ภัยพิบัติทางธรรมชาติส่งผลกระทบต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม
ภัยพิบัติทางธรรมชาติความหมาย สาเหตุเกิดภัยพิบัติ ภัยพิบัติทางธรรมชาติมีอะไรบ้าง ปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดภัยพิบัติ ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับมนุษย์และธรรมชาติ
ในปัจจุบันภัยพิบัติทางธรรมชาติ (Natural disaster) เกิดขึ้นบ่อยในหลายประเทศ หลายภูมิภาค แม้แต่ในประเทศไทย นับวันยิ่งทวีขึ้นเรื่อย ๆ เพิ่มระดับความรุนแรงมากยิ่งขึ้น การเกิดภัยพิบัติแต่ละครั้งได้ส่งผล
กระทบต่อผู้คนจํานวนมาก ทั้งการสูญเสียชีวิต สูญเสียทางวัตถุ ทรัพย์สิน ที่อยู่อาศัยถูกทําลายจนไม่สามารถอยู่ในพื้นที่เดิมได้ ต้องอพยพโยกย้ายไปในที่ใหม่ สภาพแวดล้อมเปลี่ยนไป ภัยพิบัติทางธรรมชาติ สร้างความเสียหายเป็นวงกว้างกระทบทั้งธรรมชาติและสิ่งมีชีวิต
บทความนี้นำเสนอสาระน่ารู้เกี่ยวกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ ในด้านลักษณะการเกิด ปัจจัยทำให้เกิด ภัยพิบัติเกิดจากธรรมชาติ รวมถึงเกิดจากฝีมือมนุษย์มีอะไรบ้าง รวมทั้งช่องทางการบริจาคและองค์กรช่วยเหลือผู้ประสบภัย
ภัยพิบัติทางธรรมชาติหมายถึงอะไร
ภัยพิบัติทางธรรมชาติหมายถึงเหตุการณ์ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันจากกระบวนทางธรรมชาติ ส่งผลให้เกิดความเสียหาย ทำลายล้าง มีผลกระทบอย่างกว้างขวาง รุนแรงต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งชีวิตและทรัพย์สิน เหตุการณ์เหล่านี้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากสภาพเดิมอย่างรุนแรง ยากจะคาดการณ์ได้
ภัยพิบัติทางธรรมชาติพบบ่อย ได้แก่ แผ่นดินไหว พายุเฮอร์ริเคน น้ำท่วม พายุทอร์นาโด ไฟป่า สึนามิ ภูเขาไฟระเบิด ความแห้งแล้ง แผ่นดินถล่ม หิมะถล่ม แต่ละเหตุการณ์นำไปสู่ความเสียหายรวมทั้งอันตรายต่าง ๆ
ลักษณะการเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ
จากคำถามว่า ภัยพิบัติธรรมชาติมีอะไรบ้าง ซึ่งในปัจจุบันสามารถแบ่งได้หลายประเภท ได้แก่
- ภูเขาไฟระเบิด เป็นการปะทุของหินหลอมเหลว เถ้า ก๊าซจากภูเขาไฟ ซึ่งอาจนำไปสู่การไหลของลาวาต่าง ๆ
- แผ่นดินไหว ซึ่งเกิดจากการสั่นหรือการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกอย่างฉับพลัน ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อโครงสร้างของโลก บางครั้งยังทำให้เกิดสึนามิภัยพิบัติในบริเวณชายฝั่งอีกด้วย
- สึนามิ การเกิดคลื่นทะเลขนาดใหญ่จากแผ่นดินไหวใต้ทะเลหรือการระเบิดของภูเขาไฟ
- เฮอร์ริเคน ไต้ฝุ่น พายุไซโคลน พายุโซนร้อนกำลังแรง ทำให้เกิดลมแรง ฝนตกหนัก คลื่นพายุซัดฝั่ง น้ำท่วมได้
- พายุทอร์นาโดเป็นการเกิดจากลมหมุนอย่างรุนแรง จากพายุฝนฟ้าคะนองรุนแรง เป็นภัยทางธรรมชาติ สร้างความเสียหายเฉพาะที่
- น้ำท่วม เป็นการเกิดจากฝนตกหนัก หิมะละลาย หรือคลื่นพายุ โดยเฉพาะเกิดน้ำท่วมฉับพลันเป็นอันตรายอย่างยิ่ง เพราะเป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติ ทำให้ทุกคนไม่ทันตั้งตัว ทำให้เกิดผลกระทบในวงกว้าง
- ดินถล่ม เกิดจากการเคลื่อนตัวของหิน ดิน เศษซากลงมาตามทางลาด มักเกิดจากฝนตกหนัก แผ่นดินไหว หรือภูเขาไฟ
- หิมะถล่ม เกิดจากการเคลื่อนตัวลงเนินอย่างรวดเร็วของหิมะ น้ำแข็ง เศษซาก มักเกิดขึ้นในบริเวณที่เป็นภูเขา
