ฟิลเลอร์ใต้ตา ตัวช่วยแก้ปัญหาใต้ตาคล้ำ ถุงใต้ตาลึก
ปัญหาที่หลายคนต้องพบเจอเมื่ออายุมากขึ้นคือ ใต้ตาคล้ำ ใต้ตาลึก และมีถุงใต้ตา จนส่งผลต่อความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน ทำให้ใบหน้าดูโทรมและเหนื่อยล้า การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นทางออกหนึ่งที่ช่วยแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้อย่างตรงจุด ฟิลเลอร์ใต้ตาจะเข้าไปเติมเต็มร่องลึกใต้ตา ช่วยให้ใต้ตาดูเต็มตื้นขึ้น รอยคล้ำดูจางลง และใบหน้าดูสดใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
ฟิลเลอร์ใต้ตาคืออะไร ทำความเข้าใจก่อนฉีด
ฟิลเลอร์ใต้ตา คือการฉีดสารเติมเต็มชนิด ไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและเติมเต็มผิวบริเวณใต้ตาที่มีปัญหา เช่น ร่องลึก, ริ้วรอย, รอยเหี่ยวย่นใต้ตา, ถุงใต้ตา หรือใต้ตาหมองคล้ำ หลังจากเติมฟิลเลอร์ใต้ตาจะช่วยให้ใต้ตาที่มีดูมีร่องลึกและหมองคล้ำ ดูอวบอิ่มน้ำและสว่างมากขึ้น หน้าดูไม่โทรม สาเหตุที่ทำให้คนส่วนใหญ่มีปัญหาใต้ตามักเกิดจากอายุที่เพิ่มมากขึ้นทำให้คอลลาเจนในชั้นผิวที่เสื่อมโทรม กระดูกมีการยุบตัวลง จึงส่งผลทำให้เกิดปัญหาบริเวณใต้ตานั่นเอง
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานอกจากจะช่วยฟื้นฟูผิวให้ดูเรียบเนียนและอิ่มฟูขึ้นแล้ว ยังช่วยความชุ่มชื้นให้กับผิวบริเวณใต้ตา อีกทั้งฟิลเลอร์ใต้ตาหรือสารเติมเต็ม ไฮยาลูรอนิค แอซิดเป็นสารที่มีความบริสุทธิ์สูง สามารถสลายได้ด้วยตัวเองโดยไม่ทิ้งสารอันตรายใด ๆ เอาไว้ในร่างกาย ดังนั้น มั่นใจได้ว่าการฉีดฟิลเลอร์ใต้มีความปลอดภัยและช่วยแก้ไขปัญหาผิวใต้ตาได้เป็นอย่างดี
ปัญหาใต้ตาคล้ำเกิดจากสาเหตุใดบ้าง
ปัญหาใต้ตาคล้ำสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น การพักผ่อนไม่เพียงพอหรือการอดหลับอดนอน ซึ่งทำให้เลือดไหลเวียนไม่ดี ส่งผลให้เส้นเลือดใต้ผิวบริเวณใต้ตาเห็นเด่นชัดมากขึ้น นอกจากนี้ การขยี้ตาบ่อย ๆ อาจทำให้ผิวบริเวณใต้ตาคล้ำขึ้นได้จากการกระตุ้นเม็ดสีเมลานิน
ส่วนปัจจัยทางพันธุกรรมก็มีส่วนสำคัญทำให้เกิดปัญหาใต้ตาคล้ำเหมือนกัน โดยบางคนอาจมีโครงสร้างผิวที่บางมาก ทำให้เห็นเส้นเลือดใต้ผิวชัดเจนยิ่งขึ้น รวมถึงอายุที่เพิ่มขึ้น ส่งผลทำให้การผลิตสร้างคอลลาเจนในชั้นใต้ผิวลดลง นอกจากนี้
ปัจจัยภายนอกก็ส่งผลต่อปัญหาใต้คล้ำ เช่น แสงแดดยูวี ความเครียด หรือการดื่มน้ำไม่เพียงพอ ก็สามารถเร่งให้ปัญหาใต้ตาคล้ำเห็นชัดยิ่งขึ้นได้อีกด้วย ซึ่งปัญหาดังกล่าวสามารถแก้ไขได้ด้วยการใช้ฟิลเลอร์ใต้ตา เพราะจะช่วยเติมเต็มร่องลึกใต้ตา ทำให้ผิวบริเวณนั้นดูอิ่มฟู สดใส และช่วยลดความหมองคล้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ฟิลเลอร์ใต้ตาช่วยแก้ปัญหาเรื่องใดได้บ้าง?
