ร้อยไหมจมูก อันตรายไหม? มีข้อดี-ข้อเสียอะไรบ้าง หากเปรียบเทียบกับการเสริมจมูกด้วยวิธีอื่น
คนที่อยากเสริมจมูกให้โด่งสวยรับกับใบหน้าด้วยการร้อยไหมจมูกหรือฉีดฟิลเลอร์ จะเป็นหัตถการที่แพทย์ไม่ได้แนะนำให้ทำ นอกเสียจากคนไข้อยากจะทำเอง เนื่องจากกลัวการผ่าตัดมากจึงไม่อยากจะผ่าตัดเสริมจมูก รวมถึงจมูกเดิมค่อนข้างโด่งอยู่แล้ว แต่อยากจะร้อยไหมปลายจมูกหรือสันจมูกให้คมขึ้นอีกเล็กน้อย และมีความเป็นธรรมชาติมากครับ
(เคสตัวอย่างรีวิวร้อยไหมจมูก 10 เส้น)
ส่วนการผ่าตัดเสริมจมูกจะให้ผลลัพธ์ที่อยู่ได้นานกว่า มีอันตรายน้อยกว่า ราคาไม่แพงหากเทียบกับระยะเวลาที่คงอยู่ได้
1. ผ่าตัดเสริมจมูก : ข้อดี VS ข้อเสีย
ข้อดี ของการผ่าตัดเสริมจมูก
- หากทำด้วยเทคนิคที่ถูกต้องจะได้เป็นทรงสวยอย่างที่คนไข้ต้องการ รวมทั้งมีความปลอดภัยสูง
- ผลลัพธ์อยู่ได้ยาวนาน
ข้อเสีย ของการผ่าตัดเสริมจมูก
- คนไข้ต้องเผื่อเวลาสำหรับการพักฟื้นหลังผ่าตัด 2-4 สัปดาห์ เพราะอาจเกิดการบวมช้ำ
- ถ้าไม่ชอบผลลัพธ์จะต้องทำการผ่าตัดแก้ไขเท่านั้น และการผ่าตัดแก้ไขหลาย ๆ ครั้งจะมีโอกาสบวมช้ำมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย
- มีหลายคลินิกที่ผ่าตัดเสริมจมูกโดยใช้ซิลิโคนสำเร็จรูป ที่ไม่ได้รับกับฐานจมูกเดิมของคนไข้ (ซึ่งสังเกตได้จากแท่งซิลิโคนที่เสริมจะเคลื่อนที่ได้และไม่ยึดเกาะแน่นกับฐานจมูก) เมื่อเวลาผ่านไปอาจเกิดการเคลื่อนและซิลิโคนทะลุได้ในภายหลัง จำเป็นต้องรีบผ่าตัดแก้ไขโดยด่วน
2. ฉีดฟิลเลอร์จมูก : ข้อดี VS ข้อเสีย
ดังรูป ใช้ฟิลเลอร์ปริมาตร 1 cc (ในคนไข้ที่มีฐานเดิมอยู่บ้างแล้ว จะสามารถใช้การฉีดฟิลเลอร์เสริมจมูกได้ครับ)
ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์จมูก
- เหมาะกับคนที่กลัวการผ่าตัด รวมถึงคนที่ไม่มีเวลาสำหรับการพักฟื้น
- เหมาะกับคนที่มีฐานจมูกเดิมอยู่แล้วในระดับปานกลาง แต่หากเป็นคนที่ไม่มีฐานจมูกเลย ควรจะใช้วิธีผ่าตัดเสริมจมูก เพราะถ้าฉีดฟิลเลอร์จะไม่สวย เนื่องจากฟิลเลอร์ไม่สามารถตั้งเป็นสันคมได้สูงเท่ากับแท่งซิลิโคน
- มีความยืดหยุ่นกับความต้องการของคนไข้ เช่น สามารถฉีดสลายบางส่วนได้ และสามารถฉีดเพิ่มเติมได้ ถ้าคนไข้อยากจะปรับแก้ให้โด่งน้อยลงหรือโด่งมากขึ้นหลังจากฉีดฟิลเลอร์จมูกเสร็จไปแล้ว
