6 เทคนิคการเลือกแอร์ให้คุ้มค่า ประหยัดไฟ ไม่เสียใจทีหลัง
เคล็ดลับง่ายๆ ช่วยคุณเลือกซื้อแอร์ได้ถูกใจและคุ้มค่า
ด้วยสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าวของเมืองไทย ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าแอร์หรือเครื่องปรับอากาศ เป็นไอเทมคลายร้อนชิ้นสำคัญที่ช่วยเติมเต็มความเย็นสดชื่นให้กับที่อยู่อาศัยได้เป็นอย่างดี แต่อย่างที่พอทราบกันว่าแอร์เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นใหญ่ที่มีอัตราการใช้ไฟฟ้าค่อนข้างสูง ดังนั้นก่อนตัดสินใจเลือกซื้อแอร์สักเครื่อง นอกจากจะคิดว่าควรเลือกแอร์ยี่ห้อไหนดีแล้ว การมีเทคนิคดี ๆ ในการเลือกแอร์ให้คุ้มค่ากับราคาจ่าย ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องนำมาพิจารณาร่วมด้วยเสมอ
วันนี้เราจึงมีเทคนิคการเลือกแอร์ให้คุ้มค่า ประหยัดไฟ ไม่เสียใจทีหลัง เพื่อให้คุณมีข้อมูลเพียงพอสำหรับการเลือกซื้อแอร์ได้ถูกใจและไม่เป็นภัยต่องบประมาณในกระเป๋า มาดูกันว่าคุณควรเลือกแอร์แบบไหนดีให้เหมาะกับที่อยู่อาศัยและคนในบ้าน
- เลือกขนาด BTU ให้เหมาะกับห้อง
ก่อนอื่นคุณต้องรู้ขนาดห้องให้ชัดเจน จะช่วยให้คุณตัดสินใจง่ายขึ้นว่าควรติดตั้งแอร์แบบไหน และเลือกแอร์กี่ BTU ถึงจะเหมาะสม เพราะหากเลือกแอร์ที่มีค่า BTU สูงเกินไปทำให้เปลืองค่าไฟโดยใช่เหตุ และหากเลือกค่า BTU ต่ำเกินไปอาจทำให้กระจายความเย็นไม่ทั่วถึง แอร์ทำงานหนัก แถมยังทำให้อายุการใช้งานสั้นลงอีกด้วย โดยวิธีเลือกแอร์ให้เหมาะกับขนาดห้อง หรือติดแอร์ห้องนอนกี่ BTU สามารถใช้สูตรคำนวณหา BTU ที่เหมาะสมได้คือ [กว้าง(เมตร) x ยาว(เมตร)] x ตัวแปร สำหรับตัวแปรในที่นี้ ได้แก่
- ห้องนอนปกติที่ไม่โดนแสงแดดโดยตรง = 750
- ห้องนอนปกติที่โดนแสงแดดโดยตรง = 800
- ห้องทำงานที่ไม่โดนแดด = 850
- ห้องทำงานที่โดนแดด = 900
- ร้านอาหาร ร้านค้า หรือสำนักงานที่ไม่โดนแดด = 950 – 1,000 (ขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่น ๆ เช่น การใช้ความร้อน)
- ร้านอาหาร ร้านค้า หรือสำนักงานที่โดนแดด = 1,000 – 1,200 (ขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่น ๆ เช่น การใช้ความร้อน)
- ห้องสัมมนา ห้องประชุม ร้านอาหารที่ใช้หม้อ เตา หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าทำความร้อนตลอดเวลา = 1,000 – 1,500
- เลือกประเภทให้เหมาะสมกับการใช้งาน
ปัจจุบันแอร์หรือเครื่องปรับอากาศมีให้เลือกใช้งาน 4 ประเภท โดยแต่ละประเภทมีขนาด รูปแบบ และฟังก์ชันการทำงานที่ต่างกัน เพื่อให้การใช้งานเป็นไปตามความต้องการ การเลือกประเภทของแอร์ให้เหมาะสมกับสถานที่จึงมีความสำคัญ และช่วยให้ค่าไฟไม่บานปลาย
- แอร์ติดผนัง เป็นเครื่องปรับอากาศที่ได้รับความนิยม เพราะมีรูปทรงที่สวย ทันสมัย ขนาดกะทัดรัดกำลังดี เหมาะสำหรับห้องที่มีพื้นที่จำกัด เช่น ห้องนอน ห้องรับแขก คอนโด หรือสำนักงานที่มีขนาดเล็ก
- แอร์แขวนใต้ฝ้า สามารถกระจายความเย็นได้เป็นอย่างดี และทนทานต่อการใช้งาน จึงเหมาะสำหรับการติดตั้งในห้องที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่และคนอยู่เยอะ เช่น ร้านอาหาร โรงงาน สำนักงานขนาดใหญ่ เป็นต้น
