ธุรกิจขายครีม ประสบความสำเร็จได้ ไม่ยากอย่างที่คิด
เคล็ดลับความสำเร็จในธุรกิจขายครีม คือ การมีผู้เชี่ยวชาญให้ความช่วยเหลือดูแลครบวงจร ตั้งแต่ควบคุมมาตรฐานการผลิต ไปจนถึงการขาย ทั้งหมดหาอ่านได้จากบทความนี้
ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงเศรษฐกิจขาขึ้นหรือขาลงก็ตาม ธุรกิจที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมความงามและสุขภาพก็ยังได้รับความสนใจจากผู้บริโภคมาตลอด เพราะคนตระหนักถึงความสำคัญของภาพลักษณ์และสุขภาพที่ดีกันมากยิ่งขึ้น ดังนั้นการขายครีม เช่น ขายครีมกันแดด, ขายครีมทาผิวขาว, ขายครีมลดริ้วรอยเหี่ยวย่น ฯลฯ ธุรกิจขายครีมเหล่านี้ยังมีแนวโน้มที่จะเติบโต และสร้างยอดขายได้อย่างมั่นคง
แนวโน้มการเติบโตของธุรกิจการขายครีมในปัจจุบันเป็นอย่างไร?
พฤติกรรมการบริโภคและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาโดยเฉพาะหลังเกิดโรคระบาดโควิด-19 ทำให้ทั้งผู้สูงอายุ คนรุ่นใหม่ๆ เกิดความตื่นตัวและสนใจที่จะหันมาใส่ใจการดูแลสุขภาพร่างกายกันมากยิ่งขึ้น ทำให้สินค้าประเภทครีมดูแลสุขภาพมีการเติบโตสวนทางกับเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง จึงมีนักธุรกิจใหม่ๆ สนใจตลาดขายครีมมากขึ้น
และในปัจจุบันมีการพัฒนาค้นคว้าผลิตภัณฑ์ครีมขายดีที่ผลิตจากสารสกัดจากธรรมชาติและผ่านการบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อเป็นการดึงความสนใจจากผู้บริโภค ที่ให้ความสำคัญด้านการรณรงค์รักษาสิ่งแวดล้อม
อยากขายครีมทำแบรนด์ วางแผนในช่วงเริ่มต้นอย่างไรดี?
สำหรับนักลงทุนที่อยากมีแบรนด์ครีมเป็นของตัวเองนั้น แต่ยังไม่รู้ว่าควรเริ่มต้นอย่างไรดี ก่อนอื่นขอแนะนำให้ทำการศึกษาเพื่อทำความเข้าใจในตลาดขายครีมที่ต้องการเข้าไปว่ายังมีแนวโน้มที่จะเติบโตอีกแค่ไหน มีขั้นตอนในการดำเนินการอย่างไร ต้องใช้เงินลงทุนมากน้อยเท่าไร เป็นต้น อย่างไรก็ตามเราจะช่วยแนะนำการทำครีมขาย การตลาดขายครีม เพื่อให้ประสบความสำเร็จจะมีขั้นตอนหลักดังต่อไปนี้
1. สำรวจตลาด วางแผนเพื่อวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย
ควรศึกษาสภาพเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และตลาดของธุรกิจขายครีม ควรทำความเข้าใจถึงแนวโน้มการเติบโตของตลาดขายครีมหลังจากที่ได้วิเคราะห์เรียบร้อยแล้ว ให้กำหนดลูกค้าเป้าหมาย คู่แข่ง ตั้งเป้ามูลค่ายอดขาย พร้อมคำนวณงบประมาณราคาต้นทุนที่ต้องเตรียมไว้ให้พร้อม
2. สร้าง Branding ให้มีความน่าสนใจ
ควรมีการวางแผนกลยุทธ์ทางด้านการตลาดและการโฆษณาเพื่อทำให้ธุรกิจขายครีมของตนเองเป็นที่รู้จักกันแพร่หลายพร้อมสร้างความแตกต่างจากผลิตภัณฑ์ของคู่แข่ง ส่วนใหญ่ครีมขายดีจะมีโลโก้ มีแนวคิดที่โดดเด่น จำง่าย ช่วยตอบโจทย์ปัญหาของลูกค้าได้ตรงจุด สร้างความน่าเชื่อถือจนกลายเป็นความภักดีในภายหลัง
3. มองหาช่องทางจัดจำหน่ายที่หลากหลาย
ธุรกิจต่าง ๆ แม้กระทั่งธุรกิจขายครีมต่าวก็ใช้รูปแบบต่าง ๆ ในการสื่อสารกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ด้วยการโฆษณาที่สามารถสื่อถึงภาพลักษณ์ของแบรนด์สินค้าให้เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง พร้อมอำนวยความสะดวกให้กลุ่มลูกค้าเข้าถึงผลิตภัณฑ์ได้อย่างรวดเร็ว ทันใจ
นอกจากการจัดจำหน่ายหน้าร้าน เคาน์เตอร์ ก็ยังมีอีกวิธีที่นิยมกันมาก คือช่องทางออนไลน์ การขายครีมออนไลน์ หรือสินค้าอื่น ๆ ได้รับความนิยมอย่างมากในยุคนี้ ด้วยการโปรโมทสินค้าผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น Facebook, Twitter, Instragram, Line official หรือ TikTok ภายใต้ Influencer ที่รู้จักกันดีในโลกออนไลน์ เป็นต้น
4. นำเสนอรูปแบบผลิตภัณฑ์ และวางแผนเกี่ยวกับการพัฒนาสูตร
