หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
รวมข่าว บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

รู้ทันปัญหาผิว สิวไขมัน Vs สิวอุดตัน ต่างกันยังไง

โพสท์โดย CuteCute

รู้ทันปัญหาผิว สิวไขมัน Vs สิวอุดตัน ต่างกันยังไง
หลายคนมักสับสนระหว่าง สิวไขมัน กับสิวอุดตัน เพราะทั้งสองอย่างดูเหมือนจะคล้ายกันมาก มีลักษณะเป็นตุ่มเล็ก ๆ บนผิวหน้า แถมยังเกิดจากการอุดตันเหมือนกันอีกต่างหาก


แต่ความจริงแล้ว สิวไขมัน กับสิวอุดตันมีความแตกต่างกันชัดเจน ทั้งเรื่องสาเหตุ วิธีการเกิด และแนวทางในการดูแลรักษา ถ้ารักษาแบบเดียวกันอาจไม่เวิร์ก แถมบางครั้งอาจทำให้สิวลุกลามหรืออักเสบหนักขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย


ดังนั้น ก่อนจะลงมือรักษา อย่าลืมเช็กให้แน่ใจว่าสิวที่เจอคือสิวแบบไหน โดยเฉพาะถ้าเป็น สิวไขมัน เพราะต้องใช้วิธีดูแลเฉพาะทางถึงจะได้ผลจริง ๆ

สิวไขมัน กับ สิวอุดตัน เหมือนกันมั้ย? เช็กก่อนสับสน
หลายคนอาจจะเคยเจอก้อนเล็ก ๆ ใต้ผิวหนัง แล้วสงสัยว่า “เอ๊ะ นี่มัน สิวอุดตัน หรือจริง ๆ แล้วคือ สิวไขมัน กันแน่นะ” เพราะทั้งสองแบบดูเผิน ๆ เหมือนกัน แต่ความจริงแล้วไม่เหมือนเลย

สิวไขมัน (Sebaceous Cyst) คืออะไร ?
สิวไขมัน เกิดจากการที่ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากเกินไป จนเกิดการสะสมเป็นถุงใต้ผิวหนัง มันไม่ใช่สิวธรรมดา ๆ แต่เป็นก้อนนูน ๆ ที่มีไขมันอยู่ข้างใน

ลักษณะของสิวไขมัน

  1. จะเห็นเป็นก้อนกลมนูน ใต้ผิวหนัง ขนาดค่อนข้างใหญ่ (มักเกิน 5 มม.)
  2. พื้นผิวเรียบ ไม่มีหัว ไม่มีหนอง และบีบไม่ออกง่าย
  3. เนื้อข้างในของ สิวไขมัน จะเป็นไขมันก้อนหรือของเหลวขาว ๆ คล้ายโยเกิร์ตหรือไขมันที่ข้น ๆ

ตำแหน่งที่มักเจอสิวไขมัน

  1. หลัง
  2. หน้าอก
  3. คอ
  4. หนังศีรษะ
  5. หลังใบหู

สิวอุดตันคืออะไร? เข้าใจไว้ ก่อนจะแยกจากสิวไขมัน
สิวอุดตัน คือปัญหาผิวยอดฮิตที่ใคร ๆ ก็เคยเจอ เกิดจากการที่รูขุมขนของเราถูกอุดตันด้วยน้ำมันส่วนเกิน เซลล์ผิวที่ตายแล้ว รวมถึงสิ่งสกปรกต่าง ๆ ที่สะสมอยู่บนผิวหน้า


ลักษณะของสิวอุดตันจะเป็นตุ่มเล็ก ๆ ที่มองเห็นหัวสิวได้ชัด ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 แบบหลัก ๆ คือ

  1. สิวหัวขาว - เกิดจากการอุดตันที่ยังปิดอยู่ใต้ผิวหนัง ดูคล้าย ๆ จุดสีขาวเล็ก ๆ
  2. สิวหัวดำ - เกิดจากรูขุมขนที่เปิดออก เมื่อเจออากาศก็เกิดออกซิเดชัน จนกลายเป็นสีดำ