ปัญหาใต้ตาซึ่งเป็นปัญหาที่ทำให้หลายคนสูญเสียความมั่นใจในตัวเอง แต่ถึงอย่างไรก็ตามการแก้ไขปัญหาใต้ตาด้วยการฉีด filler ใต้ตา ถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์ได้อย่างตรงจุด เพราะฟิลเลอร์ใต้ตาจะเข้าไปช่วยฟื้นฟูผิวให้ดูเรียบเนียน อิ่มฟู และดูกระจ่างใสมากขึ้น
- ช่วยแก้ไขปัญหาร่องลึก ร่องน้ำตา การยุบตัวของกระดูก เพราะฟิลเลอร์จะเข้าไปเติมเต็มผิวใต้ตาให้เรียบเนียน
- ช่วยแก้ปัญหาผิวใต้ตามีริ้วรอยและหย่อนคล้อย ซึ่งตัวฟิลเลอร์จะช่วยทำให้ผิวดูอิ่มฟู เต่งตึงมากยิ่งขึ้น
- ช่วยแก้ปัญหาใต้ตาคล้ำ เป็นรอยดำจากการเป็นภูมิแพ้หรือขยี้ตาบ่อย ๆ ซึ่งตัวฟิลเลอร์จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนภายใต้ชั้นผิว ทำให้ดูกระจ่างใสมากยิ่งขึ้น
- ช่วยแก้ปัญหาถุงใต้ตา เพราะฟิลเลอร์จะเข้าไปช่วยทำให้ผิวตื้นขึ้นและเรียบเนียน
ฟิลเลอร์ใต้ตา เลือกฉีดยี่ห้อไหนดีที่น่าแนะนำ ได้มาตรฐาน อย.
ฟิลเลอร์ใต้ตาที่ใช้สำหรับในการฉีดแก้ไขใต้ตามีอยู่หลากหลายยี่ห้อ ซึ่งแต่ละยี่ห้อจะมีข้อดีและจุดเด่นแตกต่างกัน ถ้าหากใครต้องการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ขอแนะนำยี่ห้อฟิลเลอร์ใต้ตา Juvederm และ Restylane ซึ่งเป็นยี่ห้อที่ได้รับความนิยมมากที่สุดและเป็นยี่ห้อดังระดับโลก
Juvederm Volift
ฟิลเลอร์เนื้อนิ่มปานกลาง แต่มีความยืดหยุ่นมาก เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเพื่อเติมเต็มชั้นใต้ผิวให้ดูอิ่มฟู เรียบเนียน แก้ปัญหาใต้ตาร่องลึกได้ดี ซึ่งผลลัพธ์อยู่ได้ยาวนานถึง 12-18 เดือน
Juvederm Volite
ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด เหมาะแก้ไขปัญหาใต้ตามีริ้วรอย เพราะฟิลเลอร์รุ่นนี้จะช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้น เรียบเนียน และลดริ้วรอยให้ดูจางลง ซึ่งผลลัพธ์อยู่ได้ยาวนานถึง 12 เดือน
Restylane Defyne
ฟิลเลอร์เนื้อเจลแข็งปานกลาง มีความยืดหยุ่นสูง อุ้มน้ำได้ดี และไม่เป็นก้อน เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาร่องลึก ใต้ตาโหล ซึ่งผลลัพธ์อยู่ได้ยาวนานถึง 18 เดือน
Restylane Vital
ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด ตัวเนื้อมีความเบาบาง เหมาะกับผู้ที่ต้องการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวใต้ตา และมีปัญหาร่องลึก เพราะฟิลเลอร์รุ่นนี้สามารถช่วยให้ผิวเรียบเนียน อิ่มน้ำ และชุ่มชื้น ซึ่งผลลัพธ์อยู่ได้ยาวนานถึง 12 เดือน
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอันตรายไหม?
