หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
รวมข่าว บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

แก้อาการนอนกรนผู้หญิง ด้วยวิธีง่ายๆ เห็นผลจริงไม่ต้องพึ่งยา

เนื้อหาโดย สมาชิกหมายเลข 2433608

แก้อาการนอนกรนผู้หญิง ด้วยวิธีง่ายๆ เห็นผลจริง ไม่ต้องพึ่งยา
ใครที่คิดว่าการนอนกรนเป็นปัญหาของผู้ชายเท่านั้น ต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ เพราะผู้หญิงก็มีโอกาสนอนกรนได้เช่นกัน ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพและคุณภาพการนอนในระยะยาว วันนี้เรามาดูวิธีแก้อาการนอนกรนผู้หญิง ที่สามารถช่วยลดหรือบรรเทาอาการได้ เพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นจากการนอนกรน และทำให้การนอนหลับมีคุณภาพมากขึ้น

วิธีที่ 1 แก้อาการนอนกรนผู้หญิงด้วยการผ่าตัด
การแก้อาการนอนกรนผู้หญิงด้วยการผ่าตัดเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่มีอาการนอนกรนรุนแรง โดยเฉพาะในกรณีที่เกิดจากโครงสร้างทางเดินหายใจผิดปกติ เช่น เพดานอ่อนหย่อน ลิ้นไก่ยาวผิดปกติ หรือมีการอุดกั้นจากต่อมทอนซิลโต ซึ่งส่งผลให้การหายใจติดขัดขณะหลับ

เมื่อไหร่ควรพิจารณาการผ่าตัดในการแก้อาการนอนกรนผู้หญิง

  1. อาการนอนกรนรุนแรง และไม่ตอบสนองต่อการรักษาวิธีอื่น เช่น การปรับพฤติกรรมหรือการใช้อุปกรณ์ช่วยหายใจ
  2. มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea - OSA) ที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
  3. มีความผิดปกติของโครงสร้างทางเดินหายใจ เช่น ลิ้นไก่ยาว เพดานอ่อนหย่อน หรือผนังกั้นจมูกคด

ประเภทของการผ่าตัดแก้อาการนอนกรนผู้หญิง

  1. Uvulopalatopharyngoplasty (UPPP)
    เป็นการตัดแต่งเพดานอ่อน ลิ้นไก่ และเนื้อเยื่อบางส่วนในลำคอ เพื่อลดการสั่นสะเทือนที่ทำให้เกิดเสียงกรน วิธีนี้เหมาะกับผู้ที่มีลิ้นไก่ยาวหรือเพดานอ่อนหนา แต่หลังทำอาจมีอาการเจ็บคอในช่วงแรก และอาจส่งผลต่อเสียงพูดเล็กน้อย
  2. Laser-Assisted Uvulopalatoplasty (LAUP)
    เป็นการใช้เลเซอร์ตัดแต่งลิ้นไก่และเพดานอ่อน เพื่อลดขนาดของเนื้อเยื่อบริเวณที่อุดกั้น ช่วยให้ลมหายใจไหลผ่านได้ดีขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการนอนกรนเรื้อรังแต่ไม่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับรุนแรง การฟื้นตัวเร็วกว่าการผ่าตัดแบบ UPPP
  3. Radiofrequency Ablation (RFA)
    การใช้คลื่นวิทยุพลังงานต่ำทำให้เนื้อเยื่อเพดานอ่อนหดตัวและแข็งแรงขึ้น ลดการสั่นสะเทือนของเนื้อเยื่อที่ทำให้เกิดเสียงกรน วิธีนี้เจ็บน้อย ฟื้นตัวเร็ว และสามารถทำได้ภายใต้ยาชาเฉพาะที่
  4. Septoplasty
    เหมาะสำหรับผู้ที่มีผนังกั้นจมูกคด ซึ่งทำให้หายใจลำบากและต้องอ้าปากหายใจขณะนอนหลับ การผ่าตัดนี้จะช่วยปรับแต่งกระดูกและกระดูกอ่อนในจมูกให้ทางเดินหายใจโล่งขึ้น
  5. Tonsillectomy
    หากต่อมทอนซิลโตเป็นสาเหตุของการอุดกั้นทางเดินหายใจ การผ่าตัดเอาต่อมทอนซิลออกสามารถช่วยลดอาการนอนกรนได้ เหมาะสำหรับผู้ที่มีประวัติต่อมทอนซิลอักเสบเรื้อรังหรือมีภาวะ OSA
  6. Hypoglossal Nerve Stimulation
    เป็นการฝังเครื่องกระตุ้นไฟฟ้าเพื่อช่วยให้ลิ้นไม่ตกไปอุดกั้นทางเดินหายใจขณะหลับ วิธีนี้ใช้สำหรับผู้ที่มีภาวะ OSA รุนแรงและไม่สามารถใช้เครื่อง CPAP ได้