จุดที่มักจะเจอสิวอุดตันบ่อย ๆ ก็คือบริเวณ หน้าผาก จมูก และคาง หรือที่เราเรียกกันว่า “โซนที” ซึ่งเป็นโซนที่ผลิตน้ำมันเยอะ
หลายคนอาจเข้าใจผิดคิดว่าเป็น สิวไขมัน เพราะลักษณะมันก็คล้ายกันอยู่ แต่จริง ๆ แล้ว สิวไขมัน มีสาเหตุและวิธีการดูแลต่างออกไป ถ้าแยกให้ถูกจะรักษาได้ถูกจุด และสิวจะหายไวกว่าเดิมเยอะเลย

ทำไมหลายคนสับสนว่า "สิวไขมัน" คือสิวอุดตัน?
เชื่อว่าหลายคนเคยเจอตุ่มนูน ๆ ใต้ผิว แล้วไม่แน่ใจว่าคือสิวอุดตันหรือ สิวไขมัน กันแน่ เพราะหน้าตาคล้ายกันสุด ๆ จนทำให้เกิดความเข้าใจผิด วันนี้เราจะมาไขข้อสงสัยกันว่าอะไรคือเหตุผลที่ทำให้คนแยกไม่ออก

1. สิวไขมัน กับสิวอุดตันดูคล้ายกันมาก
ทั้งสองแบบมักเป็นตุ่มใต้ผิว ไม่แดง ไม่เจ็บ และไม่เห็นหัวสิวชัด ๆ โดยเฉพาะช่วงแรกที่ก้อนยังเล็กอยู่ ก็ยิ่งดูไม่ออกว่าต่างกันยังไง
บางครั้ง สิวไขมัน มีอาการบวม หรือสิวอุดตันไม่มีหัวโผล่ ก็ยิ่งทำให้แยกไม่ออกว่าตกลงมันคืออะไรกันแน่

2. การใช้คำว่า "สิวไขมัน" ผิดความหมาย
หลายคนเรียกสิวที่เกิดจากความมันบนผิวว่า "สิวไขมัน" ทั้งที่จริง ๆ แล้ว สิวไขมัน คือถุงไขมันใต้ผิวหนัง ไม่ใช่สิวที่เกิดจากการอุดตันเหมือนสิวอุดตัน
ส่วนคำว่า “สิวหัวปิด” บางทีก็ถูกใช้แทนคำว่า สิวไขมัน ทั้งที่ความหมายไม่เหมือนกันเลย

3. พฤติกรรมชอบบีบ ชอบกดสิว
คนมักพยายามกดหรือบีบตุ่มใต้ผิวออก ถ้าเป็นสิวอุดตันก็มักจะมีหัวสิวออกมา แต่ถ้าเป็น สิวไขมัน จะไม่มีหัวให้กด แล้วอาจมีของเหลวคล้ายไขมันออกมาแทน ซึ่งทำให้หลายคนเข้าใจผิด คิดว่าเป็นสิวอุดตันที่ “กดไม่ออก”
ที่แย่คือการบีบ สิวไขมัน เองอาจทำให้ติดเชื้อ บวม หรืออักเสบ กลายเป็นปัญหาหนักกว่าเดิม

4. ทั้งสองเกี่ยวข้องกับไขมัน แต่ที่มาคนละแบบ

  1. สิวอุดตัน เกิดจากไขมันที่ไปอุดรูขุมขน
  2. สิวไขมัน เกิดจากไขมันที่สะสมเป็นถุงใต้ผิว

เพราะมีคำว่า "ไขมัน" เหมือนกัน คนเลยมักคิดว่าเป็นสิวประเภทเดียวกัน ทั้งที่จริง ๆ แล้วต่างกันแบบคนละเรื่อง

5. ใช้วิธีรักษาแบบเดียวกัน แต่ไม่ได้ผล
หลายคนเอายารักษาสิวอุดตัน หรือผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวมาใช้กับ สิวไขมัน แล้วไม่หาย เลยคิดว่าเป็นสิวอุดตันที่ดื้อยา
ความจริงคือ สิวไขมัน ต้องรักษาโดยแพทย์ เช่น การผ่าตัดเอาถุงไขมันออก ถึงจะหายขาด ไม่สามารถรักษาเองด้วยครีมหรือการกดสิวได้

