ฟิลเลอร์แก้มตอบ ปรับรูปหน้าแก้ปัญหาแก้มตอบ โหนกแก้มสูง
ฟิลเลอร์แก้มตอบเป็นหัตถการฉีดเพื่อปรับรูปหน้า ช่วยแก้ปัญหาแก้มตอบ โหนกแก้มสูงได้อย่างชัดเจน เห็นผลไว ไม่ต้องผ่าตัด ทำให้ใบหน้าดูสดใสและอ่อนเยาว์ขึ้น
ปัญหาแก้มตอบ หน้าตอบ และโหนกแก้มสูง ทำให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้า หรือดูมีอายุมากกว่าความเป็นจริง เนื่องจากขาดไขมันบริเวณแก้ม ส่งผลทำให้โครงหน้าดูแข็งและไม่สมดุล สร้างความไม่มั่นใจให้กับใครหลายคน แต่ปัญหานี้มีทางออก! เพราะในปัจจุบันสามารถแก้ไขได้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ โดยฟิลเลอร์เป็นสารเติมเต็มที่จะช่วยเติมบริเวณแก้มที่ขาดวอลูม ทำให้ใบหน้าแลดูอ่อนเยาว์และสมส่วนมากยิ่งขึ้น ช่วยลดความโดดเด่นบริเวณโหนกแก้ม ทำให้ใบหน้าดูนุ่มนวลและมีมิติมากขึ้นอย่างเป็นธรรมชาตินั่นเอง
แล้วการฉีดแก้มตอบมีข้อควรรู้อะไรบ้าง เลือกอะไรดีระหว่างเติมไขมันกับฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ มาคลายความสงสัยนี้ไปพร้อม ๆ กันเลย!
ฟิลเลอร์แก้มตอบ คืออะไร ฉีดตำแหน่งไหนบนแก้ม?
ฟิลเลอร์แก้มตอบ คือการฉีดสารเติมเต็มเข้าไปบริเวณแก้มที่ยุบลง หรือมีร่องลึก เพื่อเพิ่มวอลูมและปรับรูปแก้มดูอิ่มฟูขึ้น ช่วยแก้ปัญหาใบหน้าโทรม ดูเหนื่อยล้า หรือโหนกแก้มสูง ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้น โดยมักใช้เป็นสารกลุ่มไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) ซึ่งเป็นสารที่มีอยู่ตามธรรมชาติในร่างกาย จึงปลอดภัยและให้ผลลัพธ์อย่างเป็นธรรมชาติ
ตำแหน่งการฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ จะอยู่บริเวณใต้โหนกแก้มและส่วนกลางของแก้ม เช่น ร่องแก้ม แอ่งแก้มหรือบริเวณที่ยุบลงไป โดยจุดที่ฉีดจะขึ้นอยู่กับโครงหน้าของแต่ละคน เพื่อเติมเต็มพื้นที่ที่ขาดวอลูมไป และปรับให้แก้มที่ตอบหรือยุบลงดูเต็มอิ่มขึ้นนั่นเอง
ฟิลเลอร์แก้มตอบช่วยเรื่องอะไรบ้าง?
การฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบนั้นเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมมาก เพราะนอกจากจะช่วยเสริมความงามแล้ว ยังเป็นวิธีการแก้ไขปัญหาใบหน้าได้หลายอย่าง เช่น
- ช่วยเพิ่มวอลูมให้ใบหน้า : การเติมแก้มตอบหรือแก้มแบน ส่งผลทำให้หน้าดูเต็มและอิ่มขึ้น แก้ปัญหาใบหน้าที่ดูผอมเกินไปหรือขาดความสมดุลได้
- ลดความเด่นของโหนกแก้มที่สูง : การฉีดฟิลเลอร์หน้าแก้ม จะช่วยปรับสมดุลใบหน้า ลดความโดดเด่นของโหนกแก้มที่สูง ทำให้ใบหน้าดูอ่อนหวานและมีสัดส่วนที่ได้รูปมากขึ้น
- ปรับรูปหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ : การเติมเต็มบริเวณแก้มช่วยให้ใบหน้าดูเด็กลง เพราะการที่แก้มดูตอบจะทำให้ใบหน้าแลดูมีอายุมากขึ้นนั่นเอง
- แก้ไขปัญหาใบหน้าที่แลดูเหนื่อยล้า : เพราะแก้มที่ตอบลง ส่งผลทำให้ใบหน้าดูอิดโรย การแก้ไขด้วยฟิลเลอร์จะช่วยให้ใบหน้าดูสดใสและมีชีวิตชีวามากขึ้น
- สร้างความสมดุลของโครงหน้า : การฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบจะช่วยสร้างความสมดุลให้โครงหน้าของคุณ ทำให้ใบหน้าดูมีมิติและได้สัดส่วนมากขึ้น
- ลดริ้วรอยร่องแก้ม : การฉีดแก้มตอบ จะช่วยให้ริ้วรอยร่องแก้มตื้นขึ้นได้
- ยกกระชับใบหน้า : การฉีดฟิลเลอร์หน้าตอบ ช่วยให้ใบหน้ายกกระชับ แลดูเต่งตึงขึ้นอีกด้วย
- เพิ่มความมั่นใจ : เมื่อใบหน้าดูอ่อนเยาว์ ก็จะส่งผลทำให้เรามีความมั่นใจกับรูปลักษณ์มากยิ่งขึ้น
ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ VS เติมไขมันหน้า แบบไหนดีกว่า?
มาตอบคำถามที่หลายคนสงสัย ระหว่างฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบกับเติมไขมันหน้า แบบไหนดีกว่ากัน? การเลือกวิธีแก้ไขปัญหาโหนกแก้มสูงนั้นขึ้นอยู่กับความต้องการและสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล เนื่องจากทั้งสองวิธีต่างก็มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไป ดังนี้
- การฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อของฟิลเลอร์ที่ใช้ ส่วนการเติมไขมันหน้า ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานกว่า 1-2 ปี หรืออาจถาวรขึ้นอยู่กับการดูแลหลังการทำ และปริมาณไขมันที่เติมเข้าไป
- การฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ เป็นวิธีที่รวดเร็วและไม่ต้องใช้เวลาฟื้นตัวมาก ก็สามารถเห็นผลทันทีหลังการฉีด ส่วนการเติมไขมันหน้า ต้องใช้เวลาฟื้นตัวหลังการทำ ซึ่งอาจมีอาการบวมมากกว่าและต้องรอให้ผลลัพธ์คงที่
- การฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ อาจมีอาการบวมและทิ้งรอยฟกช้ำบริเวณที่ฉีดได้ แต่โดยทั่วไปใช้เวลาเพียงไม่กี่วันอาการพวกนี้ก็จะหายไปเอง ส่วนการเติมไขมันหน้า เป็นการทำศัลยกรรมรูปแบบหนึ่งที่สามารถทำให้รู้สึกเจ็บปวดได้ และอาจมีความเสี่ยงมากกว่าการเติมฟิลเลอร์หน้าแก้มแก้ปัญหาแก้มตอบ โหนกแก้มสูงนั่นเอง
- การฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ มักมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า เนื่องจากการสลายตัวของฟิลเลอร์ ทำให้คนไข้ต้องคอยกลับมาเติมฟิลเลอร์แก้มตอบเรื่อย ๆ ส่วนการเติมไขมันหน้า ราคามักสูงในครั้งแรก แต่ไม่ต้องกลับมาเติมซ้ำบ่อย ๆ เมื่อเทียบกับฟิลเลอร์
ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบอยู่ได้นานกี่เดือน?