- ไฟป่า เกิดในบริเวณสภาพอากาศแห้ง มีลมแรง โดยเฉพาะบริเวณป่าไม้ ส่งผลให้เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติคุกคามต่อการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ รวมทั้งระบบนิเวศ
- ความแห้งแล้ง หากปริมาณน้ำฝนต่ำผิดปกติเป็นเวลานาน จนทำให้เกิดขาดแคลนน้ำ ส่งผลให้พื้นที่ดังกล่าวเกิดความแห้งแล้ง พืชผลแห้งตาย ทำให้ระบบนิเวศไม่เป็นไปตามปกติ
ภัยพิบัติทางธรรมชาติเกิดจากปัจจัยใดบ้าง
ปัจจัยส่งผลให้เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ สามารถแยกได้เป็น 2 ปัจจัย ดังนี้ คือ
- เกิดจากกระบวนการทางธรรมชาติ
ภัยที่เกิดทางธรรมชาติเกิดจากกระบวนการทางธรรมชาติ ปัจจัยนี้เกิดจากสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาของโลก ส่งผลให้เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ ได้แก่
- การเคลื่อนที่ของเปลือกโลกใต้พื้นผิวโลก ทำให้เปลือกโลกเกิดเปลี่ยนแปลง เช่น เคลื่อนเข้าหากัน เคลื่อนตัวออก มีแนวโน้มจะเกิดแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด
- สภาพอากาศ ภัยพิบัติทางธรรมชาติหลายอย่างเกี่ยวข้องกับปรากฏการณ์ทางอุตุนิยมวิทยา เช่น เฮอร์ริเคน ทอร์นาโด ไซโคลน เกิดจากสภาพอากาศแปรปรวน รวมถึงน้ำทะเลอุ่น สภาพบรรยากาศส่งเสริมการก่อตัว เพิ่มทวีความรุนแรง
- การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในระยะยาว เช่น อุณหภูมิโลกสูงขึ้น รูปแบบตกตะกอนเปลี่ยนแปลงไป อาจทำให้เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติรุนแรงขึ้น
- ปรากฏการณ์ทางมหาสมุทร สึนามิสามารถกระตุ้นได้จากแผ่นดินไหวใต้ทะเล ภูเขาไฟระเบิด หรือแผ่นดินถล่ม ทำให้น้ำปริมาณมากในมหาสมุทรเข้ามาแทนที่ ก่อให้เกิดคลื่นขนาดใหญ่เกิดภัยพิบัติได้
- ฝนตกหนักหรือหิมะละลาย อาจทำให้เกิดน้ำท่วมได้ เมื่อเกินความสามารถในการรองรับของแม่น้ำ ทะเลสาบ หรือระบบระบายน้ำ น้ำท่วมฉับพลันสามารถเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
- ไฟป่ามักเกิดจากสภาวะแห้ง อุณหภูมิสูง ลมแรง พืชพรรณติดไฟได้ ฟ้าผ่า หรือการ
กระทำของมนุษย์สามารถทำให้เกิดไฟป่าได้เช่นกัน - ตัวกระตุ้นให้เกิดดินถล่ม หิมะถล่ม ปัจจัยต่าง ๆ เช่น ฝนตกหนัก หิมะละลายอย่างรวดเร็ว แผ่นดินไหว หรือระเบิดของภูเขาไฟ ทำให้พื้นที่ไม่มั่นคงเกิดแผ่นดินถล่มหรือหิมะถล่มได้
- ภัยแล้ง ปริมาณน้ำฝนต่ำ อุณหภูมิสูงเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดภัยแล้ง ซึ่งมีผลกระทบต่อทรัพยากรน้ำ เกษตรกรรม ระบบนิเวศ
- การปะทุของภูเขาไฟเกิดขึ้นเมื่อหินหลอมเหลว (แมกมา) ก๊าซหลุดออกมาจากใต้พื้นผิวโลก ความรุนแรง ผลกระทบของการปะทุขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ
- กระบวนทางธรณีวิทยา การกัดเซาะตามธรรมชาติ กระบวนตกตะกอน อาจทำให้เกิดภัยทางธรรมชาติ เช่น โคลนถล่มหรือการไหลของเศษซาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่เนินเขาหรือภูเขา
การทำความเข้าใจกระบวนการ รวมทั้งปัจจัยทางธรรมชาติเหล่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพยากรณ์ การเตรียมการ รับมือต่อภัยพิบัติทางธรรมชาติ เพราะจะช่วยให้สามารถพัฒนากลยุทธ์การบรรเทาการจัดการภัยพิบัติได้อย่างมีประสิทธิผล