วิธีรักษาสิวไขมันให้เห็นผลจริง ต้องดูแลให้ตรงจุด
การรักษา สิวไขมัน ให้หายขาด ไม่ใช่แค่ทาครีมหรือใช้ยาทั่วไป แต่ต้องเข้าใจต้นเหตุและเลือกวิธีดูแลที่เหมาะกับสภาพผิว รวมถึงใช้เทคโนโลยีหรือการแพทย์เข้าช่วยเมื่อจำเป็น

1. รักษาสิวไขมันด้วยวิธีทางการแพทย์
Aviclear - เลเซอร์ที่ตอบโจทย์สิวไขมันโดยเฉพาะ
Aviclear เป็นเลเซอร์ที่ใช้คลื่น 1726 nm เข้าไปลดการทำงานของต่อมไขมันแบบเฉพาะเจาะจง ได้รับการรับรองจาก FDA ว่าช่วยลดสิวได้จริง โดยไม่ทำร้ายผิวชั้นบน  ช่วยลดความมันส่วนเกิน ซึ่งเป็นตัวการหลักของ สิวไขมัน ไม่ต้องกินยา ไม่พึ่งสารเคมี เหมาะมากสำหรับคนที่เป็นสิวไขมันบ่อย ๆ หรือเรื้อรัง
ปลอดภัย ใช้ได้กับทุกสีผิว ทุกสภาพผิว

การผ่าตัดเอาถุงไขมันออก
ถ้า สิวไขมัน มีขนาดใหญ่หรือขึ้นซ้ำซาก วิธีที่ได้ผลคือผ่าตัดเอาออก
แพทย์จะเปิดแผลเล็ก ๆ แล้วเอาทั้งก้อนและผนังของถุงไขมันออก
เป็นการกำจัดปัญหาถึงราก ลดโอกาสกลับมาใหม่
แผลหายไว และส่วนใหญ่ไม่ทิ้งรอยให้กังวล

ฉีดยาสลายก้อนสิว
สำหรับ สิวไขมัน ที่มีอาการบวม หรือไม่อยากผ่าตัด
แพทย์จะฉีดสเตียรอยด์เข้าไป เพื่อลดการอักเสบและทำให้ก้อนยุบ
ใช้เวลาประมาณหลายวันถึงสัปดาห์กว่าจะเห็นผล
เหมาะกับเคสที่ยังไม่รุนแรงมาก

2. ดูแลผิวให้ถูกวิธี ช่วยลดการเกิดสิวไขมันซ้ำ
เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยคุมมันและลดการอุดตัน

  1. Retinoids (เช่น Tretinoin, Adapalene) ช่วยผลัดเซลล์ผิว ลดการสะสมของไขมัน
  2. BHA เจาะลึกรูขุมขน ละลายความมันที่อาจกลายเป็น สิวไขมัน ได้
  3. Niacinamide ช่วยลดการผลิตน้ำมันบนใบหน้าและปลอบประโลมผิว

ล้างหน้าอย่างอ่อนโยน
 เลือกเจลล้างหน้าที่ไม่มีแอลกอฮอล์ น้ำมัน หรือซิลิโคน ล้างวันละ 2 ครั้งพอ ไม่ควรล้างบ่อยจนเกินไป เพราะอาจกระตุ้นให้ผิวผลิตน้ำมันมากขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุของ สิวไขมัน

ห้ามบีบเอง
 อย่าพยายามบีบ สิวไขมัน ด้วยตัวเอง เพราะมันไม่มีหัวให้กด และอาจยิ่งทำให้ถุงไขมันแตกในผิว เสี่ยงอักเสบ บวม ติดเชื้อ หรือกลายเป็นแผลเป็น ถ้าจำเป็นต้องเอาออก ควรให้แพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญจัดการให้ดีกว่า