การแก้อาการนอนกรนผู้หญิงด้วยการผ่าตัดเป็นตัวเลือกที่ช่วยแก้ปัญหาได้อย่างถาวร แต่ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจ เพื่อเลือกวิธีที่เหมาะสมกับสาเหตุของอาการนอนกรน และลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น

วิธีที่ 2 แก้อาการนอนกรนผู้หญิงด้วยการเปลี่ยนท่านอน
การเปลี่ยนท่านอนเป็นหนึ่งในวิธีที่ช่วยแก้อาการนอนกรนผู้หญิง ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะการกรนมักเกิดจากการอุดกั้นของทางเดินหายใจ โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในท่าที่ไม่เหมาะสม เช่น การนอนหงาย ซึ่งทำให้ลิ้นและเพดานอ่อนตกไปปิดกั้นทางเดินหายใจ ส่งผลให้มีการสั่นสะเทือนของเนื้อเยื่อและเกิดเสียงกรน

ดังนั้น การปรับเปลี่ยนท่านอนให้เหมาะสมจะช่วยให้การหายใจเป็นธรรมชาติมากขึ้นและช่วยแก้อาการนอนกรนผู้หญิง ได้ดีขึ้น

ท่านอนที่ควรหลีกเลี่ยงเพื่อแก้อาการนอนกรนผู้หญิง

  1. การนอนหงาย (Supine Position) เป็นท่าที่ทำให้ลิ้นและกล้ามเนื้อในลำคอหย่อนลงไปปิดกั้นทางเดินหายใจ ส่งผลให้ต้องใช้แรงดึงอากาศมากขึ้น ทำให้เกิดการสั่นสะเทือนของเนื้อเยื่อและเกิดเสียงกรน นอกจากนี้ยังอาจทำให้อาการหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea - OSA) แย่ลง

ท่านอนที่ช่วยแก้อาการนอนกรนผู้หญิง

  1. การนอนตะแคง (Side Sleeping Position) เป็นท่าที่ดีที่สุดในการแก้อาการนอนกรนผู้หญิง เพราะช่วยให้ลิ้นและกล้ามเนื้อเพดานอ่อนอยู่ในตำแหน่งที่ไม่อุดกั้นทางเดินหายใจ ลดแรงกดทับของลิ้นและเนื้อเยื่อในลำคอ ทำให้อากาศไหลเวียนสะดวกขึ้น ซึ่งช่วยลดอาการนอนกรนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในผู้ที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ

นอนตะแคงซ้ายหรือขวา อันไหนดีกว่ากัน

  1. นอนตะแคงซ้าย ดีต่อระบบย่อยอาหารและช่วยลดอาการกรดไหลย้อน
  2. นอนตะแคงขวา ลดแรงกดทับหัวใจ เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ
  3. การนอนคว่ำ (Prone Position) แม้จะช่วยป้องกันลิ้นไม่ให้ตกไปอุดกั้นทางเดินหายใจ แต่ก็อาจทำให้เกิดแรงกดบนหน้าอกและรู้สึกอึดอัดเมื่อนอนเป็นเวลานาน

เทคนิคช่วยให้นอนตะแคงเพื่อแก้อาการนอนกรนผู้หญิงได้ง่ายขึ้น

  1. ใช้หมอนข้างช่วยพยุงตัว กอดหมอนข้างขณะนอนตะแคง จะช่วยให้ร่างกายอยู่ในท่าที่เหมาะสม และลดโอกาสที่จะพลิกกลับไปนอนหงายโดยไม่รู้ตัว
  2. ใช้หมอนรองหลัง วางหมอนใบใหญ่ข้างหลังเพื่อป้องกันการกลิ้งกลับไปนอนหงาย
  3. ใช้เสื้อหรืออุปกรณ์กันพลิกตัว บางคนใช้ลูกเทนนิสเย็บติดที่ด้านหลังเสื้อ เพื่อให้รู้สึกไม่สบายเมื่อนอนหงาย จึงต้องพลิกกลับมาตะแคงโดยอัตโนมัติ
  4. เลือกหมอนที่เหมาะสม ควรใช้หมอนที่รองรับคอและศีรษะได้ดี เพื่อช่วยรักษาระดับของกระดูกสันหลัง หมอนสำหรับคนที่นอนตะแคงควรมีความสูงประมาณ 4-6 นิ้ว เพื่อให้รองรับศีรษะได้อย่างเหมาะสม
  5. ใช้ที่นอนที่ช่วยพยุงตัว ที่นอนไม่ควรนุ่มหรือแข็งเกินไป เพื่อช่วยให้ร่างกายอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมขณะนอนตะแคง

