมปริมาณให้เหมาะสมเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงและมีสุขภาพดีในระยะยาว

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ผู้พิพากษามะกันสั่งให้ทรัมป์ เอาพนง.นับพับที่ถูกไล่ออก ให้กลับมาทำงานอีกครั้งรถไฟที่ยาวที่สุดในโลก – ยักษ์เหล็กแห่งมอริเตเนียเกาหลีเหนือประหารผู้แปรพักตร์ โดยใช้ปืนยิงจนตัวขาดกระจุยใจสั่น! หนุ่มหล่อระดับเทพ คัมแบ็กทวงบัลลังก์ Calvin Klein6 เมนูต้อนรับสงกรานต์ เริ่ดไม่ซ้ำบ้านอื่น!สิบเลขขายดีแม่จำเนียรงวด 16/3/68แต่งแล้วจ้า! อินฟลูสาวจับมือแฟนหนุ่มสละโสด วิวาห์ในโบสถ์สุดซึ้งVolkswagen ยอดขายรถยนต์ไม่ดี แต่ยอดขายไส้กรอกพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกหนึ่งคน! นางเอกระดับท็อปอำลาช่อง 3 แล้วชาวพม่าถูกจับที่อยุธยา ร้องไห้ลั่นโรงพักไม่อยากกลับประเทศ!อัพเดทความสัมพันธ์ก้อยและนิกกี้ ลุ้น return รักเก่ารวมภาพเรียกรอยยิ้มประจำวันนี้ วันที่เป็นวันศุกร์ ท้องฟ้าครึ้มๆ ลดความร้อนไปได้ประมาณหนึ่ง ใกล้ได้พักกันแล้วน๊า สู้ๆนะทุกคน
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
ชาวพม่าถูกจับที่อยุธยา ร้องไห้ลั่นโรงพักไม่อยากกลับประเทศ!“แยม ฐปณีย์” เสียดาย ไม่มีชื่อร่วมทริป “ภูมิธรรม” เยือนจีน ติดตามชีวิตชาวอุยกูร์ทั้ง 40 คนรีวิว HG Ryujinmaru การ์ตูนเก่ายุค 90 ที่เด็กหนวดควรมี
กระทู้อื่นๆในบอร์ด โฆษณา ประชาสัมพันธ์
เงินกู้นอกระบบ ปัญหาและความเสี่ยงทางการเงินที่จะติดตัวคุณเงินฝากประจำคืออะไร ต่างจากการฝากเงินแบบอื่นยังไงบ้าง?แนะนำเซิร์ฟ Minecraft ในไทย | วิธีหา Minecraft Server ในไทยเล่นฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี ฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อมีประโยชน์อะไร
ตั้งกระทู้ใหม่