ฟิลเลอร์ใต้ตา อันตรายไหม? ตอบได้เลยว่าการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาไม่เป็นอันตราย หากคุณเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีแพทย์ผู้ชำนาญการ และใช้ผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ที่ได้รับอนุญาตจากอย. ไทย ดังนั้นผู้ที่สนใจฉีดฟิลเลอร์บริเวณดังกล่าวจึงควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียดก่อนตัดสินใจเลือกคลินิกและยี่ห้อที่ฉีด
ฟิลเลอร์ใต้ตาควรฉีดกี่ cc ถึงจะเห็นผล
เมื่อเราเริ่มมีความสนใจที่จะฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้ว แต่กำลังลังเลอยู่ว่าควรจะฉีดปริมาณฟิลเลอร์ใต้ตาเท่าไรดี ซึ่งฟิลเลอร์ใต้ตาจะฉีดกี่ cc ดีนั้น ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยไม่ว่าจะระดับความลึกของร่องใต้ตา ปริมาณไขมันใต้ตาที่หายไป และความต้องการของแต่ละบุคคล แพทย์จะเป็นผู้ประเมินและแนะนำปริมาณที่เหมาะสมให้ผู้เข้ารับบริการ โดยทั่วไปแล้ว ปริมาณฟิลเลอร์ใต้ตาที่ใช้จะอยู่ที่ประมาณ 2-4 cc (รวมทั้งสองข้าง) แต่ก็อาจมีการปรับเปลี่ยนขึ้นอยู่กับแต่ละเคส
การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ต้องทำอะไรบ้าง
การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้ขั้นตอนการทำเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น นอกจากข้อมูลที่คุณได้รวบรวมมาแล้ว ข้อมูลเพิ่มเติมเหล่านี้จะช่วยให้คุณเตรียมตัวได้อย่างรอบคอบยิ่งขึ้น
- ศึกษาข้อมูล ทำความเข้าใจเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ชนิดของฟิลเลอร์ และผลลัพธ์ที่คาดหวัง
- เลือกคลินิก เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีความปลอดภัย และที่สำคัญมีใบอนุญาตประกอบการ
- ปรึกษาแพทย์ แจ้งประวัติสุขภาพ โรคประจำตัว ยาที่ทานอยู่ และแจ้งความต้องการให้แพทย์ทราบอย่างละเอียด
- งดยาบางชนิด งดรับประทานยาแอสไพริน ยากลุ่มต้านการอักเสบ (NSAIDs) วิตามินบางชนิด และอาหารเสริมบางชนิด เนื่องจากอาจทำให้เลือดออกง่ายขึ้น
- งดแอลกอฮอล์ งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนการฉีด
- งดสูบบุหรี่ นิโคตินในบุหรี่จะส่งผลต่อการไหลเวียนโลหิต
- งดกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด เช่น ออกกำลังกายหนัก
การดูแลตนเองหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา และอะไรบ้างที่ควรหลีกเลี่ยง
หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นเรื่องปกติที่จะมีอาการบวมช้ำเล็กน้อย ซึ่งจะค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 2-3 วัน เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุดและลดอาการข้างเคียง เราควรปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้
- ประคบเย็น ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอาจมีอาการบวม การประคบเย็นด้วยผ้าเย็นจะช่วยลดอาการบวมและช้ำหลังฉีดได้
- ช่วง 24 ชั่วโมงแรกทำความสะอาดเบา ๆ ด้วยโฟมล้างหน้าอ่อนโยน ล้างด้วยน้ำสะอาด งดแต่งหน้าหรือแต่งหน้าเบา ๆ และไม่ทาครีมบริเวณรอยเข็มฉีดยา
- งดสูบบุหรี่ งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด สารนิโคตินและแอลกอฮอล์จะส่งผลต่อการไหลเวียนโลหิต ทำให้อาการบวมช้ำหายช้าลง
- หลีกเลี่ยงการนวดหน้า การนวดหน้าอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนตัวได้
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมาก เช่น การออกกำลังกายหนัก ๆ หรือการอยู่ในที่ร้อนจัด เพราะอาจทำให้อาการบวมช้ำรุนแรงขึ้น
ผลข้างเคียงที่อาจพบหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
ผู้เข้ารับบริการต้องปฏิบัติตามวิธีดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา แต่ถึงอย่างนั้นมีโอกาสที่จะเกิดผลข้างเคียงได้ โดยผลข้างเคียงหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอาจเกิดขึ้นได้ มีดังนี้
- อาการฟกช้ำ เป็นเรื่องปกติที่บริเวณที่ฉีดจะมีอาการบวม แดง หรือมีรอยช้ำ ซึ่งอาการเหล่านี้จะค่อยๆ หายไปเองภายใน 2 สัปดาห์
- การติดเชื้อ อาจเกิดขึ้นได้หากเครื่องมือหรือคลินิกที่ใช้ในการฉีดไม่สะอาด
- อาการอักเสบ อาจมีอาการปวด บวม หรือเกิดตุ่มแดงบริเวณที่ฉีด หากอาการรุนแรงขึ้นควรรีบไปพบแพทย์ทันที
- อาการแพ้ อาจเกิดอาการแพ้สารไฮยาลูรอนิก แอซิด ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของฟิลเลอร์ ทำให้มีผื่นแดง หรือหนังตาบวม ควรรีบพบแพทย์เพื่อฉีดสลายฟิลเลอร์ออกทันที
ฟิลเลอร์ใต้ตา หัตถการที่เข้ามาช่วยแก้ปัญหาร่องลึกใต้ตา
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นการแก้ไขปัญหาใต้ตาคล้ำ ร่องลึกและถุงใต้ตา ซึ่งจะช่วยให้ใต้ตาดูอิ่มฟู ริ้วรอยจางลง และใบหน้าดูสดใสขึ้น ดังนั้น การเลือกคลินิกและแพทย์เฉพาะทางด้านการฉีดฟิลเลอร์ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพของการรักษา ควรเลือกสถานพยาบาลที่มีมาตรฐานและแพทย์ที่มีประสบการณ์ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะได้รับการดูแลอย่างดี และเพื่อให้ผลลัพธ์การรักษาออกมาดีที่สุด ผู้เข้ารับบริการควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์หลังฉีดอย่างเคร่งครัด

