วิธีที่ 3 แก้อาการนอนกรนผู้หญิงด้วยการลดน้ำหนัก
การลดน้ำหนักเป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถช่วยแก้อาการนอนกรนผู้หญิง ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในผู้ที่มีภาวะน้ำหนักเกินหรืออ้วน เพราะไขมันที่สะสมรอบลำคอและบริเวณลำตัวสามารถส่งผลต่อทางเดินหายใจ ทำให้เกิดอาการนอนกรนได้ง่ายขึ้น เมื่อลดน้ำหนักได้ระดับหนึ่ง จะช่วยลดแรงกดทับทางเดินหายใจ ทำให้อากาศไหลเวียนสะดวกขึ้น และลดการสั่นสะเทือนของเนื้อเยื่อที่เป็นสาเหตุของเสียงกรน

ไขมันรอบลำคอกับอาการนอนกรน

  1. ในผู้ที่มีน้ำหนักเกิน ไขมันสามารถสะสมรอบลำคอ ทำให้ทางเดินหายใจแคบลง อากาศไหลผ่านได้ยากขึ้น
  2. เมื่อลมหายใจติดขัด เนื้อเยื่อในลำคอจะสั่นสะเทือนมากขึ้น ส่งผลให้เกิดเสียงกรน
  3. คนที่มีเส้นรอบวงลำคอเกิน 40 ซม. (16 นิ้ว) มีความเสี่ยงสูงต่อการนอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับ

ไขมันในช่องท้องส่งผลต่อการหายใจ

  1. ไขมันสะสมที่บริเวณหน้าท้องและทรวงอก ส่งผลให้กะบังลมเคลื่อนตัวได้ยากขึ้นขณะหายใจ
  2. ทำให้ความดันในทางเดินหายใจเพิ่มขึ้น และเกิดการอุดกั้นที่เป็นสาเหตุของอาการนอนกรน

น้ำหนักเกินกับภาวะหยุดหายใจขณะหลับ

  1. ผู้หญิงที่มีภาวะอ้วนมีโอกาสเกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA) สูงกว่าผู้ที่มีน้ำหนักปกติ
  2. OSA ทำให้เกิดการหยุดหายใจชั่วขณะขณะหลับ ส่งผลให้ตื่นกลางดึก หายใจสะดุด และอ่อนเพลียในตอนกลางวัน

วิธีลดน้ำหนักเพื่อแก้อาการนอนกรนผู้หญิง

  1. ควบคุมอาหาร โดยกินแคลอรี่น้อยกว่าที่ร่างกายใช้
  2. ลดอาหารไขมันสูง น้ำตาล และอาหารแปรรูปที่ทำให้ไขมันสะสมมากขึ้น
  3. เลือกกินอาหารที่มีโปรตีนสูง ไฟเบอร์ และช่วยกระตุ้นการเผาผลาญ เช่น ผักใบเขียว ถั่ว และไข่ขาว
  4. หลีกเลี่ยงการกินมื้อดึก ควรเว้นช่วงก่อนนอนอย่างน้อย 3 ชั่วโมง เพื่อไม่ให้เกิดแรงกดทับที่กระบังลม
  5. ลดการดื่มแอลกอฮอล์และคาเฟอีนก่อนนอน เพราะอาจทำให้กล้ามเนื้อทางเดินหายใจหย่อนตัวมากขึ้น

ออกกำลังกายช่วยแก้อาการนอนกรนผู้หญิง

  1. ควรออกกำลังกายอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ เพื่อช่วยลดไขมันสะสมรอบลำคอและหน้าท้อง
  2. การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ เช่น เดินเร็ว ว่ายน้ำ และปั่นจักรยาน ช่วยเผาผลาญไขมันได้ดี
  3. เวทเทรนนิ่งช่วยเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ ทำให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้มากขึ้น แม้ในขณะพัก
  4. การฝึกกล้ามเนื้อบริเวณลำคอและลิ้น เช่น การออกเสียง “อา-อี-โอ-อู” หรือการดึงลิ้นออกมาแล้วค้างไว้ สามารถช่วยให้กล้ามเนื้อเพดานอ่อนและลิ้นแข็งแรงขึ้น ลดการหย่อนตัวขณะหลับ