ข้อเสียของการฉีดฟิลเลอร์จมูก
- ถ้าฉีดโดยคุณหมอที่ไม่ชำนาญ จะมีความเสี่ยงสูงที่ฟิลเลอร์จะเข้าเส้นเลือดและเข้าตาได้
- แม้ว่าจะฉีดด้วยฟิลเลอร์แท้ แต่ถ้าใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่มีความคงตัว ทรงที่ปั้นออกมาจะไม่สวย อาจจะบานออกไปทางด้านข้าง แนะนำว่าควรใช้ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Restylane รุ่น Perlane Lyft เท่านั้น ซึ่งเหมาะสมกับการฉีดเพื่อเสริมจมูกมากที่สุด
3. ร้อยไหมจมูก : ข้อดี VS ข้อเสีย
ตามรูปตัวอย่างคือ ปริมาตรของไหม 10 เส้นที่นำมาวางเรียงกัน จะได้ทรงจมูกที่เป็นสันคม คล้ายการผ่าตัดเสริมจมูก (ร้อยไหมจมูกด้วย PCL ก้างปลาเส้นใหญ่ จะอยู่ได้นานถึง 1-2 ปี)
ข้อดี ของการร้อยไหมจมูก
- เหมาะกับผู้ที่ไม่อยากผ่าตัดเสริมจมูก เพราะไม่มีเวลาพักฟื้น หรือกลัวการผ่าตัดมาก
- หลังร้อยไหมจมูกจะไม่เกิดอาการช้ำบวม
- ผลที่ได้จากการร้อยไหมจะเห็นได้ชัดว่าขึ้นเป็นสันคมชัดมากกว่าการฉีดฟิลเลอร์จมูก
- เหมาะกับผู้ที่ต้องการยกแค่ปลายจมูกขึ้นแต่มีสันจมูกสวยอยู่แล้วเป็นทุนเดิม โดยใช้เทคนิควิธีร้อยไหมจมูกแบบพิเศษ
- ไม่มีความเสี่ยงในเรื่องการเข้าเส้นเลือด จึงปลอดภัยกว่าการฉีดฟิลเลอร์จมูก
- หากใช้ไหมละลาย pcl+plla รุ่นล่าสุดสำหรับร้อยจมูก จะสามารถอยู่ได้นาน 1 ปีครึ่ง - 2 ปี รวมทั้งสามารถกระตุ้นให้ร่างกายของเราสร้างเนื้อเยื่อจมูกขึ้นมาเองได้
- เหมาะกับคนที่มีฐานจมูกเดิมอยู่บ้างแล้วแต่ไม่อยากผ่าตัดเสริมจมูก เพราะหากมีฐานอยู่แล้ว ถ้าใช้วิธีการผ่าตัดเสริมจมูกด้วยแท่งซิลิโคน จะทำให้จมูกโด่งเกินไปจนขาดความเป็นธรรมชาติ
ข้อเสีย ของการร้อยไหมจมูก
- หากเป็นคนที่ฐานจมูกเดิมมีน้อยหรือไม่มีฐานจมูกเลย แนะนำให้ใช้วิธีผ่าตัดเสริมจมูกจะดีกว่า เนื่องจากหากเลือกการร้อยไหมจมูก เส้นไหมไม่สามารถร้อยจมูกในปริมาณมาก ๆ ได้ เพราะจะทำให้ elastin ซ้อนทับกันหลายชั้นมากเกินไปจนเกิดเป็นพังผืดไปดึงรั้งจมูกได้ในอนาคต
- สำหรับไหมเส้นเล็กไม่ควรร้อยเกิน 60 เส้น สำหรับไหมเส้นใหญ่ไม่ควรร้อยเกิน 16 เส้น
- แม้จะใช้ไหมละลายในการร้อยไหมจมูก แต่ก็ต้องใช้เวลาในการรอให้ไหมละลาย ไม่มียาฉีดสลายได้เหมือนกับวิธีการฉีดฟิลเลอร์ การร้อยไหมจมูกจึงควรใช้จำนวนเส้นน้อย ๆ ไว้ก่อนเสมอ เมื่อครบเวลา 1 เดือนและดูผลแล้วหากอยากจะให้จมูกโด่งมากขึ้นจึงค่อยร้อยเพิ่มเติม
