ฟิลเลอร์ใต้ตาบอกลาริ้วรอย ควรเลือกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอย่างไรให้ปลอดภัย
อาการใต้ตาคล้ำ มีถุงใต้ตา รวมไปถึงริ้วรอยต่าง ๆ คงเป็นปัญหากังวลใจสำหรับใครหลายคน รู้ไหมว่าปัญหาดังกล่าวสามารถแก้ไขได้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา หัตถการยอดนิยมสำหรับแก้ไขปัญหาผิวรอบดวงตา เสริมภาพรวมของใบหน้าให้ดูอ่อนเยาว์และสวยได้อย่างเป็นธรรมชาติ แต่ฟิลเลอร์ใต้ตาคืออะไร มีความปลอดภัยแค่ไหน ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาราคาเท่าไหร่ และควรเตรียมตัวอย่างไรก่อนฉีด เรารวบรวมข้อมูลควรรู้มาแล้วที่นี่
ฟิลเลอร์ใต้ตาคืออะไร มาทำความรู้จัก
ฟิลเลอร์ใต้ตาคือการเติมสารไฮยาลูโรนิกแอซิด (Hyaluronic Acid) หรือ HA ซึ่งเป็นสารที่มีโครงสร้างเลียนแบบมาจากสารในเซลล์ผิวตามธรรมชาติสำหรับแก้ปัญหาผิว เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มเนื้อเยื่อสร้างคอลลาเจนแก่ชั้นผิวป้องกันการหย่อนคล้อย ให้ผิวเรียบเนียน รวมไปถึงการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่เข้ามาช่วยแก้ปัญหาบริเวณรอบดวงตา อย่างเช่นใต้ตาคล้ำ เบ้าตาลึก ใบหน้าดูโทรม มีริ้วรอยแก่ก่อนวัย ให้เต็มและอิ่มฟูดูสดใสอย่างเป็นธรรมชาติ
ฟิลเลอร์ใต้ตาราคาเริ่มต้นหมื่นกลาง ๆ ต่อ cc โดยการทำงานของฟิลเลอร์จะเข้ามาช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นแก่ผิวบริเวณที่ฉีดให้ไม่แห้งกร้าน ช่วยกักเก็บน้ำในผิวและลดการเกิดรอยเหี่ยวย่นซึ่งเห็นผลได้ชัดเจนทันทีหลังฉีด อีกทั้งตัวฟิลเลอร์ใต้ตาที่ได้มาตรฐานสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่ทิ้งสารตกค้าง เรียกได้ว่ามีความปลอดภัยสูง และไม่เป็นอันตรายภายใต้การดูแลจากแพทย์ผู้ทำหัตถการที่ชำนาญเฉพาะทาง
ทำไมเราถึงควรฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา?
สำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวบริเวณรอบดวงตาไม่ว่าจะด้วยอายุที่มากขึ้น จากพันธุกรรม หรือการพักผ่อนไม่เพียงพอซึ่งส่งผลให้ผิวรอบดวงตาคล้ำ เป็นรอยดำ รวมไปถึงผิวหย่อนคล้อย การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะช่วยแก้ไขปัญหาภาพรวมรอบดวงตาได้อย่างปลอดภัย เป็นธรรมชาติและมีประสิทธิภาพ เห็นผลได้ทันทีหลังทำหัตถการ อีกทั้งมีผลอยู่ได้ยาวนานมากถึง 1-2 ปี
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยใต้ตา ผิวเป็นแอ่งจากการลดลงของคอลลาเจนในผิวตามอายุที่เพิ่มขึ้น ให้ริ้วรอยดูจางลง ผิวเรียบเนียนดูสดใสอย่างเป็นธรรมชาติ รวมไปถึงปัญหาที่เกิดขึ้นได้ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงวัยไหนอย่างถุงใต้ตาอันเป็นผลจากไขมันบริเวณเบ้าตาหย่อนคล้อยซึ่งเกิดขึ้นได้จากกรรมพันธุ์ การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะช่วยดันไขมันส่วนที่ตกลงมาให้ไม่หย่อนคล้อย ดูเรียบเนียนมากขึ้น
ปัญหาที่เกิดขึ้นได้ทั้งจากพันธุกรรมหรือร่างกายขาดสารอาหารอย่างธาตุเหล็ก วิตามินเค วิตามินซี คือปัญหาร่องใต้ตาลึกซึ่งมองเห็นได้ชัดเจน การฉีดfillerใต้ตาจะช่วยเติมเต็มผิวบริเวณดังกล่าวให้อิ่มฟู ดูสดใสอย่างเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้แล้วอีกปัญหาที่พบได้บ่อยอย่างปัญหาใต้ตาคล้ำซึ่งเป็นผลจากการพักผ่อนไม่เพียงพอความเครียด หรือผลจากอาการภูมิแพ้ทำให้ใบหน้าดูโทรม การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะช่วยลดการคล้ำของผิวใต้ตาและช่วยให้ภาพรวมของใบหน้าดูอ่อนเยาว์ สดใสมากยิ่งขึ้น
ใครบ้างที่ควรฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา?