น้ำหนักที่ลดลงเพียง 5-10% ของน้ำหนักตัว ก็สามารถแก้อาการนอนกรนผู้หญิง ได้

  1. มีงานวิจัยที่พบว่าการลดน้ำหนัก 5-10% ของน้ำหนักตัวสามารถช่วยลดความรุนแรงของอาการนอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับได้อย่างมีนัยสำคัญ
  2. หากสามารถลดน้ำหนักได้อย่างต่อเนื่อง อาการนอนกรนและปัญหาทางเดินหายใจขณะหลับมักจะดีขึ้นอย่างชัดเจน

วิธีที่4 แก้อาการนอนกรนผู้หญิงด้วยการใช้โปรแกรม Snore Laser
Snore Laser เป็นเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อช่วยแก้อาการนอนกรนผู้หญิง โดยไม่ต้องพึ่งการผ่าตัดหรือใช้อุปกรณ์ช่วยหายใจ เทคโนโลยีนี้ใช้เลเซอร์พลังงานต่ำเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในเนื้อเยื่อเพดานอ่อนและลำคอ ทำให้เนื้อเยื่อบริเวณนั้นแข็งแรงขึ้น ลดการหย่อนตัวและลดการสั่นสะเทือนที่เป็นสาเหตุของเสียงกรน อีกทั้งยังช่วยเปิดทางเดินหายใจให้โล่งขึ้น ส่งผลให้สามารถหายใจได้สะดวกขึ้นขณะนอนหลับ

หลักการทำงานของ Snore Laser ในการแก้อาการนอนกรนผู้หญิง

  1. เครื่องใช้เลเซอร์ชนิด Er:YAG (Erbium YAG Laser) ที่มีความยาวคลื่น 2940 นาโนเมตร ซึ่งสามารถกระตุ้นการหดตัวของคอลลาเจนในเพดานอ่อนและลำคอ
  2. เมื่อเนื้อเยื่อได้รับพลังงานเลเซอร์ จะเกิดกระบวนการสร้างคอลลาเจนใหม่ (Collagen Remodeling) ทำให้เพดานอ่อนและเนื้อเยื่อลำคอตึงตัวขึ้น ลดการหย่อนคล้อย
  3. การรักษาไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องใช้เข็มฉีดยา และไม่จำเป็นต้องใช้ยาชา

ทำไม Snore Laser เหมาะกับการแก้อาการนอนกรนผู้หญิง

  1. ไม่ต้องผ่าตัด ลดความเสี่ยงจากการใช้ยาสลบ
  2. ช่วยทำให้เนื้อเยื่อเพดานอ่อนกระชับขึ้นโดยธรรมชาติ ลดอาการกรนได้โดยไม่ต้องพึ่งเครื่อง CPAP หรืออุปกรณ์ช่วยหายใจ
  3. กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้เพดานอ่อนและลำคอแข็งแรงขึ้น ลดปัญหาการหย่อนคล้อยในระยะยาว
  4. ไม่มีแผล ฟื้นตัวเร็ว สามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้ทันทีหลังทำ
  5. ช่วยให้การหายใจสะดวกขึ้น ลดอาการง่วงนอนตอนกลางวันที่เกิดจากการนอนหลับไม่มีคุณภาพ

ผลลัพธ์จากการใช้ Snore Laser ในการแก้อาการนอนกรนผู้หญิง

  1. ลดอาการนอนกรนได้ภายใน 6-8 สัปดาห์
  2. ปรับปรุงคุณภาพการนอน ทำให้หายใจได้สะดวกขึ้น
  3. ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นาน 12-18 เดือน ก่อนอาจต้องกลับมาทำซ้ำ
  4. ช่วยลดภาวะหยุดหายใจขณะหลับในระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง

ข้อดีของการใช้ Snore Laser ในการแก้อาการนอนกรนผู้หญิง

  1. ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผล และไม่ต้องใช้เข็มฉีดยา
  2. ไม่ต้องใช้ยาชา และไม่ต้องพักฟื้น
  3. ใช้เวลาในการรักษาเพียง 15-30 นาทีต่อครั้ง
  4. ฟื้นตัวเร็ว สามารถกลับไปทำกิจวัตรประจำวันได้ทันที
  5. ผลลัพธ์อยู่ได้นานกว่า 1 ปี

