10 ข้อคำถามเกี่ยวกับเลเซอร์กำจัดขน มาอธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ
แม้ว่า เส้นขนจะมีขนาดเล็ก แต่ก็กลายเป็นปัญหาใหญ่สำหรับใครหลาย ๆ คน เพราะถ้าหากมีขนดกเกินไป หรือมีปัญหาขนคุด ก็ย่อมสร้างความไม่มั่นใจให้กับเจ้าของได้ จึงต้องหาทางออกเพื่อกำจัดขนถาวรอย่างเลเซอร์กำจัดขน แล้วเลเซอร์ขนคืออะไร เครื่องเลเซอร์ขนมีกี่แบบ สามารถทำเลเซอร์กำจัดขนบริเวณใดได้บ้าง ซึ่งบทความนี้ ได้รวบรวมข้อคำถามชวนสงสัย พร้อมคำตอบอย่างละเอียดมาให้แล้ว
1. เลเซอร์กำจัดขน คือ อะไร?
เลเซอร์กำจัดขน (Laser hair removal) คือ การกำจัดขนโดยใช้แสงเลเซอร์ปล่อยพลังงานความร้อนเข้าไปทำลายรากขน โดยรากขนจะดูดซับพลังงานแสงนั้น และเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนเข้าไปทำลายเนื้อเยื่อบริเวณที่มีเซลล์เม็ดสี ทำให้เส้นขน รากขน และเนื้อเยื่อต่าง ๆ ที่ทำหน้าที่ผลิตขนก็จะถูกทำลาย ทำให้ไม่สามารถผลิตสเต็มเซลล์ที่ทำให้ขนงอกได้
การเลเซอร์กำจัดขนเป็นการกำจัดขนแบบถาวรรูปแบบหนึ่ง ซึ่งไม่ทำลายผิวหนังบริเวณข้างเคียงระหว่างทำเลเซอร์ โดยเลเซอร์ขนจะถูกเมลานินหรือเม็ดสีผิวในต่อมขนดูดซึม เพื่อไปใช้เป็นพลังงานในการทำลายรากขน พอรากขนถูกทำลายจนหมด ขนก็จะไม่งอกขึ้นมาอีก
2. เลเซอร์กำจัดขนช่วยแก้ปัญหาเรื่องอะไร?
เลเซอร์กำจัดขนช่วยแก้ปัญหาเรื่องขนที่ไม่พึงประสงค์ในบริเวณต่าง ๆ ของร่างกายได้หลายส่วน เช่น
- ปัญหาขนดก
- ปัญหาขนขึ้นหนา
- ปัญหาขนขึ้นเร็ว
- ปัญหาขนขึ้นเป็นตอ
- ปัญหาขนคุด
- ปัญหาผิวไม่เรียบเนียน
โดยเลเซอร์กำจัดขนสามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ขนขึ้นใหม่ช้าลงและบางลง ส่งผลให้ผิวเรียบเนียนขึ้น ปัญหาขนคุดก็ลดลงไปด้วย นอกจากนี้ การเลเซอร์ขนยังช่วยแก้ปัญหาอื่น ๆ ได้อีก เช่น
- ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดขนคุดอักเสบ
- ช่วยลดปัญหากลิ่นไม่พึงประสงค์จากขน
- ช่วยให้รู้สึกมั่นใจมากขึ้น
ซึ่งเลเซอร์กำจัดขนยังมีข้อดีอีกหลายประการ ทำให้การเลเซอร์ขนได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ได้แก่
- เป็นการกำจัดขนได้อย่างถาวร
- เลเซอร์กำจัดขนมีประสิทธิภาพและให้ผลในระยะยาว
- ไม่จำเป็นต้องเลเซอร์ขนบ่อย
- ทำให้ขนขึ้นช้าและบางลง
- ไม่เกิดปัญหาขนคุด
- ผิวเรียบเนียนมากยิ่งขึ้น
3. เลเซอร์กำจัดขนสามารถทำบริเวณใดได้บ้าง?
