ประกันรถยนต์แบบไหน เหมาะกับผู้หญิงอย่างคุณ
ผู้หญิงยุคใหม่พึ่งพาตัวเอง ทำได้ทุกอย่าง ขับรถเอง ซ่อมรถเอง เช็คสภาพรถเอง อาจจะไม่เก่งเท่ากับผู้ชาย แต่ก็ทำได้ และด้วยความรอบคอบและสุขุมของความเป็นหญิง ทำให้ผู้หญิงมีอัตราความเสี่ยงในการใช้รถต่ำกว่าผู้ชาย ซึ่งเห็นได้จากผลสำรวจปี 2555 -2559 โดยมูลนิธิไทยโรดส์ ภายใต้การสนับสนุนของสสส. พบว่าผู้หญิงเสียชีวิตเฉลี่ย 5.67% ในขณะที่ผู้ชายมีอัตราการเสียชีวิตสูงถึง 17.53% ต่อประชากร 100,000 คน แม้ผู้หญิงจะมีความเสี่ยงน้อยกว่า แต่ในยุคที่การใช้ชีวิตต้องแข่งกับเวลา อุบัติเหตุย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ คุณผู้หญิงควรรู้จักการโอนความเสี่ยงภัยจากการใช้รถ ด้วยการเลือกซื้อประกันภัยรถยนต์ที่เหมาะกับการใช้รถของคุณ ซึ่งล่าสุด บมจ. แอกซ่าประกันภัย โดย ผศ. ชญณา ศิริภิรมย์ ผู้อำนวยการสายงานการเงินและคณิตศาสตร์ประกันภัย ได้ให้ความเข้าใจเรื่องประกันภัยรถยนต์ ว่ามีความเหมือน ความต่าง หรือเหมาะกับการขับขี่ของคุณผู้หญิงอย่างไร
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 หรือเรียกเก๋ๆ คือ ประกันแบบเฟิร์สคลาส ที่ให้ความคุ้มครองครบถ้วน คุ้มค่ามากที่สุด ทั้งอุบัติเหตุจากการชนรถยนต์และการชนกับสิ่งอื่นๆ อาทิ สุนัขวิ่งตัดหน้ารถ เฉี่ยวฟุตบาท ชนกำแพง ชนเสาข้าง ที่จอดรถ ฯลฯ คุ้มครองกรณีรถยนต์สูญหาย หรือไฟไหม้ ตามทุนประกันที่เลือก มือใหม่ที่ยังไม่ชำนาญควรเลือกประกันชั้น 1 เพราะความไม่ชำนาญในการขับอาจเฉี่ยวชนสิ่งของข้างๆ ได้ง่าย
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+ เป็นประกันที่ได้รับความนิยมสูง เพราะเบี้ยประกันถูกกว่าประกันชั้น 1 เกือบเท่าตัว แต่ได้ความคุ้มครองแทบจะเท่ากับประกันชั้น 1 ไม่ว่าจะเป็นกรณีรถหาย ไฟไหม้ หรือขับรถไปชนรถผู้อื่น ครอบคลุมภัยธรรมชาติ อย่างรถโดนน้ำท่วม แต่จะไม่คุ้มครองกรณีขับรถชนสิ่งอื่นๆ เช่น รั้วบ้าน ต้นไม้ ฯลฯ และกรณีที่ขับไปชนรถคันอื่น แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าคู่กรณีเป็นใคร โดยประกันภัยชั้น 2+ จะเหมาะกับผู้หญิง ที่มีความชำนาญในการขับรถ ขับรถไปทำงานไม่ค่อยไกลมาก มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุน้อย
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3+ เหมาะสำหรับผู้หญิงที่มีความเชี่ยวชาญในการขับรถสูง แก้ปัญหาเฉพาะหน้าเมื่อเกิดอุบัติเหตุได้ดี ถือเป็นทางเลือกที่ช่วยประหยัดเบี้ยประกันภัย คุ้มครองความเสียหายของผู้ประกันภัยและคู่กรณีจากอุบัติเหตุที่ระบุคู่กรณีได้ แต่จะไม่ให้ความคุ้มครองกรณีรถหาย หรือไฟไหม้
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3 เบี้ยประกันภัยถูกที่สุด จ่ายเพียงหลักพันต้น ๆ ต่อปี แต่ความคุ้มครองก็น้อยที่สุด เพราะไม่ได้คุ้มครองรถของคนซื้อประกันแต่อย่างใด หรือพูดง่ายๆ ก็คือ ประกันนี้จะซ่อมให้แต่เฉพาะรถของคู่กรณีเท่านั้น
นอกจากจะเลือกความคุ้มครองที่ได้รับแล้ว เทคนิคปลีกย่อยที่เหนือกว่า อาทิ บริการช่วยเหลือฉุกเฉินทุกที่ทุกเวลา ตลอด 24 ชั่วโมง เครือข่ายอู่ซ่อม คุณภาพของการให้บริการ และชื่อเสียงของบริษัทฯ ก็เป็นสิ่งที่ต้องเช็ค ก่อนตัดสินใจ สอบถามเพิ่มเติมที่ AXA Call Center 0 2118 8111 หรือเว็บไซต์ www.axa.co.th