AI ยุคสมัยสังคมในปัจจุบัน
AI ย่อมาจาก Artificial Intelligence เป็นเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยให้การทำงานง่ายขึ้น และประมวลผลเสมือนคอมพิวเตอร์ ลดการใช้แรงงานคน จึงถูกเรียกว่าปัญญาประดิษฐ์
ปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรม เทคโนโลยีต่างๆ การเกษตร จะมีการแข่งขันกันซึ่งการใช้ AI เข้ามาช่วยในกระบวนการผลิต AI ความหมายคือการช่วยลดเวลาการทำงาน เป็นการทุ่นแรงงานจากคน ทำให้ประหยัดเวลา ใช้งบประมาณที่น้อยซึ่ง AI จะเรียกว่า ปัญญาประดิษฐ์ เพราะเป็นการทำงานจากการประมวลผลเทคโนโลยีที่เสมือนสมองคน เป็นการใส่ข้อมูลเข้าไปเพื่อช่วยในการทำงานและพัฒนาเทคโนโลยีที่ทันสมัย การใช้ AI ในชีวิตประจําวันเพื่อตอบโจทย์กับสังคมในปัจจุบัน เทคโนโลยีระบบเอไอเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในหลายประเทศ เพราะเป็นการทำงานที่มีความผิดพลาดน้อย และ AI สามารถประยุกต์ได้กับหลายธุรกิจอีกด้วย ถ้าอยากรู้ว่า AI คืออะไรสามารถทำอะไรได้บ้างไม่ควรพลาดบทความนี้
ความหมายของ AI คืออะไร
AI หรือ Artificial Intelligence หมายถึง การใช้เทคโนโลยีจากโปรแกรมที่เขียนขึ้นจากคอมพิวเตอร์ที่มีรูปแบบคล้ายกับสมองของมนุษย์ หรือที่เรียกว่าปัญญาประดิษฐ์ คือการทำงานเทียบเท่าแรงงานจากคน เป็นการลอกเลียนการทำกิจกรรมของมนุษย์ เช่น การเรียนรู้ วางแผนการทำงาน แก้ไขปัญหา วิเคราะห์ข้อมูล ประมวลผลข้อมูลแต่ AI จะมีการทำงานที่เร็วกว่าแต่ AI ก็ยังไม่สามารถใช้ประสาทสัมผัสได้เหมือนมนุษย์ ดังนั้นจะเห็นได้ว่า AI สามารถใช้ได้ในชีวิตประจําวัน เช่น แต่งรูป เลียนแบบภาพเสมือนจริง การประมวลผลข้อมูลต่างๆในระบบสารสนเทศ เป็นต้น
AI มีกี่ชนิด อะไรบ้าง
AI ปัญญาประดิษฐ์ คือ การพัฒนาเทคโนโลยีการทำงานให้เหมือนสมองของคน ซึ่งในปัจจุบันมีการแบ่งการทำงาน AI เป็น 3 ชนิด ตามความสามารถและการใช้งานให้เหมาะสม ประเภทของ AI จะมีอะไรบ้างมาดูกันเลย
ANI (Artificial Narrow Intelligence)
AI ประเภทแรก Weak AI หรือเรียกอีกอย่างว่า (ANI) Artificial Intelligence คือ การใช้ Artificial ที่ทำงานแทนการใช้แรงงานจากคน AI Artificial Intelligence ชนิดนี้ส่วนใหญ่จะจำกัดแค่เพียงบางอย่าง และวงแคบเท่านั้น เป็นการป้อนคำสั่งโดยการเขียนโปรแกรมไม่สามารถทำงานอย่างอื่นนอกเหนือจากการป้อนคำสั่งได้ และ Artificial Intelligence ai ประเภทนี้จะไม่สามารถเรียนรู้สิ่งอื่นๆ นอกเหนือการสั่งงานตามชุดข้อมูล ส่วนใหญ่จะจะใช้ AI ชนิดนี้ในหุ่นยนต์ เช่น หุ่นยนต์ช่วยเสิร์ฟอาหาร หุ่นยนต์พยาบาล หุ่นยนต์ที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ เป็นต้น
AGI (Artificial General Intelligence)