เลเซอร์กำจัดขนสามารถกำจัดขนได้ทุกบริเวณของร่างกาย ขึ้นอยู่กับความต้องการและความเหมาะสมของผู้รับบริการ แต่บริเวณที่ได้รับความนิยมทำเลเซอร์ขน ได้แก่
- เลเซอร์ขนหน้า ไม่ว่าจะเป็นไรผม แก้ม คาง หรือเหนือริมฝีปาก
- เลเซอร์ขนคิ้ว
- เลเซอร์หนวด หรือเครา สามารถทำได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย
- เลเซอร์รักแร้ ช่วยลดปัญหารักแร้ดำ ขนคุด
- เลเซอร์ขนแขน เช่น ต้นแขน ข้อศอก
- เลเซอร์ขนหน้าแข้ง เช่น ต้นขา หน้าแข้ง ข้อเท้า
- เลเซอร์จิมิ ช่วยลดปัญหาขนคุด กลิ่นอับชื้น
- บริเวณส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย เช่น หน้าอก หลัง สะโพก ต้นขาด้านใน เท้า เป็นต้น
ทั้งนี้ การเลือกบริเวณที่จะทำเลเซอร์กำจัดขนควรพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น วัตถุประสงค์ของการเลเซอร์ขน ลักษณะของขนและสีผิว รวมถึงผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น ดังนั้น ก่อนตัดสินใจทำ Laser กำจัดขน ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง เพื่อให้ได้รับคำแนะนำอย่างเหมาะสม
4. เครื่องเลเซอร์กำจัดขน มีกี่รูปแบบ?
เลเซอร์กำจัดขนจำเป็นต้องใช้เครื่องมือทันสมัย แล้วเครื่องเลเซอร์ขนมีกี่แบบ แต่ละแบบมีรายละเอียดอย่างไร โดยเครื่องเลเซอร์ขนมี 3 แบบหลัก ๆ ได้แก่
- เครื่องเลเซอร์ IPL เป็นนวัตกรรมสมัยก่อน ไม่ค่อยเป็นที่นิยมในปัจจุบัน อีกทั้งยังมีโอกาสทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ง่าย ขนใหม่ยังสามารถเกิดขึ้นมาได้อีก จำเป็นต้องทำหลายครั้ง
- เครื่อง Diode Laser ด้วยความยาวคลื่น 810 นาโนเมตร ทำให้สามารถกำจัดขนได้ทุกขนาด ลึกถึงรากขน สามารถทำได้กับทุกสภาพสีผิว ช่วยให้ผิวเรียบเนียน
- เครื่อง YAG Laser มีความยาวคลื่น 1064 นาโนเมตร เหมาะกับผิวคล้ำและขนสีอ่อน เป็นเลเซอร์กำจัดขนทำลายได้ลึกถึงรากขน ทำได้ทุกบริเวณ พร้อมทั้งยังมีการเป่าลมเย็นในระหว่างทำอีกด้วย
5. เลเซอร์กำจัดขนจะต้องทำกี่ครั้งเห็นผลลัพธ์ชัดเจน?
โดยทั่วไปแล้ว การเลเซอร์กำจัดขนจะต้องทำอย่างน้อย 4 - 6 ครั้ง โดยแต่ละครั้ง ห่างกันประมาณ 4 - 8 สัปดาห์ เพื่อให้แสงเลเซอร์สามารถทำลายรากขนที่อยู่ในระยะงอกได้อย่างเต็มที่ ซึ่งขนในแต่ละเส้นจะมีระยะงอกที่แตกต่างกันไป โดยเส้นขนจะงอกใน 3 ระยะ คือ
- ระยะเจริญเติบโต (Anagen phase) เส้นขนจะงอกยาวเต็มที่ และแข็งแรงที่สุด
- ระยะพักตัว (Catagen phase) เส้นขนจะฝ่อลง และหลุดร่วง
- ระยะหลุดร่วง (Telogen phase) เส้นขนจะหลุดร่วงไปจนหมด
ซึ่งแสงเลเซอร์ขนสามารถทำลายรากขนได้เฉพาะเส้นขนที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตเท่านั้น ดังนั้น จึงต้องทำเลเซอร์กำจัดขนหลายครั้ง เพื่อให้แสงเลเซอร์สามารถทำลายรากขนได้มากที่สุด โดยเฉพาะผู้มีขนดก หรือขนสีอ่อน อาจต้องทำ Laser กำจัดขนมากกว่า 6 ครั้งขึ้นไป เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ชัดเจน โดยผลลัพธ์ที่ได้ จะอยู่ได้นานหลายปี แต่อาจต้องมีการทำเลเซอร์ซ้ำเป็นครั้งคราว เพื่อกำจัดขนที่ขึ้นใหม่
6. หลังทำเลเซอร์กำจัดขนแล้ว ห้ามทำอะไรบ้าง?
