หน้าสด ก็ใสได้ ด้วยเมโสหน้าใส
เมโสหน้าใส
เรื่องของความสวยความงาม เป็นเรื่องไม่เข้าใครออกใคร และแน่นอนว่า สำหรับหลายคน การแต่งหน้าให้สวย และดูเด็กอาจจะไม่เพียงพออีกต่อไป แต่การที่หน้าสวย แม้ไม่ได้แต่งหน้าต่างหาก ที่เป็นเรื่องที่กำลังได้รับความนิยม จากสาวๆ ในปัจจุบัน และการจะมีผิวสุขภาพดีนั้น ไม่ใช่เรื่องที่ง่าย แต่ก็ไม่ได้ยากเสมอไป เพียงแต่คุณอาจจะต้องใช้ตัวช่วยในกรณีเร่งด่วน อย่างการทำ เมโสหน้าใส ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
เมโส คืออะไร?
เมโส หรือ Meso Terapy เป็นอีกหนึ่งเทคนิค เพื่อความงาม ที่ได้รับความนิยม มาตั้งแต่โบราณ โดยหลักการของการทำเมโส ก็คือ การนำเอาเข็มเล็ก ๆที่มีขนาดเท่ากับเส้นผมของเรา มาจิ้มไปตามผิวหนัง เพื่อนำเอาวิตามิน หรือสารอาหารเข้าสู่ชั้นใต้ผิวหนัง โดยหวังผลที่แตกต่างออกไป
ไม่ว่าจะเป็นการทำเมโส เพื่อความงาม หรือที่นิยมเรียกกันว่า เมโสหน้าใส นอกจากนี้แล้ว การ Meso Terapy ยังถูกนำมาใช้ เพื่อการอื่นด้วย เช่น การปลูกผม หรือการลดไขมันส่วนเกินในอวัยวะต่างๆ หรือที่เป็นที่นิยม กันในนามของ Meso Fat นั่นเอง
ซึ่งกระบวนการของการทำเมโส ก็อย่างที่เรารู้กันดี ก็คือ ใช้เข็มเป็นตัวนำเอาสารอาหาร เข้าไปยังชั้นผิวหนัง ส่วนกลาง ซึ่งแน่นอนว่า หลายคนอาจจะกลัวเจ็บ แต่บอกเลยว่า ไม่เจ็บอย่างที่คิด
เพราะเข็มที่ใช้นอกจากจะมีขนาดเล็กแล้ว หากเป็นการทำโดยแพทย์ผิวหนังที่มีความชำนาญ ในด้านของการเสริมความงามโดยเฉพาะ จะไม่มีความรู้สึกอะไรเลย เพราะเข็มที่จิ้มเข้าไป เป็นเพียงการสะกิดผิวเบาๆ เท่านั้น หรือหากคุณกลัวเจ็บ ก็สามารถแจ้งพยาบาล ให้ทำการประคบเย็นก่อนที่จจะเริ่มทำเมโส ก็ได้เช่นเดียวกัน
ปัญหาผิว แบบไหนบ้าง ที่เหมาะกับการทำเมโสหน้าใส
สำหรับหลายคน ที่กำลังสนใจ การทำ เมโสหน้าใส อาจจะสงสัยว่า แล้วสภาพผิวแบบไหนบ้าง ที่ทำเมโส แล้วจะเห็นผล และระยะของการเห็นผลนั้น นานหรือไม่ เราได้หาคำตอบมาแล้ว ในหัวข้อนี้
ปัญหาริ้วรอย จุดด่างดำที่ผิว สำหรับคนที่มีปัญหา เรื่องริ้วรอย และจุดด่างดำจากผิว การทำเมโสนั้น จะช่วยให้ผิวของคุณคืนสภาพได้ในเวลาแค่ไม่กี่สัปดาห์ เนื่องจาก เป็นการนำเอาสารอาหาร เข้าไปในชั้นผิวโดยตรง ซึ่งแตกต่างจากการทาครีม หรือเซรั่มบำรุงผิว ที่อาจจะไม่ซึมเข้าสู่ผิวอย่างที่ควรจะเป็น
ผิวมัน รูขุมขนกว้าง สำหรับคนที่มีปัญหาผิวมัน แนะนำว่าให้ใช้คอลลาเจน ร่วมกับการทำเมโสหน้าใส เพราะว่าเมื่อฉีดคอลลาเจนเข้าไปในชั้นผิว จะช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื่นที่มากขึ้น และลดการสร้างไขมันที่มากเกินไป ทำให้รูขุมขน ที่เคยกว้าง จะค่อยๆ แคบลงไปเอง
ระยะเวลาที่จะเห็นผล จากการทำเมโสของแต่ละคนนั้น จะแตกต่างกันออกไป เนื่องจากสภาพผิวเดิม และตัวยาที่ใช้ แต่โดยส่วนใหญ่ มักจะเห็นผลภายใน 7-14 วัน และในช่วงแรก อาจจะต้องฉีดทุกๆ 3 วัน สำหรับในราย ที่ต้องการให้เห็นผลเร็ว แต่หากเป็นการดูแลผิวโดยทั่วไป การทำเมโสหน้าใส แค่สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว
การทำเมโส สามารถทำเองที่บ้านได้หรือไม่
หลายคนอาจจะเคยเห็น ว่ามีการขาย และสาธิตวิธีการทำเมโส โดยการใช้เข็มสะกิดที่ใบหน้า และบอกว่า สามารถทำเองได้ที่บ้านด้วยตนเอง ซึ่งบอกได้เลยว่า ค่อนข้างมีความเสี่ยงที่สูงมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของตัวยา ที่อาจจะไม่ได้มาตรฐาน หรือร้ายกว่านั้น ก็คือวิตามินปลอม ที่นำมาฉีดเข้าที่หน้า
และที่สำคัญ คือ การทำเมโสหน้าใส จำเป็นต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพราะว่า หากสะกิดตื้นไป ก็จะให้ผลที่ไม่ต่างจากการทาครีมบำรุงโดยทั่วไป แต่หากจิ้มเข็มลงลึกเกินไป ก็อาจจะก่อให้เกิดการบาดเจ็บ ที่กล้ามเนื้อ หรือเส้นประสาท ซึ่งอาจจะส่งผลให้หน้าเน่า ปากเบี้ยวได้เลยทีเดียว
ดังนั้น หากต้องการที่จะทำเมโสหน้าใส หรือดูแลผิวหน้าด้วยวิธีการทางการแพทย์ ควรปรึกษาคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือ และมีแพทย์ คอยให้คำแนะนำอย่าง V Square Clinic จะดีกว่า เพราะอย่างน้อยเรื่องของความงามบนใบหน้า ก็เป็นเรื่อที่เราไม่ควรจะเสี่ยง อย่าลืมว่าใบหน้าของคุณนั้น มีแค่หน้าเดียว และหากเกิดข้อผิดพลาด ก็ยากที่จะแก้ไขให้กลับมาเหมือนเดิมได้