เมื่อมีแนวคิดการสร้างแบรนด์และการตลาดเพื่อขายครีมเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อมาก็จะเป็นการเน้นเกี่ยวกับตัวผลิตภัณฑ์ว่าต้องการนำเสนอออกมาในรูปแบบใด ประเภทไหน มีสรรพคุณอะไรบ้างที่เหมาะสม และตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายลูกค้า แล้วจึงเลือกพัฒนาสูตรครีมพร้อมแพ็คเกจจิ้งที่ดึงดูด มีเอกลักษณ์ ก่อนทำการผลิตเพื่อวางตลาด
5. เลือกโรงงานผลิตครีมแบบครบวงจร
เพื่อเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่ผลิตภัณฑ์ครีมขายดี ควรเลือกโรงงานรับผลิตครีมที่มีบริการแบบครบวงจรที่น่าเชื่อถือ ได้รับการรับรองจากอย. และได้รับการรับรองจากมาตรฐานสากลทั้งตัวโรงงานและกระบวนการผลิตเพื่อเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับสินค้าที่ผ่านกระบวนการผลิตว่ามีคุณภาพดี ปลอดภัยต่อผู้บริโภค
ลงทุนทำธุรกิจขายครีมต้องเตรียมเงินทุนเท่าไร
การทำครีมขายนั้นไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณค่าใช้จ่ายที่สูงดังนั้นนักธุรกิจหน้าใหม่ที่อยากมีธุรกิจขายครีมเป็นของตัวเอง ดังนั้นคำถามที่ว่า “ทำครีมขายลงทุนเท่าไหร่” นั้นก็ขึ้นอยู่กับโรงงานรับผลิตครีมที่นักลงทุนเลือกใช้บริการ
หากเลือกใช้โรงงานรับผลิตครีมแบบครบวงจรที่มีประสบการณ์อย่างยาวนาน มีทีมผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางคอยให้คำปรึกษาคำแนะนำจนสามารถผลิตครีมที่มีคุณสมบัติที่ใช่ จนท้ายที่สุดได้ขายครีมให้แก่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายตามที่ตั้งใจไว้
ค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการทำครีมขาย จะผันแปรตามปัจจัยดังกล่าวต่อไปนี้
- จำนวนขั้นต่ำในการผลิตจะแตกต่างกันระหว่างการใช้สูตรมาตรฐานของทางโรงงาน และการพัฒนาสูตรใหม่เช่น ใช้สูตรมาตรฐานจะเริ่มต้นที่ 50,000 บาทสำหรับขั้นต่ำ 500 ชิ้น แต่การแกะสูตรใหม่จะตกประมาณ 100,000 บาทสำหรับขั้นต่ำ 10 กิโลกรัม เป็นต้น
- วัตถุดิบสารสกัดที่นำมาใช้เพื่อสร้างความต่างให้แก่ผลิตภัณฑ์
- ค่าบรรจุภัณฑ์ ฉลาก โลโก้ ที่ช่วยสร้างแบรนด์
- ค่าใช้จ่ายในการทำการตลาด เช่น โฆษณา ฯลฯ
- ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการต่าง ๆ เช่น จดทะเบียนอย.
เงินทุนที่ควรเตรียมไว้เพื่อที่จะได้ขายครีมตามเป้าหมายนั้นจะแตกต่างกันไปขึ้นกับโรงงานผลิตครีมที่นักลงทุนได้เลือกใช้ซึ่งในปัจจุบันนี้จะมีโรงงานผลิตครีมแบบครบวงจรที่ดี น่าเชื่อถือมากมาย และไม่จำเป็นต้องใช้วงเงินลงทุนที่สูง
Pure Derima ช่วยสร้างธุรกิจขายครีม มาตรฐานครบวงจร
สำหรับนักธุรกิจมือใหม่ที่อยากสร้างแบรนด์ธุรกิจขายครีมเป็นของตัวเองและบรรลุเป้าหมายทำกำไรด้วยนั้นควรเลือกคู่ค้าที่ดี มีประสบการณ์อย่างยาวนานในอุตสาหกรรมด้านความงามประเภทครีม มีทีมนักวิจัย ผู้เชี่ยวชาญครบทุกด้าน เช่น ผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ การตลาดและช่องทางการจัดจำหน่ายขายครีมมาคอยให้คำปรึกษา คำชี้แนะเมื่อประสบปัญหา
คู่พาร์ทเนอร์ที่กล่าวถึงนี้ควรเป็นโรงงานรับผลิตครีมที่มีบริการครบวงจร one-stop service ที่ได้รับการรับรองว่าผ่านมาตรฐานระดับสากลทั้งตัวโรงงาน เครื่องจักรทันสมัย และระบบการทำงาน เช่น GMP, ISO, HACCP, อย. เป็นต้น
ซึ่งทางเราขอแนะนำโรงงานรับผลิตครีมที่มีคุณสมบัติครบถ้วน เช่น โรงงาน PDL – Pure Derima Laboratories นักลงทุนที่ต้องการประสบผลสำเร็จในด้านขายครีม สามารถเลือกโรงงาน PDL เป็นคู่พาร์ทเนอร์พร้อมเริ่มต้นธุรกิจขายครีมออนไลน์ไปด้วยกัน หากสนใจสามารถเข้ารับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญได้ฟรีที่ Facebook: Pure Derima Laboratories, Line: @purederima, Instagram: Purederima หรือโทร: 02-285-4266, 061-656-1449