เด็กหลอดแก้ว เทคโนโลยีการเจริญพันธุ์ เพื่อครอบครัวที่มีบุตรยาก
การทำเด็กหลอกแก้ว หรือ IVF คือ การแก้ปัญหาผู้มีบุตรยากด้วยวิธีการปฏิสนธิภายนอก ซึ่งบทความนี้จะมาช่วยแนะนำตั้งแต่ขั้นตอน กระบวนการ และข้อควรรู้เกี่ยวกับการทำ IVF
เด็กหลอดแก้วคงเป็นชื่อที่คุ้นหูสำหรับหลายท่าน แต่อาจจะยังไม่ทราบถึงรายละเอียด รู้แต่เพียงว่าเป็นเด็กที่เกิดจากรรมวิธีพิเศษจากการปฏิสนธิปกติ โดยการทำเด็กหลอดแก้ว หรือ In-vitro Fertilization ชื่อย่อว่า IVFเป็นเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ในยุคนี้ด้วยการปฏิสนธิภายนอกร่างกาย เพื่อช่วยแก้ปัญหาผู้มีบุตรยาก ซึ่งก็มีอยู่ด้วยกันหลายปัจจัย
ในบทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับรายละเอียดของการทำเด็กหลอดแก้ว เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจสำหรับครอบครัวที่กำลังวิตกกังวลกับปัญหามีลูกยาก แต่ไม่รู้ว่าควรแก้ปัญหาอย่างไรดี
ใครบ้างที่เหมาะกับการทำเด็กหลอดแก้ว
เด็กหลอดแก้ว เป็นวิธีการผสมเทียม ที่ถูกริเริ่มเมื่อ 40 ปีก่อน และถูกพัฒนาให้มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นมั่นใจได้ว่าเด็กหลอดแก้วสามารถแก้ปัญหาผู้มีบุตรยาก เพิ่มโอกาสให้ทุกครอบครัวได้อุ้มลูกน้อยของตนเอง
สำหรับคนที่สนใจต้องการทำเด็กหลอดแก้ว เรามาดูกันก่อนว่าบุคคลไหนบ้างที่ควรทำเด็กหลอดแก้ว วิธีสังเกตแบบง่าย ๆ คือ คู่ครองที่พยายามมีบุตรมานาน 3 ปี แต่ยังไม่มีทีท่าที่จะตั้งครรภ์ โดยปัจจัยความผิดปกติที่ส่งผลให้มีบุตรได้ยาก สำหรับฝ่ายชายและฝ่ายหญิง จะมีความแตกต่างกัน โดยมีรายละเอียด ดังนี้
ฝ่ายหญิง
- คุณผู้หญิงที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป
- คุณผู้หญิงที่มีภาวะท่อนำไข่ตีบตัน เป็นสาเหตุให้เซลล์อสุจิไม่สามารถว่ายไปเซลล์ไข่เพื่อปฏิสนธิ
- คุณผู้หญิงที่มีผนังเซลล์ไข่หนากว่าปกติ เป็นสาเหตุให้เซลล์อสุจิไม่สามารถเจาะเข้าไปในเซลล์ไข่เพื่อปฏิสนธิได้
- คุณผู้หญิงที่ทำหมันแล้ว
- คุณผู้หญิงที่มีภาวะตกไข่ผิดปกติ
- ความผิดปกติอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อการปฏิสนธิ
ฝ่ายชาย
- คุณผู้ชายที่มีปัญหาเกี่ยวกับการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ทำให้ไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ตามปกติ
- คุณผู้ชายที่มีเซลล์อสุจิปริมาณน้อย และแต่ละเซลล์ไม่แข็งแรง
- คุณผู้ชายที่ท่ออสุจิมีการอุดตัน เป็นสาเหตุให้ไม่สามารถหลั่งอสุจิออกมาได้
- คุณผู้ชายที่ทำหมันแล้ว
- ความผิดปกติอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อการปฏิสนธิ
การเตรียมความพร้อมก่อนทำเด็กหลอดแก้ว
การทำเด็กหลอดแก้วแม้จะใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย เพิ่มโอกาสที่จะช่วยให้สามารถมีลูกได้ แต่การเตรียมตัวก่อนทำเด็กหลอดแก้วก็เป็นเรื่องที่สำคัญ หากเตรียมตัวได้ดี ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสมีลูกให้สูงขึ้นอีก โดยการ เตรียมตัวของฝ่ายชาย ฝ่ายหญิงก่อนเข้ากระบวนการเด็กหลอดแก้ว ก็จะมีความแตกต่างกัน โดยมีรายละเอียดดังนี้
สำหรับฝ่ายหญิง : เหมือนกับการดูแลสุขภาพเบื้องต้น ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเน้นไปที่โปรตีน, ดื่มน้ำอย่างน้อย 2 ลิตร, นอนหลับให้เพียงพอ, หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ งดสูบบุหรี่ ก่อนเข้ากระบวนการประมาณ 3 เดือน และออกกำลังกายพอเหมาะให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง
สำหรับฝ่ายชาย : เช่นเดียวกับฝ่ายหญิง การเตรียมตัวของฝ่ายชายคือการดูแลสุขภาพเบื้องต้นเช่นกัน รับประทานอาหาร, ดื่มน้ำ, พักผ่อนให้เพียงพอ, ออกกำลังกาย, งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่ โดยเพิ่มเติมในส่วนของหลีกเลี่ยงการทำซาวน่า การแช่น้ำร้อน เพราะอุณหภูมิจะส่งผลให้ร่างกายสร้างเซลล์อสุจิไม่ดี งดการมีเพศสัมพันธ์ เพื่อให้ได้เซลล์อสุจิที่ดีที่สุด
ระยะเวลาการย้ายตัวอ่อนของเด็กหลอดแก้วมีอะไรบ้าง ?