- แอร์แบบฝังเพดาน จะมีลักษณะเป็นแอร์เปลือย หลักการทำงานคือจะต่อท่อลมออกมายังจุดที่เจาะช่องลมเอาไว้ เหมาะสำหรับการติดตั้งในพื้นที่ที่เน้นในเรื่องความสวยงาม เพราะเมื่อติดตั้งแล้วจะมองไม่เห็นตัวเครื่อง แต่ราคาจะค่อนข้างสูงกว่าแอร์แบบอื่น
- แอร์แบบ 4 ทิศทาง เป็นเครื่องปรับขนาดใหญ่แบบฝังเพดาน กระจายแรงลมได้ครอบคลุมทั่วทั้งห้อง ใช้หลักการติดตั้งแบบ Built-in ติดไปกับห้อง ไม่เกะกะ เหมาะสำหรับการติดตั้งในสำนักงาน โรงแรม ร้านอาหาร และพื้นที่ที่เป็นห้องโถงขนาดใหญ่
- เลือกแอร์ประหยัดพลังงาน
ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 เป็นเครื่องหมายที่รับประกันเรื่องความประหยัดไฟได้ดี ซึ่งปัจจุบันทางการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้มีการออกฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 แบบใหม่ หรือที่เรียกกันว่าเบอร์ 5 ติดดาว โดยแบ่งเกณฑ์ประสิทธิภาพออกเป็น 4 ระดับ ได้แก่ เบอร์ 5 / เบอร์ 5 1 ดาว / เบอร์ 5 2 ดาว และเบอร์ 5 3 ดาว โดยจำนวนดาวที่มากขึ้นหมายถึงความประหยัดไฟเพิ่มมากขึ้นนั่นเอง นอกจากนี้แอร์ระบบอินเวอเตอร์ (Inverter) ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เนื่องจากแอร์ระบบดังกล่าวจะใช้เทคโนโลยีพิเศษ ที่ช่วยปรับเพิ่มหรือลดความเย็นได้ตามอุณหภูมิห้อง ทำงานเงียบ อุณหภูมิคงที่ ทั้งยังประหยัดพลังงานได้มากกว่าแอร์ธรรมดา
- เลือกแอร์จากฟีเจอร์เพิ่มเติม
ในอากาศมีทั้งฝุ่น แบคทีเรีย และไวรัสที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพในระยะยาว ดังนั้นอีกหนึ่งฟีเจอร์แอร์ที่ควรมี คือระบบฟอกอากาศ (Air Purifier) ฟีเจอร์สำคัญที่ช่วยดักจับสิ่งสกปรกต่าง ๆ ช่วยให้การส่งมอบอากาศภายในห้องสดชื่นและดีต่อสุขภาพ รวมไปถึงฟีเจอร์ Auto Cleaning ที่แอร์สามารถทำความสะอาดตัวเครื่องภายในได้แบบอัตโนมัติ เพื่อช่วยลดการสะสมของเชื้อและแบคทีเรียที่เป็นอันตราย
- เลือกแอร์จากดีไซน์ที่ชอบ
แอร์ไม่เพียงแต่จะเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับทำความเย็นเท่านั้น แต่ยังเป็นเฟอร์นิเจอร์ชิ้นสำคัญที่เพิ่มความเรียบหรูดูดีให้กับบ้านเรือน ดังนั้นเมื่อตัดสินใจเลือกซื้อแอร์ที่ประหยัดพลังงานได้แล้ว อย่าลืมนึกถึงดีไซน์ที่ชอบด้วยเสมอ เพื่อให้ได้แอร์ที่สวยถูกใจและกลมกลืนไปกับบรรยากาศภายในบ้าน
- บริการหลังการขาย
นอกจากการเลือกซื้อแอร์ที่มีพนักงานให้บริการด้วยความรู้ความเข้าใจ และสามารถอธิบายหลักการทำงานของแอร์ได้เป็นอย่างดีแล้ว ที่สำคัญต้องตัดสินใจซื้อแอร์ที่มีการรับประกันและการบริการหลังการขายด้วยเสมอ เพราะทันทีที่แอร์ของคุณมีปัญหาจะช่วยให้คุณไม่ต้องเสียเงินซ้ำซ้อนและมีช่างมืออาชีพเข้าซ่อมแซมแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็วทันใจ
ทั้งหมดนี้เป็นเทคนิคที่ช่วยให้คุณตัดสินใจซื้อแอร์ได้ง่ายขึ้น เมื่อรู้เทคนิคการเลือกแอร์ให้คุ้มค่าไปแล้ว อย่าลืมมองหาแอร์ยี่ห้อที่น่าเชื่อถือ เพื่อช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับการใช้งาน งบประมาณไม่บานปลาย และช่วยให้คุณประหยัดค่าไฟฟ้าในทุก ๆ เดือน
อ้างอิง : https://www.lg.com/th/blog-list