- เกิดจากการกระทำของมนุษย์
ภัยพิบัติทางธรรมชาติเกิดจากการกระทำของมนุษย์ เป็นผลมาจากการกระทำต่าง ๆ ของมนุษย์ที่เปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ ก่อให้เกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติ ปัจจัยส่งผลให้เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติเกิดจากการกระทำของมนุษย์ ได้แก่
- การตัดไม้ทำลายป่าในพื้นที่ขนาดใหญ่เพื่อการเกษตร พัฒนาเมือง เพิ่มความเสี่ยงต่อภัยพิบัติทางธรรมชาติ ต้นไม้มีบทบาทสำคัญในการรักษาเสถียรภาพของดิน ควบคุมการไหลของน้ำ
- การขยายตัวเมืองอย่างรวดเร็ว โดยไม่มีการวางแผนที่เหมาะสม นำไปสู่การเกิดภัยพิบัติได้ เช่น น้ำท่วม คลื่นความร้อนเพิ่มมากขึ้น สร้างถนนหรืออาคาร ปิดทางระบายน้ำตามธรรมชาติ เพิ่มความเสี่ยงต่อเกิดน้ำท่วม
- การเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดินปรับภูมิทัศน์ทางธรรมชาติ เช่น การขุด สร้างเขื่อน ถมพื้นที่ชุ่มน้ำสามารถทำลายระบบนิเวศ เพิ่มความเสี่ยงต่อเกิดภัยทางธรรมชาติ
- แนวทางปฏิบัติเกษตรไม่ดี เช่นจัดการที่ดินไม่เหมาะสม ตัดไม้ทำลายป่าเพื่อการเกษตร นำไปสู่ดินพังทลาย ทำให้กลายเป็นทะเลทราย ความอุดมสมบูรณ์ของดินลดลง ส่งผลให้เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ
- มลพิษทางอุตสาหกรรม โรงงานอุตสาหกรรมปล่อยมลพิษออกสู่สิ่งแวดล้อม ปนเปื้อนในอากาศ น้ำ ดิน การรั่วไหลของสารเคมีนำไปสู่ภัยพิบัติด้านสิ่งแวดล้อม รวมถึงการปล่อยสารเคมีเป็นพิษ กปนเปื้อนในดินหรือน้ำ
- การจัดการเขื่อน อ่างเก็บน้ำไม่เหมาะสม อาจนำไปสู่เหตุการณ์ภัยพิบัติ เช่น เขื่อนแตก น้ำท่วมบริเวณท้ายน้ำ การพังทลายของเขื่อนขนาดใหญ่อาจส่งผลร้ายแรงต่อชุมชนท้ายน้ำ
- วิธีกำจัดของเสีย ฝังกลบมีการจัดการไม่ดี กำจัดของเสียอันตรายแบบไม่เหมาะสม ส่งผลให้เกิดสารปนเปื้อนของน้ำใต้ดิน มลพิษในดิน การปล่อยสารเคมีอันตรายออกสู่สิ่งแวดล้อม
- สูบน้ำบาดาลมากเกินไปเพื่อวัตถุประสงค์ทางเกษตร อุตสาหกรรม อาจทำให้แผ่นดินทรุดตัว เพิ่มความเสี่ยงต่อภัยทางธรรมชาติ
- วิธีปฏิบัติในการก่อสร้างไม่ปลอดภัย ใช้ที่ดินไม่เหมาะสมในพื้นที่เสี่ยงต่อแผ่นดินไหวอาจเพิ่มความเสี่ยงทำให้อาคารถล่มบาดเจ็บล้มตาย
ภัยพิบัติทางธรรมชาติเกิดจากมนุษย์ ควรเน้นย้ำถึงความสำคัญในการดูแลสิ่งแวดล้อมมีความรับผิดชอบร่วมกัน พัฒนาที่ยั่งยืน รวมถึงมาตรการบรรเทาผลกระทบ เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น
ภัยพิบัติทางธรรมชาติสร้างความเสียหายแก่อะไรได้บ้าง
ภัยทางธรรมชาติก่อให้เกิดความเสียหายได้หลากหลาย ขึ้นอยู่กับประเภท ความรุนแรงของภัยพิบัติ ส่งผลกระทบต่อมนุษย์ สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจในด้านต่าง ๆ ความเสียหายเกิดจากภัยพิบัติทางธรรมชาติมีดังต่อไปนี้
- การสูญเสียชีวิต ภัยพิบัติทางธรรมชาติส่งผลต่อความสูญเสียชีวิตมนุษย์อย่างน่าสลดใจ ภัยธรรมชาติ นำไปสู่บาดเจ็บล้มตาย ความรุนแรงของการสูญเสียขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความหนาแน่นของประชากรในพื้นที่ได้รับผลกระทบ รวมทั้งการเตรียมพร้อมของชุมชน
- การบาดเจ็บ ผู้รอดชีวิตจากภัยพิบัติทางธรรมชาติอาจได้รับบาดเจ็บทางร่างกายตั้งแต่เล็กน้อยไปถึงรุนแรง อาจถึงขั้นพิการ
