10 วิธีลดน้ำหนักอย่างไรให้ได้สุขภาพ ไม่ต้องอด ไม่กลับมาโยโย่
การมีรูปร่างที่สมส่วน สวย หุ่นฟิตแอนด์เฟิร์ม ไม่ลงพุงอาจเป็นหุ่นในฝันของใครหลายคน วิธีลดน้ำหนักจึงมีหลายรูปแบบให้เลือกตามความเหมาะสมของแต่ละคน เช่น ลดน้ำหนัก if, ออกกำลังกายที่บ้าน, เข้าฟิตเนส, คุมอาหาร, นับแคลอรี่, เพื่อลดความอ้วนอย่างสุขภาพดี แต่บางคนอาจหันไปใช้ยาลดความอ้วน การงดอาหาร ลดน้ําหนักแทน ซึ่งเป็นความเชื่อผิดๆ แถมเป็นอันตรายต่อร่างกาย เสี่ยงโยโย่เอฟเฟกต์ ระบบเผาผลาญผิดปกติได้
ลดน้ำหนักไม่ใช่แค่ลดความอ้วน แต่ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพ ลดโรคภัยสารพัด
การลดน้ำหนักแบบปลอดภัยไม่ว่าจะวิธีลดน้ําหนักผู้ชายหรือของผู้หญิง ควรเป็นไปอย่างธรรมชาติไม่หนักมาก จนทำลายสุขภาพ ไม่เกิดผลกระทบต่อสุขภาพจิตใจอย่างการเปรียบเทียบกับผู้อื่น ด้อยค่าตนเองและขาดความมั่นใจ
เราจึงควรโฟกัสไปที่ประโยชน์ของการลดน้ำหนักในด้านอื่นๆ มากกว่า เช่น การออกกำลังกายให้กล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรง, มีความสุขต่อสุขภาพที่ดีขึ้นจากการกำหนดเป้าหมาย, การลดน้ำหนักช่วยให้ร่างกายหลับสบาย ไม่หงุดหงิดง่าย, ลดโรค ลดการอักเสบต่อระบบต่างๆ ในร่างกาย
10 วิธีลดน้ำหนักแบบถูกวิธีให้ได้สุขภาพ ไม่อดมื้อ กินมื้อ
การลดน้ําหนัก คุมอาหารไม่ใช่เรื่องยาก หากคุณรู้วิธีลดน้ําหนัก งดแป้ง งดน้ําตาลและออกกำลังกายอย่างเหมาะสมตลอดจนไปถึงระเบียบวินัย การตั้งเป้าหมายของตนเองด้วย สูตรลดน้ําหนัก 7 วันอย่างเร่งด่วนอาจไม่ให้ผลดีเสมอไป การลดน้ำหนักด้วยวิธีอดอาหารเสี่ยงโยโย่เอฟเฟกต์และกลับมาอ้วนหนักกว่าเดิมได้ เรามาดู 10 วิธีลดความอ้วนอย่างยั่งยืน เพื่อสุขภาพที่แข็งแรงกันว่าจะมีวิธีไหนบ้าง ได้แก่
1. ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โปรตีนถึงตามธงโภชนาการ
การทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ทานแต่อาหารที่มีประโยชน์เป็นหลักการสำคัญในการลดน้ำหนัก ซึ่งโปรตีนก็เป็นอีกหลักสำคัญอีกอย่างเหมือนกัน เราควรรู้ว่าลดน้ําหนัก กินโปรตีนเท่าไหร่ โดยทั่วไปแพทย์และนักโภชนาการ แนะนำให้เราควรกินโปรตีน 0.8 -1 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม เมื่อเราได้รับโปรตีนเพียงพอ จะสามารถช่วยลดความอยากอาหารในระหว่างวันได้ ทำให้ไม่กินจุกจิกจนเสี่ยงน้ำหนักเพิ่มขึ้นนั่นเอง
2. รับประทานอาหารในแต่ละมื้อให้ช้าลง
การที่เราค่อยๆ เคี้ยวหรือใช้ช้อนขนาดเล็กในการรับประทานอาหารถือเป็นวิธีลดน้ำหนักอย่างหนึ่ง เพราะสมองจะคิดว่ามีอาหารอยู่ในท้อง ทำให้อิ่มเร็ว ป้องกันการกินมากเกินไป แถมการเคี้ยวอย่างละเอียดยังช่วยให้อาหารย่อยได้ดีขึ้น
3. ดื่มน้ำให้ครบตามปริมาณที่ควรได้รับต่อหนึ่งวัน
มาค่อยๆ ลดน้ำหนักให้สุขภาพดีไปพร้อมกัน ด้วยการดื่มน้ำก่อนรับประทานมื้ออาหาร การดื่มน้ำจะช่วยให้ความอยากอาหารลดลง เพียงแค่ดื่มน้ำ 1 แก้ว วิธีนี้เราจะรู้สึกอิ่มเร็วขึ้น หิวน้อยลงระหว่างวัน แถมการดื่มน้ำยังช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้นอีกด้วย ซึ่งน้ำที่ดื่มควรเป็นน้ำเปล่าไม่ใช่น้ำหวานหรือชา กาแฟ
4. เลือกรับประทานอาหารที่ช่วยลดน้ำหนัก
การเลือกรับประทานอาหารคลีน ข้าว แป้ง น้ำตาลไม่ขัดสี เป็นวิธีหนึ่งในการลดความอ้วนอย่างรวดเร็ว ธัญพืชไม่ขัดสีจะช่วยลดความหิวและทำให้รู้สึกอิ่มนานยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นการลดน้ําหนัก กินถั่วได้ไหม ตอบเลยว่ากินได้ แต่ควรเลือกถั่วที่ให้โปรตีนสูงและควรเลือกถั่วที่มีปริมาณแคลอรีต่ำ