- กรณีที่ร้อยไหมมากเกินไป หากคนใช้ไม่ชอบจมูกโด่งเกินไป ต้องรอเวลาให้ไหมละลายหมดไปเอง หากจะแก้ไขด้วยการทำ hifu, rf อาจช่วยให้ไหมละลายได้เร็วขึ้นบ้าง หากแต่มีความยุ่งยากครับในการแก้ไขจมูกที่ได้จากการร้อยไหม
รีวิว ร้อยไหมจมูก 10 เส้น (ภาพหลังทำทันที) เน้นดีดปลายจมูก
ร้อยไหมจมูก ราคาเท่าไร? ควรเลือกใช้ไหมชนิดไหนดี
การแบ่งชนิดของไหม จะแบ่งตามวัสุที่ใช้ในการผลิตเส้นไหม รวมไปถึงขนาดของเส้นไหม ซึ่งมี 4 ชนิดหลัก ๆ ดังนี้
1.) ไหม pdo เรียบเส้นเล็ก (ดังรูปที่ 1 และรูปที่ 2)
มีลักษณะเป็นเข็มคม เมื่อนำไปร้อยอาจเกิดอาการบวมช้ำได้มาก ผลลัพธ์อยู่ได้เพียง 5-6 เดือนซึ่งไม่นานนัก หากใช้จำนวน 60-90 เส้นในการร้อยไหมจมูก ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 10,000 - 20,000 บาท ซึ่งเป็นราคาในอดีตเนื่องจาก ไหมชนิดนี้นิยมใช้ในยุคแรก ๆ ที่ยังไม่มีไหมที่ใช้ในการร้อยจมูกโดยเฉพาะผลิตออกมา แต่ในยุคปัจจุบันจะไม่ค่อยนิยมใช้ไหมชนิดนี้ในการร้อยกันแล้ว
2.) ไหม pdo เส้นใหญ่ (ดังรูปที่ 3)
ให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน นิยมใช้ในการยกปลายจมูกด้วยเทคนิคพิเศษ ราคา 4-6 เส้น 10,000-20,000 บาท เนื่องจากเป็นวัสดุ pdo ผลลัพธ์จึงอยู่ได้เพียง 5-6 เดือน ซึ่งไม่ตรงกับคำโฆษณาว่าอยู่ได้นาน 1-2 ปี ส่งผลให้ความนิยมใช้ไหมชนิดนี้ลดลงไปเรื่อย ๆ
3.) ไหม plla เส้นเล็ก (ดังรูปที่ 4 และรูปที่ 5)
ตัวเส้นไหมเองก็อยู่ได้นานถึง 12-18 เดือน ราคา 30-60 เส้น 10,000-20,000 บาท ซึ่ง plla เป็นวัสดุที่กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้มากที่สุด จึงให้ผลลัพธ์ที่ดี
4.) ไหม pcl+plla เส้นใหญ่ (ดังรูปที่ 6)
ร้อยไหมจมูก ราคา 16 เส้น 23,000 บาท, 10 เส้น 15,000 บาท, 6 เส้น 9,900 บาท มีลักษณะเป็นเข็มทู่ สามารถร้อยด้วยวิธีร้อยไหมจมูกวิธีพิเศษเพื่อยกปลายจมูกได้ โดยไม่ทำให้เกิดการบวมช้ำ เป็นรุ่นที่ได้รับการพัฒนาล่าสุด อยู่ได้นานถึง 18 เดือน - 2 ปี ช่วยกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อจมูกได้มากที่สุด
ร้อยไหมจมูก ดีไหม?