สรุปเรื่องสิวไขมัน ที่ควรรู้ไว้ก่อนรักษา
สิวไขมัน เป็นปัญหาผิวที่หลายคนเจอ แต่กลับมีคนจำนวนไม่น้อยที่เข้าใจผิด คิดว่าเป็นสิวอุดตัน เพราะลักษณะดูคล้ายกัน แต่ถ้าแยกให้ถูกว่าเป็น สิวไขมัน หรือสิวอุดตัน จะช่วยให้รักษาได้ตรงทางมากขึ้น และเห็นผลชัดเจนกว่า
การดูแลผิวเพื่อป้องกัน สิวไขมัน ต้องเริ่มจากการควบคุมความมันบนผิวหน้า เลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่อุดตันรูขุมขน และเน้นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดการสะสมของไขมันใต้ผิว

นอกจากสกินแคร์แล้ว พฤติกรรมในชีวิตประจำวันก็มีผลกับการเกิด สิวไขมัน เช่น

  1. เลือกกินอาหารที่ดีต่อผิว
  2. พักผ่อนให้เพียงพอ
  3. ลดความเครียด
  4. และอย่าลืมป้องกันผิวจากแสงแดด

ถ้าใครเจอ สิวไขมัน บ่อย ๆ หรือมีขนาดใหญ่จนดูแลเองไม่ไหว ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนัง เพื่อหาวิธีจัดการให้เหมาะกับสภาพผิว เช่น

  1. การรักษาด้วย เลเซอร์ Aviclear ที่ตรงเข้าจัดการต่อมไขมัน
  2. หรือการผ่าตัดเอาถุงไขมันออก เพื่อเคลียร์ปัญหาให้จบจากต้นตอ

การเข้าใจและรู้จัก สิวไขมัน อย่างถูกต้อง จะช่วยให้เรารับมือกับมันได้ง่ายขึ้น และลดโอกาสเกิดซ้ำในอนาคต

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
CuteCute's profile


โพสท์โดย: CuteCute
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
คิดลบแบบไม่พัก ทำอย่างไรให้ไม่กลายเป็นคนคิดลบโดยอัตโนมัติ"แจ็คสัน หวัง" บุกไทย! อุ่นเครื่องชิมก๋วยเตี๋ยวเรือ ก่อนขึ้นคอนเสิร์ต GOT7ดราม่าล่าสุด! โอปอล หลุดตำแหน่งรองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 เหตุละเมิดกฎการประกวดบูชาให้ถูกองค์ มูยังไงก็สมหวังเปิดหน้าใหม่ ไล ไทย หนุ่มเขมร Mister Majestic 2025 หลังทุบหน้าใหม่ (ชมคลิป)tenderness: ความอ่อนโยน
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
ดราม่าล่าสุด! โอปอล หลุดตำแหน่งรองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 เหตุละเมิดกฎการประกวดฝันเห็นปีศาจ ตำราเขมรโบราณบอกอะไร มาเดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง“โลกเป็นสีชมพู! ดีเจเพชรจ้าคลั่งรักหนัก เปิดตัวแฟนเด็กอายุ 21 ‘น้องเนปจูน’ห่างกัน 25 ปีแต่ใจตรงกัน!”วิธีทำ สังขยาฟักทอง ขนมอร่อย หอมหวานมีคุณค่าทางอาหาร แล้วยังอร่อยอีกด้วย ทำยังไงมาดูกันได้เลยจ้า
กระทู้อื่นๆในบอร์ด โฆษณา ประชาสัมพันธ์
10 สูตรรักษาฝ้าเร่งด่วน คืนความกระจ่างใสให้ผิวหน้ารักษาฝ้าแดดแบบมือโปร พร้อมวิธีป้องกันที่ทำตามได้จริงรู้จักจุดด่างดำคืออะไร สาเหตุ วิธีลดเลือนจุดด่างดำให้หน้าใสรักษาฝ้ากระอย่างตรงจุด ผิวดีขึ้นจนสังเกตได้
ตั้งกระทู้ใหม่