โดยทั่วไปแล้ว ฟิลเลอร์แก้มตอบจะอยู่ได้นานประมาณ 6-18 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นชนิดของฟิลเลอร์ ปริมาณที่ฉีด การดูแลตนเองหลังจากฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ และสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล
โดยยี่ห้อฟิลเลอร์แก้มตอบที่นิยมฉีดกันทั่วไป มีดังนี้
- Juvederm : ผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับรุ่นของ Juvederm ที่ใช้ เช่น Juvederm Voluma จะสามารถอยู่ได้นานประมาณ 12-24 เดือน
- Restylane Lyft : ผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับปริมาณที่ฉีด
- Neuramis : ผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับรุ่นของ Neuramis ที่ใช้ เช่น Neuramis Volume จะสามารถอยู่ได้นานประมาณ 12-18 เดือน
ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบราคาเท่าไหร่?
โดยทั่วไปแล้ว การฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบราคาจะอยู่ที่ประมาณ 8,000-20,000 บาทต่อซีซี ทั้งนี้ราคาจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ยี่ห้อฟิลเลอร์ ปริมาณที่ฉีด โปรโมชัน ความโด่งดังของสถานพยาบาล หรือเลือกฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์อาจมีราคาสูงกว่าที่อื่นได้ ดังนั้น ควรสอบถามและเปรียบเทียบราคาของแต่ละสถานพยาบาล เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจน อย่าลืม! พิจารณาคุณภาพและความปลอดภัยเป็นหลักก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ
เลือกฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบที่ไหนดี ปลอดภัยน่าเชื่อถือได้?
เนื่องจากเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ได้ ดังนั้น การพิจารณาเลือกสถานพยาบาลจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก ปัจจัยที่ควรพิจารณาในการเลือกสถานที่ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ มีดังนี้
- ควรเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์และความชำนาญในการฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ
- เลือกคลินิกหรือโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียง มีใบอนุญาตเปิดสถานพยาบาลที่ถูกต้องตามกฎหมาย
- ควรตรวจสอบรีวิวจากผู้ใช้บริการคนอื่น ๆ และขอคำแนะนำจากคนที่เคยใช้บริการ เพื่อดูผลลัพธ์และความพึงพอใจหลังการใช้บริการ
- เปรียบเทียบราคาของแต่ละสถานพยาบาล โดยต้องคำนึงถึงคุณภาพและความปลอดภัยเป็นหลัก
- เลือกสถานพยาบาลที่สามารถให้คำปรึกษาเกี่ยวกับปัญหาบนใบหน้าที่ตอบโจทย์ของคุณมากที่สุด
ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ…สู่ใบหน้าอิ่มฟู สดใส
การฉีด Filler แก้มตอบเป็นวิธีการปรับรูปหน้าโดยใช้สารเติมเต็ม Hyaluronic Acid ซึ่งเป็นสารที่ร่างกายสามารถสร้างขึ้นได้เองตามธรรมชาติ เพื่อทำให้ใบหน้าแลดูสดใส อ่อนเยาว์ โดยข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ คือ ปลอดภัย, หลังฉีดสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ไม่ต้องพักฟื้นนาน, ผลลัพธ์แลดูเป็นธรรมชาติ และหากไม่พึงพอใจในผลลัพธ์ ก็สามารถแก้ไขได้อีกด้วย
โดยผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ ปริมาณที่ใช้ฉีด การดูแลตนเองหลังจากฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ รวมไปถึงเทคนิคการฉีดของแพทย์ ซึ่งฟิลเลอร์แก้มตอบราคาจะอยู่ที่ระหว่าง 8,000-20,000 บาทต่อซีซี ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและสถานพยาบาลที่รักษา
ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบมีข้อควรระวังที่ต้องรู้ คือ ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีใบอนุญาตการเปิดสถานพยาบาลเสริมความงามอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แพทย์ที่ดูแลเคสมีประสบการณ์การฉีด และมีใบประกอบวิชาชีพ, หลังฉีดฟิลเลอร์อาจมีผลข้างเคียงที่พบได้บ่อย ๆ เช่น อาการบวม ช้ำ แดง หรือคัน ซึ่งสามารถหายไปเองได้ภายในไม่กี่วัน แต่ผลลัพธ์หลังฉีดจะไม่ถาวร เพราะฟิลเลอร์สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ จึงต้องมีการฉีดซ้ำ ๆ นั่นเอง