- ความเสียหายต่อทรัพย์สิน ภัยธรรมชาติสร้างความเสียหายอย่างกว้างขวางต่อบ้าน อาคาร รวมทั้งโครงสร้างพื้นฐาน
- การพลัดถิ่น ผู้คนอาจถูกบังคับให้อพยพออกจากบ้านเรือน จากภัยพิบัติทางธรรมชาติ นำไปสู่การพลัดถิ่นชั่วคราวหรือระยะยาว
- ทำลายโครงสร้างพื้นฐาน สะพาน ถนน สายไฟ และอื่นๆ อาจได้รับความเสียหายหรือถูกทำลายอย่างรุนแรง ทำให้คมนาคมขนส่ง การสื่อสาร การเข้าถึงบริการจำเป็นทำได้ยาก
- ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ภัยพิบัติทางธรรมชาติมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมีนัยสำคัญ เช่น ไฟป่าทำลายป่าไม้ แหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า ในขณะน้ำท่วมนำไปสู่การพังทลายของดิน ปนเปื้อนของแหล่งน้ำ การรั่วไหลของน้ำมันจากโรงงานที่ได้รับความเสียหายระหว่างเกิดภัยพิบัติอาจเป็นอันตรายต่อระบบนิเวศทางทะเล
- ผลกระทบทางเศรษฐกิจจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ ทำให้ธุรกิจหยุดชะงักได้รับความเสียหายอย่างถาวร นำไปสู่การตกงาน กิจกรรมทางเศรษฐกิจลดลง ในการฟื้นฟูต้องใช้ปัจจัยหลายอย่างรวมถึงทรัพยากรทางการเงินจำนวนมาก
- ความเสียหายของพืชผลและปศุสัตว์ น้ำท่วม ภัยแล้ง พายุเฮอร์ริเคน ไฟป่า สร้างความเสียหายหรือทำลายพืชผลทางเกษตร ปศุสัตว์ นำไปสู่ภาวะขาดแคลนอาหาร สูญเสียทางเศรษฐกิจในภาคเกษตรกรรม
- ผลกระทบต่อสุขภาพกาย ภัยพิบัติทางธรรมชาตินำไปสู่ความท้าทายด้านสาธารณสุข รวมถึงการแพร่ระบาดของโรคต่าง ๆ การรักษาพยาบาลไม่เพียงพอ
- ผลกระทบทางสังคมและจิตวิทยา ภัยพิบัติทางธรรมชาติ มีผลกระทบทางสังคม จิตใจในระยะยาวต่อชุมชนได้รับผลกระทบ การบาดเจ็บ ความเศร้าโศก โรคความเครียดหลังเหตุการณ์สะเทือนใจ (PTSD) อาจส่งผลกระทบต่อผู้รอดชีวิต รวมถึงเจ้าหน้าที่กู้ภัย
- การสูญเสียทางวัฒนธรรม ภัยพิบัติสร้างความเสียหายหรือทำลายสถานที่สำคัญทางวัฒนธรรมประวัติศาสตร์ สิ่งประดิษฐ์ สถานที่ต่างๆ ทำให้มรดกทางวัฒนธรรมของชุมชนหายไป
- ความไม่มั่นคงด้านอาหาร น้ำ ภัยพิบัติทางธรรมชาติ เป็นอุปสรรคในการจัดหา แจกจ่ายอาหาร น้ำสะอาด นำไปสู่การขาดแคลนอาหาร น้ำ สำหรับประชากรที่ได้รับผลกระทบ
จากความเสียหายของภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกิดขึ้น ทำให้มีผู้ประสบภัยจำนวนมาก ซึ่งต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ดังนั้น UNHCR (สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ หรือ United Nations High Commissioner for Refugees) จึงเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการให้ความช่วยเหลือ โดยทุกคนสามารถมีส่วนร่วมได้ โดยผ่านการบริจาคเงินหรือสิ่งของบรรเทาทุกข์กับ UNHCR ในช่องทางต่าง ๆของโครงการ
โครงการ UNHCR เปิดรับบริจาคเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ
ภัยพิบัติทางธรรมชาติเป็นสิ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ก็จำเป็นต้องให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน โดยทุกคนสามารถให้ความช่วยเหลือได้ผ่านการบริจาคกับโครงการต่าง ๆ ของ UNHCR
ขั้นตอนการรับบริจาค
ทุกคนสามารถให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติผ่านโครงการของ UNHCR ได้จากช่องทางต่าง ๆ ทั้งการโอนเงินผ่านระบบ e-donation ที่สะดวก ง่าย รวดเร็ว และเข้าบัญชีธนาคาร ชื่อ UNHCR Special Account
