ปากกาลดน้ำหนัก ช่วยให้คนผอม หรือลดความอ้วนอย่างได้ผลจริงหรือ
ปากกาลดน้ำหนัก ซึ่งเป็นยาฉีดลิรากลูไทด์ (Liraglutide) ช่วยลดความอ้วนในผู้ใหญ่ที่มีภาวะอ้วน หรือต้องการหุ่นที่ผอมเพรียว โดยมีความปลอดภัยและมีผลข้างเคียงน้อย
ในยุคสมัยที่รูปร่างผอมเพรียวกลายเป็นมาตรฐานความงาม ทำให้หลายคนใฝ่ฝันที่อยากจะมีหุ่นดี วิธีลดน้ำหนักแบบเร่งด่วนจึงกลายเป็นสิ่งที่หลายคนต้องการ ดังนั้น "ปากกาลดน้ำหนัก" จึงกลายเป็นตัวช่วยยอดนิยมที่หลายคนให้ความสนใจ แต่เจ้าปากกาปลายแหลมนี้ ทำงานอย่างไร? มีความปลอดภัยจริงหรือ? บทความนี้ จะพาไปทำความรู้จักกับปากกาลดความอ้วนกัน
ปากกาลดน้ำหนัก คืออะไร?
ปากกาลดน้ำหนัก หรือที่รู้จักกันในชื่อ ยาฉีดลิรากลูไทด์ (Liraglutide) ช่วยลดน้ำหนักในผู้ใหญ่ที่มีภาวะอ้วนหรือน้ำหนักเกิน โดยออกฤทธิ์ควบคุมความอยากอาหาร กระตุ้นการหลั่งอินซูลิน และชะลอการดูดซึมอาหาร ซึ่งปากกาลดความอ้วนมีลักษณะเป็นเข็มฉีดยาขนาดเล็ก ผู้ใช้จะทำการฉีดยาเข้าใต้ผิวหนังด้วยตนเอง โดยปกติจะฉีดวันละ 1 ครั้ง
ทั้งนี้ Liraglutide คือตัวยาหลักในปากกาลดน้ำหนัก ทำหน้าที่เลียนแบบฮอร์โมน GLP-1 (Glucagon-like peptide 1) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ร่างกายหลั่งตามธรรมชาติเพื่อกระตุ้นการหลั่งอินซูลิน ควบคุมความอยากอาหาร และชะลอการบีบตัวของกระเพาะอาหาร ซึ่ง Liraglutide จะทำงานโดยจับกับตัวรับ GLP-1 บนเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย ส่งผลดังต่อไปนี้
- เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น Liraglutide จะกระตุ้นให้ตับอ่อนหลั่งอินซูลินมากขึ้น อินซูลินทำหน้าที่นำน้ำตาลจากกระแสเลือดเข้าสู่เซลล์ เพื่อใช้เป็นพลังงาน ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง
- Liraglutide ส่งสัญญาณไปยังสมองเพื่อลดความอยากอาหาร ทำให้รู้สึกอิ่มเร็วและทานอาหารน้อยลง
- Liraglutide ชะลอการบีบตัวของกระเพาะอาหาร ทำให้อาหารอยู่ในกระเพาะนานขึ้น ส่งผลให้รู้สึกอิ่มนานขึ้น
ปากกาลดน้ำหนัก ช่วยดูแลเรื่องอะไรบ้าง?
นอกจากช่วยลดน้ำหนักแล้ว ปากกาลดน้ำหนักยังมีประโยชน์อื่น ๆ อีกมากมาย ดังนี้
- ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ด้วยการกระตุ้นการหลั่งอินซูลินและลดการหลั่งกลูคากอน ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง
- งานวิจัยบางชิ้นชี้ว่า Liraglutide อาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด เช่น โรคหัวใจวายและโรคหลอดเลือดสมอง
- Liraglutide ชะลอการเปลี่ยนแปลงจากโรคเบาหวานชนิดก่อนเบาหวานไปเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2
- Liraglutide อาจช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งตับอ่อนและมะเร็งกระเพาะอาหาร จากงานวิจัยบางชิ้น
ปากกาลดน้ำหนักมีข้อควรระวังอะไรที่ต้องทราบ
ก่อนจะใช้ปากกาลดน้ำหนัก ต้องเข้าใจข้อควรรู้ก่อนใช้ต่าง ๆ ให้ดี เพื่อให้สามารถใช้ปากกาฉีดลดน้ำหนักได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากที่สุด ได้แก่
- ปากกาลดน้ำหนักควรใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น
- แจ้งให้แพทย์ทราบเกี่ยวกับโรคประจำตัว ยาที่ใช้เป็นประจำ อาหารเสริม สมุนไพร และวิตามิน รวมถึงหากมีภาวะแพ้ยา
- แจ้งให้แพทย์ทราบหากอยู่ในภาวะ ดังต่อไปนี้
- กำลังตั้งครรภ์ ให้นมบุตร หรือวางแผนจะมีบุตร
- มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร ตับ ไต หรือต่อมไทรอยด์
- มีโรคอื่น ๆ เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคมะเร็ง
นอกจากนี้ บุคคลต่าง ๆ เหล่านี้ ไม่ควรใช้ปากกาฉีดลดความอ้วน เพื่อความปลอดภัย คือ
- ผู้ที่แพ้ยาหรือส่วนประกอบของยา
- ผู้ที่มีภาวะไทรอยด์เป็นพิษ
- ผู้ที่มีภาวะตับอ่อนอักเสบ
- ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
- เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี
วิธีใช้ปากกาลดน้ำหนักอย่างไรให้มีความปลอดภัย