รูปตัวอย่าง : ความหนาของเส้นไหม pcl 10 เส้น ที่นำมาร้อยเป็นทรงจมูก
ควรพิจารณาถึงความต้องการของตัวคนไข้เองเป็นหลักครับ กล่าวคือ
- หากอยากได้จมูกที่โด่งมาก และอยู่ได้นาน ควรเลือกวิธีการผ่าตัดเสริมจมูกจะคุ้มค่ากว่า
- หากมีฐานจมูกเดิมอยู่แล้ว แค่อยากให้สันจมูกคมหรือยกปลายจมูกขึ้น และกลัวการผ่าตัด ก็สามารถร้อยไหมจมูกได้
ร้อยไหมจมูก ราคาโปรโมชั่น
- ร้อยไหมจมูก PCL เส้นหนา (อยู่ได้นานประมาณ 2 ปี)
- ไหมจมูก 6 เส้น ราคา 9,900 บาท
- ไหมจมูก 10 เส้น ราคา 15,000 บาท
( รีวิว #ฟิลเลอร์ใต้ตา #ร้อยไหมก้างปลา #ร้อยไหมจมูก By หมอแพน V Square Clinic )
สรุป ข้อดี-ข้อเสียของการเสริมจมูกแต่ละวิธี
- วิธีเสริมจมูกด้วยการผ่าตัด : เหมาะกับคนที่มีเวลาพักฟื้นมากพอ คือประมาณ 2-4 สัปดาห์หลังผ่าตัดเสร็จแล้ว มีความปลอดภัยและเป็นวิธีที่ดีที่สุด คุณหมอต้องเหลาแท่งซิลิโคนให้รับกับฐานกระดูก จึงจะได้ผลที่สวยงามเป็นธรรมชาติ
- การฉีดฟิลเลอร์จมูก : เหมาะกับผู้ที่กลัวการผ่าตัดมาก และมีฐานจมูกเดิมอยู่บ้างแล้ว แต่เพื่อความปลอดภัยต้องเลือกคุณหมอที่มีความเชี่ยวชาญเท่านั้น และเลือกใช้ยี่ห้อของฟิลเลอร์ คือ Restylane perlane
- การร้อยไหมจมูก : จะเหมาะสำหรับผู้ที่กลัวการผ่าตัด และไม่มีเวลาสำหรับการพักฟื้นจากอาการช้ำบวมหลังผ่าตัด การร้อยไหมจมูกด้วยเทคนิคที่เน้นดีดปลายจมูกจะได้ผลลัพธ์ที่โด่งกว่าการฉีดฟิลเลอร์, ได้สันจมูกที่คมชัดกว่า และปลอดภัยกว่า filler จมูกด้วย
รีวิว ร้อยไหมจมูก เคสต่าง ๆ ของคนไข้ที่ผ่านมา
(เคสตัวอย่างรีวิวร้อยไหมปลายจมูก 10 เส้น)
(เคสตัวอย่างรีวิวร้อยไหมจมูก 10 เส้น)
(เคสตัวอย่างรีวิวร้อยไหมปลายจมูก 10 เส้น )
คนไข้ที่ชอบความเป็นธรรมชาติ ไม่อยากเข้ารับการผ่าตัด และไม่มีเวลาพักฟื้น จะเหมาะกับวิธีร้อยไหมจมูก รวมไปถึงผู้ที่มีฐานจมูกเดิมอยู่บ้างแล้วแค่ต้องการความคมชัดของสันจมูก โดยใช้การร้อยไหมปลายจมูกด้วยเทคนิคพิเศษครับ