หลังทำเลเซอร์กำจัดขน อาจมีอาการระคายเคืองหรือบวมแดงบริเวณที่ทำเลเซอร์ขนได้ ซึ่งอาการเหล่านี้จะหายไปเองภายใน 2 - 3 วัน แต่ก็ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมบางอย่าง เพื่อไม่ให้อาการระคายเคืองหรือบวมแดงรุนแรงขึ้น เช่น
- การโกน ถอน หรือแว็กซ์ขนบริเวณที่ทำเลเซอร์กำจัดขน เพราะอาจทำให้ขนที่ขึ้นใหม่ขึ้นมาเป็นตอ และหยาบ ควรรอให้เส้นขนหลุดร่วงไปเอง
- การทาครีมหรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ รวมถึงสารเคมีต่าง ๆ ซึ่งก่อให้เกิดอาการระคายเคือง เพราะอาจทำให้ผิวแห้งและระคายเคือง
- การว่ายน้ำในช่วง 24 ชั่วโมงแรกหลังทำเลเซอร์ขน เพราะอาจทำให้ผิวเกิดการอักเสบ
- การฟอกสบู่ หรือการสครับผิวหลังเลเซอร์กำจัดขน 24 ชั่วโมงแรก
- การออกแดดโดยไม่ทาครีมกันแดดในช่วง 1 - 2 สัปดาห์แรกหลังทำเลเซอร์กำจัดขน เพราะอาจทำให้ผิวไหม้
- การอาบน้ำร้อน เพราะจะทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้น เกิดอาการระคายเคืองได้
นอกจากนี้ ควรดูแลผิวบริเวณที่ทำเลเซอร์กำจัดขนให้สะอาดและชุ่มชื้น โดยทายาแก้อักเสบหรือครีมบำรุงผิว ตามคำแนะนำของแพทย์ ไม่ว่าจะเป็นมอยเจอไรเซอร์ หรือว่านหางจระเข้ เพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
7. เลเซอร์กำจัดขน มีข้อเสียหรือไม่ หากมี มีอะไรบ้าง?
เลเซอร์กำจัดขน แม้ว่าจะช่วยอำนวยความสะดวกในการกำจัดขนในระยะยาว แต่ก็ยังมีข้อเสียอยู่บ้าง ดังนี้
- เลเซอร์กำจัดขนมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับการกำจัดขนแบบอื่นๆ เช่น การโกน การถอน หรือแว็กซ์
- เลเซอร์ขนจะต้องทำหลายครั้ง เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน ซึ่งอาจใช้เวลานาน และต้องเสียค่าใช้จ่ายซ้ำหลายครั้ง
- บางรายอาจจะมีผลข้างเคียง เช่น ผิวหนังแดง บวม ไหม้ ลอก ซึ่งอาการเหล่านี้ จะหายไปเองภายใน 2 - 3 วัน แต่อาจรุนแรงขึ้นได้หากไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม
- เลเซอร์กำจัดขนอาจไม่เหมาะกับผู้มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ ผู้มีรอยสักบริเวณที่จะทำเลเซอร์ ผู้กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
นอกจากนี้ เลเซอร์กำจัดขนอาจไม่เหมาะกับผู้มีขนสีอ่อน หรือผิวสีเข้ม เนื่องจากแสงเลเซอร์อาจไม่สามารถทำลายรากขนได้อย่างเต็มที่ ดังนั้น ก่อนตัดสินใจทำเลเซอร์ขน ควรศึกษาข้อมูลให้ดี และเลือกคลินิกที่มีคุณภาพและเชื่อถือได้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่า
8. สามารถทำเลเซอร์กำจัดขนทำทุกวันได้หรือไม่?