ไม่ว่าจะเป็นการรักษาอะไรล้วนมีระยะเวลาในการรักษา โดยกระบวนการเด็กหลอดแก้ว ก็มีระยะเวลาเช่นกัน โดยการทำเด็กหลอดแก้ว เป้าหมาย คือ การช่วยให้คู่ครองที่มีบุตรยาก ได้มีลูก หลังจากทำการปฏิสนธิโดยการนำเซลล์ไข่ และเซลล์อสุจิมาทำการปฏิสนธิกันภายนอกร่างกาย จนได้เป็นตัวอ่อนมาแล้ว กระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการเพาะเลี้ยง และย้ายตัวอ่อน จะมีอยู่ 2 ระยะ ดังนี้
ระยะบลาสโตซิสต์ (blastocyst transfer)
เป็นการเพาะเลี้ยงตัวอ่อนไว้ภายนอกร่างกาย โดยระยะบลาสโตซิสต์ จะเริ่มหลังจาก 5 วันหลังเสร็จสิ้นกระบวนการปฏิสนธิ ช่วงระยะบลาสโตซิสต์จะเพาะเลี้ยงตัวอ่อนให้เจริญเติบโต จนถึงระยะพร้อมฝังตัว ซึ่งเมื่อผ่านระยะบลาสโตซิสต์ไปแล้วตัวอ่อนก็จะเข้ากระบวนการไปฝังตัวในโพรงมดลูก เพื่อให้ตั้งครรภ์ต่อไป
ระยะวันที่ 3 หลังการผสม (day 3 transfer)
เป็นช่วงระยะเวลาเพาะเลี้ยงตัวอ่อน โดยจะเน้นไปที่การเพาะเลี้ยงจนตัวอ่อนมีการแบ่งเซลล์เป็น 6-8 เซลล์ ซึ่งช่วงกระบวนการนี้จะใช้ระยะเวลาประมาณ 3 วัน
ภาวะแทรกซ้อนจากการทำเด็กหลอดแก้ว
กระบวนการทำเด็กหลอดแก้ว แม้จะมีโอกาสสูงที่ทำให้สามารถตั้งครรภ์และ แต่เพื่อประกอบการตัดสินใจควรทราบภาวะแทรกซ้อน หรือความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น โดยมีรายละเอียดดังนี้
- ภาวะตกเลือดในช่องท้อง ในระหว่างขั้นตอนการเก็บไข่ ซึ่งความเสี่ยงข้อนี้มีโอกาสเกิดขึ้นเพียง 0.5%
- รังไข่ขยายตัว จากยากระตุ้นไข่ ซึ่งขนาดที่ใหญ่ขึ้นมากกว่าปกติ หากขยายตัวใหญ่เกินไป มีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะบวมน้ำจากระดับฮอร์โมนที่สูงขึ้น แต่มีโอกาสเกิดขึ้นต่ำกว่า 1%
- มีอาการคลื่นไส้อาเจียนในระดับที่ไม่รุนแรงจากระดับฮอร์โมนที่สูงขึ้นจากการทานยากระตุ้นไข่ ระหว่างเข้ากระบวนการเด็กหลอดแก้ว
อัตราความสำเร็จที่จะตั้งครรภ์ จากการทำเด็กหลอดแก้ว
การทำเด็กหลอดแก้วมีอัตราความสำเร็จเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 60 - 70 % ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับหลาย ๆ ไม่ว่าจะเป็นความรุนแรงของภาวะมีบุตรยากแต่ละคน เช่น อายุมากแค่ไหน, ความสมบูรณ์ของเซลล์ไข่ เซลล์อสุจิ และความแข็งแรงของตัวอ่อนที่ได้หลังจากการปฏิสนธิ
สรุปเรื่องเด็กหลอดแก้ว ทางเลือกที่คนมีบุตรยากควรพิจารณา
การทำเด็กหลอดแก้วนั้นเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยแก้ปัญหาคู่ครองที่มีภาวะมีบุตรยาก หากต้องการที่จะมีลูกน้อยเป็นของตัวเอง ก็ไม่ควรที่จะมองข้ามตัวช่วยอย่างเด็กหลอดแก้ว การจะเลือกสถานพยาบาลเพื่อเข้ารับกระบวนการ ก็ควรเลือกสถานพยาบาลที่มีเทคโนโลยีพร้อม มีผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำปรึกษา และมีประสบการณ์ความน่าเชื่อถือ
โดยเราขอแนะนำ SAFE Fertility Group คลีนิกรักษาผู้มีบุตรยากมาตรฐานสากล โดย SAFE เป็นผู้นำด้านกระบวนการรักษาผู้มีบุตรยากจากสาเหตุต่าง ๆ การันตีด้วยการรับรองจากสถาบันรับรองคุณภาพคลีนิกเด็กหลอดแก้วจากประเทศออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ มั่นใจได้เลยว่าปัญหาภาวะมีบุตรยากที่คุณประสบอยู่จะได้รับการแก้ไขอย่างแน่นอน