ปากกาลดน้ำหนัก เป็นยาฉีดลดน้ำหนัก ชนิดที่ได้รับการอนุมัติจากองค์การอาหารและยา (อย.) เป็นยาที่ออกฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง ช่วยให้อิ่มเร็ว ลดความอยากอาหาร ส่งผลต่อพฤติกรรมการกิน และช่วยเผาผลาญพลังงาน ดังนั้น จึงต้องใช้ปากกาควบคุมน้ำหนักอย่างระมัดระวัง ดังต่อไปนี้
ก่อนใช้ปากกาลดน้ำหนัก
- ควรปรึกษาแพทย์ เนื่องจากแพทย์จะประเมินความเหมาะสม วางแผนการใช้ยา และให้คำแนะนำในการใช้ปากกาผอมอย่างถูกต้อง
- แจ้งแพทย์เกี่ยวกับโรคประจำตัว ยาที่ทาน แพ้ยา หรือมีภาวะอื่น ๆ
- อ่านเอกสารข้อมูลผลิตภัณฑ์ยา (Product Information Leaflet) ของปากกาฉีดพุงอย่างละเอียด
ระหว่างใช้ปากกาลดน้ำหนัก
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ทั้งฉีดปากกาลดน้ำหนักตามขนาด ระยะเวลา และวิธีการที่แพทย์สั่ง
- เก็บปากกาควบคุมน้ำหนักในอุณหภูมิที่เหมาะสม พ้นมือเด็ก แสงแดด และความชื้น
- สังเกตุอาการข้างเคียงเป็นประจำ หากพบอาการผิดปกติ ให้รีบแจ้งแพทย์
- พบแพทย์ตามนัดเพื่อติดตามผลการรักษา ปรับขนาดปากกาลดหิว และประเมินผลข้างเคียง
นอกจากนี้ ยังมีข้อควรระวังในการใช้ปากกาลดหิว ดังนี้
- ไม่ควรใช้ปากกาคุมหิวเกินขนาด เพระาอาจเกิดอาการข้างเคียงร้ายแรง
- ไม่ควรใช้ปากกาฉีดพุง หากตั้งครรภ์ ให้นมบุตร หรือมีโรคประจำตัวบางชนิด
- ไม่ควรใช้ร่วมกับยาอื่น ๆ โดยไม่ปรึกษาแพทย์
- ไม่ควรหยุดปากกาลดน้ำหนักอย่างกะทันหัน อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์ก่อนหยุดยา
ผลลัพธ์ของการใช้ปากกาลดน้ำหนัก ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น อายุ, เพศ, น้ำหนัก, สุขภาพ, พฤติกรรมการกิน และการออกกำลังกาย แต่โดยทั่วไป น้ำหนักจะลดลงประมาณ 5 - 10% ของน้ำหนักตัวเริ่มต้น ทั้งนี้ ระยะเวลาของผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการกิน และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอด้วย
แนวทางการดูแลตนเองหลังการใช้ปากกาลดน้ำหนัก
ในการใช้ปากกาลดความอ้วน แม้จะช่วยให้ลดน้ำหนักได้รวดเร็ว แต่ก็มีความเสี่ยงต่อการเกิดโยโย่เอฟเฟกต์ หรือภาวะน้ำหนักกลับมาเพิ่มหลังหยุดใช้ยา ดังนั้น การดูแลตนเองอย่างเหมาะสมหลังใช้ปากกาลดน้ำหนักจึงมีความสำคัญมาก
- ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน เน้นอาหารที่มีประโยชน์ มีสารอาหารครบถ้วน เน้นผัก ผลไม้ ธัญพืช โปรตีน และไขมันดี ควรควบคุมปริมาณแคลอรี่ ลดอาหารแปรรูป จำกัดอาหารที่มีน้ำตาล เกลือ ไขมันอิ่มตัว และไขมันทรานส์
- รับประทานอาหารเป็นมื้อ (3 มื้อหลัก และ 2 มื้อว่าง) ควรค่อย ๆ เคี้ยวอาหาร เพราะจะช่วยให้อิ่มเร็วขึ้น และหลีกเลี่ยงการทานจุบจิบ โดยเฉพาะของหวานและอาหารว่างที่ไม่มีประโยชน์
- ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่างน้อย 30 นาที ใน 3 - 5 วันต่อสัปดาห์ ควรเริ่มจากกิจกรรมเบา ๆ แล้วค่อย ๆ เพิ่ม ความหนักหน่วง อีกทั้งยังสามารถผสมผสานหลายรูปแบบ ทั้งคาร์ดิโอ และเวทเทรนนิ่ง
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 7 - 8 ชั่วโมงต่อคืน โดยสร้างบรรยากาศการนอนหลับที่ดี และงดเล่นมือถือหรือนอนดูทีวีบนเตียงนอน
- ติดตามผลน้ำหนักและพฤติกรรมการกิน ด้วยการชั่งน้ำหนักเป็นประจำ สัปดาห์ละ 1 - 2 ครั้ง
สรุปเกี่ยวกับปากกาลดน้ำหนัก
ปากกาลดน้ำหนักที่มีตัวยา Liraglutide เป็นตัวเลือกหนึ่งในการช่วยลดน้ำหนัก แต่ควรใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์ โดยแพทย์จะประเมินความเหมาะสมและให้คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้ปากกาลดความอ้วนที่ถูกต้อง รวมถึงติดตามผลการรักษาและดูแลผู้ใช้ยาอย่างใกล้ชิด แต่ควรควบคู่ไปกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และรักษาสุขภาพ เพื่อรักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม และป้องกันการเกิดโยโย่เอฟเฟกต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