การเลือกรับประทานผักก็ควรเลือกผักที่มีกากใยสูง ซึ่งจะช่วยเรื่องการขับถ่าย หลีกเลี่ยงผักประเภทคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น ข้าวโพด, มันฝรั่ง, มันเทศเป็นต้น การเลือกรับประทานไขมันดีควรเลือกน้ำมันมะกอกในการประกอบอาหาร ปลาที่มีไขมันดี ถั่วหรืออะโวคาโด หลีกเลี่ยงการรับประทานไขมันจากเนยโดยไม่จำเป็น
5. ออกกำลังกายง่ายๆ แต่บ่อยครั้ง
ด้วยการออกกำลังกายยอดฮิตอย่างการ คาร์ดิโอ, กระโดดเชือก ลดน้ำหนัก, เล่นโยคะ, เดินหรือวิ่ง, เต้นแอโรบิก, ว่ายน้ำหรือทำกิจกรรมที่เกิดการเคลื่อนไหวร่างกายเป็นประจำ เพียงเท่านี้ก็จะช่วยลดน้ำหนัก คนอ้วนทำให้ตัวเราฟิตแอนด์เฟิร์ม แข็งแรง แถมยังเสริมสร้างกล้ามเนื้อและระบบเผาผลาญให้ดียิ่งขึ้นด้วย
6. ไม่รับประทานอาหารสำเร็จรูป อาหารโซเดียมสูง
อาหารแปรรูปเน้นความสะดวกสบาย เช่น อาหารกึ่งสำเร็จรูป, อาหารแช่แข็ง, ไส้กรอก, ปูอัด อาจส่งผลต่อสุขภาพมากกว่าที่คุณคิด เนื่องจากมีปริมาณโซเดียมสูง หากได้รับปริมาณโซเดียมมากเกินไปร่างกายจะกักเก็บน้ำมากกว่าปกติ ทำให้มีอาการบวมโซเดียมได้ ส่งผลให้น้ำหนักตัวเพิ่มเป็นผลร้ายมากๆ ต่อการลดน้ำหนัก
7. งดของทอด ของมัน อาหารฟาสต์ฟู้ด
ลดน้ําหนัก งดอะไรบ้างอย่างแรกที่ควรงดเลยคือ ของทอด ของมันถือเป็นข้อห้ามหรือควรหลีกเลี่ยงให้ได้มากที่สุด เพราะไขมันมีปริมาณแคลอรีสูงเป็นตัวการเพิ่มน้ำหนัก เราควรหันมาทานอาหารเพื่อสุขภาพ อดทนต่อความรู้สึกอยากอาหารในช่วง 2-3 วันแรก เพียงเท่านี้ร่างกายจะรู้สึกชินมากขึ้น
8. ทานกาแฟดำ ช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญให้แก่ร่างกาย
รู้ไหมว่ากาแฟเป็นประโยชน์ต่อการลดน้ำหนักหากทานถูกวิธี กาแฟดำมีคาเฟอีนที่ช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญและกระบวนการย่อยอาหาร การดื่มกาแฟก่อนออกกำลังกายในตอนเช้า 30 นาทีจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของร่างกาย ทั้งนี้ควรเป็นกาแฟที่ไม่ใส่น้ำตาลเลยแม้แต่น้อย
9. วิธีลดน้ำหนักยอดฮิต ด้วยการทำ IF
ลดน้ำหนัก IF เป็นวิธีลดความอ้วนที่ฮิตกันไปทั่วโลก แต่ต้องใช้วินัยและการตั้งเป้าหมายอย่างชัดเจนมาก เนื่องจากมีการอดอาหารเป็นช่วงๆ ซึ่งแตกต่างกันไปควรเริ่มจากวิธีง่ายๆ คือ กำหนดช่วงเวลาในการรับประทานอาหารให้อยู่ภายใน 8 ชั่วโมง หลังจากนั้นไม่กินอะไรอีกเพื่อลดการทานอาหารจุกจิก ช่วยให้ร่างกายได้ปรับตัว เผาผลาญอาหารตรงต่อเวลายิ่งขึ้น
10. พักผ่อนเป็นสิ่งสำคัญ ช่วยเผาผลาญอย่างมีคุณภาพ
พฤติกรรมการใช้ชีวิตที่นอนไม่เป็นเวลา นาฬิกาชีวิตพังเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น เสี่ยงเป็นโรคอ้วนและระบบเผาผลาญพัง นอกจากนี้เวลาตื่นเช้ามาก็จะรู้สึกไม่สดใส ไม่มีพลังงานในการทำกิจวัตรประจำวัน เราจึงควรนอนให้เป็นเวลา พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อการลดน้ำหนักอย่างมีคุณภาพ
การลดน้ำหนักให้เห็นผลดี เริ่มต้นได้ง่ายๆ ขอแค่มีระเบียบวินัยต่อตนเอง
ลดน้ำหนักไม่ใช่แค่การอดอาหารอาจเป็นเพียงความเชื่อผิดๆ ส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายโดยใช่เหตุ เราควรตั้งเป้าหมายในการลดน้ำหนัก เพื่อให้ได้ผลดีต่อสุขภาพ ลดความเสี่ยงโรคร้าย อย่างการลดน้ำหนักภายใน 1 เดือน, รู้จักการทานอาหารที่มีประโยชน์, รู้ว่าลดน้ําหนัก ควรกินอาหารเวลาไหน ควรกินอาหารให้ตรงต่อเวลา, รู้จักการออกกำลังกายด้วยท่าที่ถูกต้องเหมาะสมกับช่วงวัยและพฤติกรรมการใช้ชีวิตของแต่ละคน