Artificial General Intelligence ชื่อย่อ AGI หรือเรียกอีกอย่างว่า Strong AI เป็น AI ปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถเรียนรู้ มีความสามารถเทียบเท่ามนุษย์คนหนึ่ง มีความจำและสติปัญญา สามารถคิดวางแผน วิเคราะห์ข้อมูล แก้ปัญหาได้ Artificial Intelligence ประเภทนี้จะเข้าใจสิ่งที่เป็นนามธรรม อีกทั้งยังสามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆ จากประสบการณ์ได้เหมือนมนุษย์ ซึ่งอาจจะพัฒนาจนเป็น AI ML คือ การป้อนข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์เพื่อให้สามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้ด้วยตนเองโดยใช้ข้อมูล AI Machine Learning แต่ในปัจจุบัน AI ชนิดนี้ยังไม่สามารถพัฒนาได้สำเร็จ เป็นเพียง AI ที่คาดการณ์ในอนาคตเท่านั้น
ASI (Artificial Super Intelligence)
Artificial Super Intelligence (ASI) ถือได้ว่าเป็นนวัตกรรม AI ขั้นสุดยอดที่ฉลาดกว่ามนุษย์ ซึ่งในปัจจุบันยังไม่มีการพัฒนา AI ได้ถึงขนาดนั้น ส่วนใหญ่ AI จะถูกพัฒนาโดยโปรแกรมจากมนุษย์ซึ่ง AI ประเภทนี้เป็นเพียงจินตนาการ เรามักจะเห็นได้จาก ภาพยนตร์ไซไฟ ซีรีส์ นวนิยาย หรือเกมโดย AI Deep Learning มนุษย์จะพัฒนาระบบ AI ให้ฉลาดเพื่อใช้เป็นเครื่องจักรสามารถยึดครองโลกแต่ในปัจจุบันยังไม่มี AI ประเภทนี้
ตัวอย่างการนำ AI ไปปรับใช้ในธุรกิจ
ในการนำ AI ไปใช้ในทางธุรกิจหมายถึง การนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยสามารถทำได้หลายอย่าง AI มีการทำงานได้ไม่แพ้ระบบแรงงานคน เพราะประโยชน์ของ ai จะช่วยทำให้ธุรกิจนั้นสะดวก รวดเร็ว และง่ายต่อผู้ใช้งานหรือลูกค้า ยกตัวอย่างการใช้ AI ในการทำงานดังนี้
งานเอกสาร
ด้านงานเอกสาร AI คือ จะใช้งานผ่านระบบ Intelligent Document Processing หรือระบบ ai ที่ประมวลผลเอกสารได้อย่างอัจฉริยะ โดยนำนวัตกรรม AI มารวมกับการใช้เทคโนโลยี OCR หรือที่เรียกว่า Optical Character Recognition และ Robotic Process Automation หรือ RPA เป็นการทำงานโดยใช้ AI ทำงานเหมือนคนโดยจะป้อนข้อมูลลงไปในระบบ และให้ AI อ่านข้อมูลจากหลายๆระบบ จากนั้น AI จะประมวลผล และส่งข้อมูลกลับไปยังผ่านระบบขององค์กร โดยการเชื่อมต่อ API เพื่อช่วยประหยัดเวลาในการทำงานหลายขั้นตอน และลดการเกิดข้อผิดพลาดจากการกรอกข้อมูลที่ซับซ้อนได้ดี
วิเคราะห์ข้อมูล พยากรณ์
AI ในการวิเคราะห์ข้อมูล คาดคะเนและพยากรณ์มาจากการใช้ AI Algorithm เพื่อหาข้อมูลจากชุดข้อมูลที่มีจำนวนมากโดย AI แบบนี้จะประมวลผล วิเคราะห์และรวบรวมข้อมูลต่างๆ ออกมาเป็นข้อมูลที่ต้องการทราบเปรียบเสมือนนักวิเคราะห์ข้อมูลในองค์กร โดยการทำงานที่ใช้ AI จะเป็นการทำงานที่ประหยัดเวลา เป็นอีกตัวช่วยหนึ่งในการทุ่นแรงของมนุษย์ทำให้การทำงานง่ายและรวดเร็วขึ้น
สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า การบริหารทรัพยากรบุคคล
AI Ethics คือ การใช้ AI เข้ามาช่วยในการประยุกต์เพื่อทำงานในงานที่ต้องการเชื่อมความสัมพันธ์กับลูกค้า หรือพนักงานในองค์กรเพื่อให้เกิดการทำงานร่วมกันอย่างมประสิทธิภาพ เกิดการไว้วางใจโดย AI จะเป็นการใช้งานแชทบอทในการโต้ตอบอัตโนมัติ หรือเรียกได้ว่า AI เป็นผู้ช่วยอัจฉริยะ เป็นการทำงานเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ไว้ที่สุด แต่ AI ก็ไม่สามารถประมวลผลเหมือนมนุษย์ได้ เพราะเป็นการป้อนข้อมูลและคำตอบที่ค่อนข้างจะตายตัวลงไป
การบริหารทรัพยากรบุคคล
AI Engineer คือ การจัดการทรัพยากรบุคคลเหมือนการใช้แรงงานคน ซึ่งจะใช้ทีมงานที่มีความรู้มาพัฒนาระบบในการนำปัญญาประดิษฐ์มาใช้ในองค์กร เพื่อพัฒนาแผนธุรกิจหรือสินค้า ทำหน้าที่เป็นคนเขียนข้อมูลหรือโปรแกรม เพื่อป้อนชุดคำสั่งให้กับ AI เพื่อให้ปัญญาประดิษฐ์จดจำและเรียนรู้ พัฒนา แทนแรงงานคน สามารถจัดการข้อมูลที่ซับซ้อนได้อย่างรวดเร็ว มีความถูกต้องและแม่นยำ AI engineer จะต้องคอยนำข้อมูลใหม่ๆ มาป้อนให้กับ AI เพื่อพัฒนาองค์กรให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าอยู่เสมอ
การผลิต
การใช้งานระบบ AI จะทำให้งานในส่วนที่เป็นข้อมูลการผลิตที่ซับซ้อนนั้นเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น เพราะกระบวนการผลิตจะต้องใช้ความชำนาญ ประณีต สินค้าจะต้องออกมามีคุณภาพและเหมือนกันทุกชิ้น การใช้ AI เข้ามาช่วยในกระบวนการผลิตจะช่วยเพิ่มกำลังการผลิตให้เพิ่มมากขึ้น สินค้าเกิดความเสียหายน้อย มีความแม่นยำในการผลิตเพิ่งสูงขึ้น และช่วยลดแรงงานคนในกระบวนการผลิตอีกด้วย ดังนั้นการใช้ AI จะทำให้การผลิตสามารถผลิตสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น
การเงิน การบัญชี
AI Accounting คือการใช้ปัญญาประดิษฐ์ผ่านระบบการทำงานที่ข้อมูลทางด้านตัวเลขต้องทำแบบซ้ำๆ และมีข้อมูลตัวเลขจำนวนมหาศาล การใช้ระบบ AI มาช่วยทำให้เกิดการผิดพลาดได้น้อยลง AI สามารถลดความเสี่ยงในการทำงานผิดพลาดและสามารถค้นหาข้อมูลย้อนหลังได้ง่ายมากขึ้น
บทสรุปของ AI
AI ย่อมาจาก Artificial intelligence ซึ่ง AI คือ การนำเอานวัตกรรมที่ทันสมัย ช่วยลดการทำงานของแรงงานคน AI เป็นการทำงานเหมือนกับสมองคน มีการทำงานได้ไม่แพ้แรงงานมนุษย์ ซึ่งมีประโยชน์เป็นอย่างมากในการทำธุรกิจเพราะช่วยเพิ่มคุณภาพของงาน ระบบ AI มีความแม่นยำสูง ฉลาดและสามารถจัดเก็บข้อมูลได้มาก AI ช่วยพัฒนาระบบและช่วยทำให้เบาแรงลง ลดโอกาสการเกิดข้อผิดพลาด ช่วยตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้สะดวก รวดเร็ว อีกทั้ง AI ยังมีการจัดเก็บข้อมูลและช่วยวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