ช่องการทางรับบริจาค
สำหรับช่องการทางรับบริจาค ทาง UNHCR รับบริจาค เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ โดยแบ่งเป็น 2 แบบ ได้แก่
- รายครั้ง เพื่อนำไปซื้อสิ่งของบรรเทาทุกข์
- รายเดือน เป็นการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง
โดยท่านสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติม หรือบริจาคผ่านทางเว็บไซต์ https://www.unhcr.org/th/ ได้เลย
ภัยพิบัติทางธรรมชาติกับคำถามที่พบบ่อย
การเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา จากหลาย ๆ ปัจจัย ทำให้หลายคนยังมีคำถามสงสัย เช่น
สัญญาณเตือนก่อนจะเกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติ มีอะไรบ้าง?
สัญญาณเตือนก่อนเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเภทของภัยพิบัติ ต่อไปนี้เป็นสัญญาณเตือนสำหรับภัยทางธรรมชาติพบได้บ่อย มีดังนี้
- พฤติกรรมผิดปกติของสัตว์ การอพยพของสัตว์จำนวนมากหรือฝูงสัตว์ล้มตายจำนวนมาก
- ลมกระโชกแรง ฝนตกหนัก แม่น้ำลำธารอาจล้นตลิ่ง ความแปรปรวนของทะเล หรือรูปแบบคลื่นผิดปกติ
- กลิ่นไหม้ กระแสลมร้อน ระดับความรุนแรงสัมผัสความร้อนมาตามสายลม หมอกควัน ฝุ่นละอองหรือขี้เถ้าลอยมาตามกระแสลม
- เสียงคำราม แผ่นดินสั่นไหว ดินถล่ม หิมะถล่ม ก๊าซ ควันพวยพุ่งเป็นปรากฏของแมกมา
โอกาสเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติมีมากน้อยแค่ไหน ?
โอกาสจะเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติมีมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับปัจจัย รวมถึงประเภทของภัยพิบัติทางธรรมชาติ อาจเกิดได้จากที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ รูปแบบทางประวัติศาสตร์ สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง รวมถึงระบบเตือนภัย ในบางพื้นที่มีแนวโน้มจะเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติบางประเภทมากกว่าพื้นที่อื่น ๆ และความน่าจะเป็นของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจได้รับอิทธิพลจากสภาพธรรมชาติและภูมิอากาศร่วมด้วย
ความรุนแรงของภัยพิบัติทางธรรมชาติ ประเภทไหนสร้างความเสียหายมากที่สุด ?
ความรุนแรงของภัยพิบัติทางธรรมชาติอาจแตกต่างกันอย่างมาก ประเภทของภัยพิบัติที่ทำให้เกิดความเสียหายมากที่สุดนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย รวมถึงเหตุการณ์เฉพาะ สถานที่ตั้ง ความเปราะบางของประชากรที่ได้รับผลกระทบ อย่างไรก็ตาม ภัยพิบัติทางธรรมชาติทุกประเภทมีแนวโน้มจะสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง ลุกลามเกิดความเสียหายได้มากทุกประเภท
สรุปภัยพิบัติทางธรรมชาติ
ภัยพิบัติทางธรรมชาติเป็นมหันตภัยร้ายแรงเกิดขึ้นเฉียบพลัน ทำลายล้างได้ในเวลารวดเร็วทั้งภัยพิบัติทางธรรมชาติหรือภัยพิบัติจากฝีมือมนุษย์ ดังนั้นเพื่อช่วยลดการสูญเสีย จำเป็นต้องมีระบบเตือนภัยล่วงหน้า มาตรการเตรียมความพร้อม ความสามารถของชุมชนในการรับรู้ต่อเหตุการณ์ภัยพิบัติอย่างมีประสิทธิผล ความพยายามในการบรรเทาผลกระทบ จะช่วยลดผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติและช่วยชีวิตผู้คนได้