- ฟิลเลอร์ใต้ตาเหมาะกับคนที่มีปัญหาส่งผลให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัยหรือดูเหนื่อยล้า อย่างปัญหาริ้วรอยบริเวณใต้ตา มีถุงใต้ตา ปัญหารอยคล้ำใต้ตา มีขอบตาดำ ลักษณะตาโหลหรือเบ้าตาลึก
- การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเหมาะอย่างมากสำหรับคนที่มีปัญหาใต้ตาลึกเนื่องจากอายุที่เพิ่มมากขึ้นทำให้เกิดการยุบตัว โดยจะเป็นในส่วนใกล้ร่องน้ำตา(Tear through) และบริเวณเบ้าตา(Hollow under eye)
- เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาใต้ตาดำคล้ำจากอาการภูมิแพ้หรือมีผิวรอบดวงตาเหี่ยวย่นจากการขยี้ตาบ่อย
- ฟิลเลอร์ใต้ตาเหมาะกับผู้ที่มีความกังวลและกลัวการเกิดแผลเป็นหากรักษาปัญหารอบดวงตาด้วยวิธีผ่าตัด
- ผู้ที่มีกระดูกช่วงเบ้าตาเจริญเติบโตผิดปกติหรือมีปัญหาใต้ตาโดยมีสาเหตุจากพันธุกรรมแม้มีอายุน้อย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแพทย์ผู้ดูแลด้วย
- การฉีดใต้ตาเหมาะกับคนที่ไม่มีเวลาพักฟื้นหากต้องรักษาด้วยวิธีอื่นและต้องการเห็นผลเร็วทันที
- เหมาะกับผู้ที่ไม่มีปัญหาผิวหนังอักเสบ เป็นโรคผิวหนัง เลือกหยุดยากและแพ้สารไฮยาลูรอนิค แอซิดู
การเตรียมตัวก่อนไปฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
- ก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาควรงดการทำเลเซอร์รวมถึงนวดหน้าเป็นเวลาอย่างน้อย 3 วัน
- ควรงดการใช้ยาที่มีผลทำให้เกิดการผลัดเซลล์ผิวบริเวณใต้ตา
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 1-3 วันก่อนฉีด
- งดทานยากลุ่ม แอสไพริน, NSAIDs งดอาหารเสริมที่มีส่วนผสมของ ใบแปะก๊วย, ขิง, สารสกัดจากโสม, กระเทียม, น้ำมันปลา, น้ำมันอิฟนิ่งพริมโรส และวิตามิน เช่น วิตามิน St. Johns Wort, วิตามิน E ก่อนโบท็อกใต้ตา 2 สัปดาห์
- งดการออกกำลังกายหนัก ๆ ตลอดจนอบซาวน่าอย่างน้อย 1 วัน
- หากมียาที่ทานเป็นประจำหรือมีโรคประจำตัวควรแจ้งแพทย์ที่ดูแลก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาทุกครั้ง
ควรดูแลตนเองอย่างไรบ้างหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา?