ข้อจำกัดของการใช้ Snore Laser ในการแก้อาการนอนกรนผู้หญิง

  1. อาจต้องทำซ้ำทุก 12-18 เดือนเพื่อให้ผลลัพธ์คงอยู่
  2. ไม่ได้ผลในผู้ที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับในระดับรุนแรง
  3. บางคนอาจรู้สึกแสบร้อนบริเวณลำคอเล็กน้อยหลังทำ
  4. ค่าใช้จ่ายสูงกว่าการใช้เครื่อง CPAP หรืออุปกรณ์ในช่องปาก

Snore Laser เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการแก้อาการนอนกรนผู้หญิง โดยไม่ต้องพึ่งการผ่าตัด หรืออุปกรณ์ช่วยหายใจแบบเดิมๆ เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการนอนกรนระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง และต้องการวิธีแก้ปัญหาที่สะดวก รวดเร็ว และไม่ต้องพักฟื้น

สรุปทุกเรื่องเกี่ยวกับแก้อาการนอนกรนผู้หญิง
การนอนกรนไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของเสียงรบกวนขณะนอนหลับเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว หากมีอาการนอนกรนรุนแรง อาจเสี่ยงต่อภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพ เช่น ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ดังนั้น หากรู้ตัวว่ามีอาการนอนกรน ควรรีบหาทางแก้อาการนอนกรนผู้หญิง และปรึกษาแพทย์เพื่อหาวิธีรักษาที่เหมาะสม

สำหรับใครที่กำลังมองหาวิธีแก้อาการนอนกรนผู้หญิง โดยไม่ต้องผ่าตัด การใช้เทคโนโลยี Snore Laser เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยลดอาการนอนกรนได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางการรักษาที่เหมาะสม สามารถขอคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ช่างรับเหมา เมืองคอน สุดเซ็ง! ถูกรางวัลที่ 1 ชวด 30 ล้าน5 เรื่องจริงบนเครื่องบินที่คุณอาจไม่รู้?จะอ้วก!! คนไร้บ้านกำลังนั่งกินซากหนูริมถนนชายหนุ่มวัย 25 ปี เกิดภาวะไตวาย หลังจากฝึกฟิตเนสแบบสุดๆ เป็นเวลา 6 เดือน และกิน "สิ่งนี้" ทุกวัน!นักร้องสาวร้องไห้ถึง 4 วัน หลังทราบความลับสามีชาวฝรั่ง !!ไวรัลสนั่น! เปิดภาพ "สลัมพม่าภูเก็ต" ลูกหลานเรียนฟรี เปิดแอร์ฉ่ำแม่หัวใจแกร่ง! ซิ่งจยย.ไล่ล่าเก๋งแก๊งคอลเซ็นเตอร์หวังช่วยลูกชายค้นพบบ้านไม้ขนาดใหญ่อายุ 2,000 ปีถูกค้นพบในเจ้อเจียง เปิดเผยความลับของอาณาจักรเยว่ไร้ปาฏิหาริย์! พบร่าง "ครูต้นกล้า" นักกู้ภัยแล้ว หลังพลัดตกแม่น้ำปิงนานกว่า30ชม.10 เมืองอาหารที่ดีที่สุดในโลกปี 2025 – กรุงเทพฯ ติดอันดับ…วิสดอม นกปากขาวที่มีอายุยืนยาวที่สุดรีวิวหนังดัง KRAVEN THE HUNTER เครเว่น เดอะ ฮันเตอร์
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
รีวิวหนังดัง KRAVEN THE HUNTER เครเว่น เดอะ ฮันเตอร์วิสดอม นกปากขาวที่มีอายุยืนยาวที่สุดห้วยขวาง ไชน่าทาวน์2 ศูนย์กลางใหม่ของชุมชนจีนในกรุงเทพฯ
กระทู้อื่นๆในบอร์ด โฆษณา ประชาสัมพันธ์
วิธีแก้การนอนกรนผู้ชาย ให้เงียบสนิท ไม่รบกวนคู่นอนวิธีลดหน้าท้องเร่งด่วน 1 อาทิตย์เห็นผลจริงSculpsure คือเทคโนโลยีกำจัดไขมันแบบไหน ได้ผลจริงหรือไม่กดสิวเสี้ยนเองได้ไหม ทำถูกวิธีหรือทำร้ายผิวมากกว่าเดิม
ตั้งกระทู้ใหม่