ไม่สามารถทำเลเซอร์กำจัดขนทุกวันได้ เนื่องจากแสงเลเซอร์สามารถทำลายรากขนได้เฉพาะเส้นขนที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตเท่านั้น ซึ่งเส้นขนในแต่ละเส้นจะมีระยะงอกแตกต่างกันไป ดังนั้น จึงต้องเว้นระยะเวลาห่างกันประมาณ 4 - 8 สัปดาห์ เพื่อให้เส้นขนอยู่ในระยะเจริญเติบโตเท่านั้น จึงส่งผลให้ต้องทำเลเซอร์ขนหลายครั้ง แล้วการทำเลเซอร์กำจัดขนทุกวัน อาจทำให้ผิวเกิดการอักเสบหรือไหม้ได้
9. เลเซอร์กำจัดสามารถกำจัดขนถาวรได้จริงหรือ?
เลเซอร์กำจัดขนไม่สามารถกำจัดขนถาวรได้ 100% เนื่องจากขนแต่ละเส้นจะมีระยะงอกที่แตกต่างกันไป โดยแสงเลเซอร์สามารถทำลายรากขนได้เฉพาะเส้นขนที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตเท่านั้น ดังนั้น จึงต้องทำเลเซอร์ขนหลายครั้ง แต่หลังการทำเลเซอร์กำจัดขน ขนที่ขึ้นใหม่จะค่อย ๆ ลดลง และบางลงจนแทบมองไม่เห็น ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จะอยู่ได้นานหลายปี แต่อาจต้องมีการทำเลเซอร์ซ้ำเป็นครั้งคราว เพื่อกำจัดขนที่ขึ้นใหม่
10. เลเซอร์กำจัดขน ราคาเท่าไร แพงหรือไม่?
ราคาของเลเซอร์กำจัดขนขึ้นอยู่กับหลาย ๆ ปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นบริเวณที่จะทำเลเซอร์ขน ประเภทของเครื่องเลเซอร์ขน และความชำนาญของแพทย์ แต่โดยทั่วไปแล้ว ราคาจะเริ่มต้นประมาณ 1,000 บาทต่อครั้ง โดยมีรายละเอียด ดังนี้
- เลเซอร์บริเวณใบหน้าราคาประมาณ 1,000 - 2,000 บาทต่อครั้ง
- เลเซอร์รักแร้ราคาประมาณ 1,000 - 2,000 บาทต่อครั้ง
- เลเซอร์ขนขาราคาประมาณ 2,000 - 3,000 บาทต่อครั้ง
- เลเซอร์น้องสาวราคาประมาณ 2,000 - 3,000 บาทต่อครั้ง
สำหรับราคาคอร์สเลเซอร์กำจัดขน (5 - 10 ครั้ง) จะเริ่มต้นที่ประมาณ 5,000 - 20,000 บาท ดังนั้น เลเซอร์กำจัดขนจึงอาจเรียกได้ว่า มีราคาค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับการกำจัดขนแบบอื่น ๆ เช่น การโกน การถอน หรือแว็กซ์ แต่ได้ผลลัพธ์ยาวนาน นับว่าคุ้มค่ากับค่าใช้จ่ายในระยะยาว
สรุปเกี่ยวกับเลเซอร์กำจัดขน
เลเซอร์กำจัดขน คือ การกำจัดขนโดยใช้แสงเลเซอร์เข้าไปทำลายรากขน สามารถกำจัดขนได้หลายส่วนในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นขนบนใบหน้า รักแร้ ขนแขน ขนขา หรือหน้าอก ซึ่งนิยมใช้เครื่อง Diode Laser และ YAG Laser โดยจะต้องเลเซอร์ขนอย่างน้อย 4 - 6 ครั้ง ห่างกันประมาณ 4 - 8 สัปดาห์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน ทั้งนี้ ก่อนตัดสินใจ Laser กำจัดขน ควรศึกษาข้อมูลให้ดี โดยเลือกคลินิกที่ดี ได้รับมาตรฐาน แพทย์มีความเชี่ยวชาญ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ในระยะยาวอย่างปลอดภัย