- ทานยาต่าง ๆ ตามที่แพทย์ผู้ดูแลแนะนำและปฏิบัติข้อห้ามหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอย่างเคร่งครัด
- ควรดื่มน้ำให้มากหลังทำการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาในช่วง 24 ชั่วโมงแรก
- หลีกเลี่ยงการทำเลเซอร์และนวดหน้าบริเวณที่ฉีดfillerใต้ตาเป็นเวลา 2 สัปดาห์ ตลอดจนการทำหัตถการที่ใช้ความร้อนกับผิวชั้นลึกอย่างน้อย 1 เดือน
- งดดื่มแอลกอฮอล์ รวมไปถึงการรับประทานอาหารทะเลและของแสลงอย่างอาหารหมักดอง
- ไม่ควรออกแรงกดหรือนวดคลำบริเวณที่ทำการฉีด การนอนคว่ำหน้าและใส่แว่นตาเพื่อป้องกันการกดทับและลดการเกิดอาการบวมช้ำ
- ในช่วง 2 สัปดาห์หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องสัมผัสความร้อนจัดอย่างเช่น ล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น, การทานอาหารหน้าเตาร้อน, ตากแดด, อบซาวน่า และเว้นการออกกำลังกายหนัก
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังจากฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
- รอยช้ำจากเข็มฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาโดยจะค่อย ๆ หายในเวลา 2-3 วัน
- อาการปวดระบมเล็กน้อยในช่วงสัปดาห์แรกหลังทำการฉีด
- อาการบวมแดงซึ่งสามารถหายเองได้ภายใน 2 สัปดาห์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
นอกจากข้อควรรู้ข้างต้นไม่ว่าจะเป็นฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเหมาะกับใคร วิธีการเตรียมตัวและการดูแลหลังฉีดfillerใต้ตาควรทำอย่างไรรวมไปถึงอาการข้างเคียงต่าง ๆ เรายังมีคำถามพบบ่อยเกี่ยวกับการเติมฟิลเลอร์ใต้ตาที่น่าสนใจมาฝาก
ทำอย่างไรไม่ให้ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนหลังฉีด?
ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนเกิดจากอะไร? การใช้ฟิลเลอร์ปลอมไม่ได้มาตรฐาน เป็นฟิลเลอร์ประเภทที่ไม่สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ การเลือกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาผิดตำแหน่ง หรือเลือกใช้ฟิลเลอร์ในปริมาณที่ไม่เหมาะสมจะทำให้ใต้ตาจับตัวเป็นก้อนแข็ง ดูบวม ไม่เป็นทรง การเลือกปรึกษากับแพทย์ที่มีประสบการณ์พร้อมดูแลอย่างเชี่ยวชาญจะช่วยหลีกเลี่ยงปัญหาฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วเป็นก้อนได้
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ต้องใช้กี่ CC ?
ส่วนใหญ่แล้วจะใช้ปริมาณการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา 1cc - 2cc ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละเคสว่ามีปัญหามากน้อยแค่ไหน โดยจะเป็นการค่อย ๆ เติมให้ดูเป็นธรรมชาติ ไม่หลอกตา ซึ่งแพทย์ผู้ดูแลที่มีความชำนาญจะประเมินอาการและให้การดูแลอย่างปลอดภัย หลีกเลี่ยงผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาผิดปริมาณได้
สรุปเกี่ยวกับฟิลเลอร์ใต้ตา
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาช่วยแก้ไขปัญหาใต้ตาดำ ถุงใต้ตา รวมไปถึงริ้วรอยต่าง ๆ ให้ดีขึ้นได้ทันทีโดยไม่ต้องพักฟื้น แต่ผิวรอบดวงตาเป็นส่วนที่ต้องระมัดระวังดูแลเป็นพิเศษ เราจึงควรเลือกทำหัตถการกับคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือ ใช้ฟิลเลอร์แท้ รวมทั้งให้การรักษาเติมใต้ตาโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ตรงจุดมากที่สุด