CoolSculpting vs Emsculpt เลือกวิธีไหนดี ต่างกันยังไง
CoolSculpting vs Emsculpt เลือกวิธีไหนดี ต่างกันยังไง
หลายคนต้องการมีรูปร่างที่ดีขึ้นและกำลังมองหาวิธีลดไขมันหรือเสริมสร้างกล้ามเนื้อโดยไม่ต้องผ่าตัด ปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่สามารถตอบโจทย์เหล่านี้ได้ โดยเฉพาะ CoolSculpting และ Emsculpt ซึ่งเป็นสองนวัตกรรมที่ได้รับความนิยมอย่างมาก อย่างไรก็ตาม แม้ทั้งสองจะมีเป้าหมายที่คล้ายกัน แต่หลักการทำงานและผลลัพธ์ของทั้งสองวิธีแตกต่างกันอย่างมาก ในบทความนี้เราจะพาคุณไปทำความเข้าใจรายละเอียดเกี่ยวกับ CoolSculpting และ Emsculpt เพื่อช่วยให้คุณสามารถเลือกวิธีที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณมากที่สุด
CoolSculpting และ Emsculpt คืออะไร
นวัตกรรม CoolSculpting คืออะไร
CoolSculpting เป็นเทคโนโลยีที่ใช้หลักการของ Cryolipolysis หรือการกำจัดไขมันด้วยความเย็น เทคโนโลยีนี้จะใช้ความเย็นในระดับต่ำเพื่อแช่แข็งเซลล์ไขมันเฉพาะจุด ส่งผลให้เซลล์ไขมันตายลงและถูกกำจัดออกจากร่างกายโดยระบบน้ำเหลือง กระบวนการนี้ช่วยลดไขมันได้อย่างถาวรโดยไม่ต้องผ่าตัดหรือพักฟื้น
นวัตกรรม Emsculpt คืออะไร
Emsculpt เป็นเทคโนโลยีที่ใช้พลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าความเข้มสูง (HIFEM - High-Intensity Focused Electromagnetic) เพื่อกระตุ้นกล้ามเนื้อให้หดตัวอย่างรุนแรงและถี่มาก ซึ่งไม่สามารถทำได้จากการออกกำลังกายทั่วไป เทคโนโลยีนี้ช่วยสร้างกล้ามเนื้อและลดไขมันไปพร้อมกัน
หลักการทำงานของ CoolSculpting และ Emsculpt
หลักการทำงานของนวัตกรรม CoolSculpting
1. CoolSculpting มีการแช่แข็งเซลล์ไขมัน - อุปกรณ์จะส่งผ่านความเย็นไปยังชั้นใต้ผิวหนัง เพื่อทำให้เซลล์ไขมันในบริเวณนั้นเย็นลงจนถึงจุดที่เซลล์ไขมันไม่สามารถทนได้
2. CoolSculpting มีกระบวนการ Apoptosis - เซลล์ไขมันจะเริ่มเข้าสู่กระบวนการตายแบบธรรมชาติ และจะถูกขับออกจากร่างกายผ่านระบบน้ำเหลือง
3. CoolSculpting สามารถลดไขมันกระชับรูปร่าง - เมื่อเซลล์ไขมันถูกกำจัดออกไป รูปร่างจะกระชับขึ้น และไขมันสะสมจะลดลง
หลักการทำงานของนวัตกรรม Emsculpt
1. Emsculpt มีพลังงาน HIFEM - คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจะถูกส่งเข้าสู่กล้ามเนื้อเพื่อกระตุ้นการหดตัวของกล้ามเนื้อในระดับสูงสุด (Supramaximal Contraction)
2. Emsculpt เสริมสร้างกล้ามเนื้อ - กล้ามเนื้อจะปรับตัวเพื่อรองรับการหดตัวนี้โดยการเพิ่มมวลกล้ามเนื้อใหม่
3. Emsculpt สามารถลดไขมัน - ขณะกล้ามเนื้อถูกกระตุ้น เซลล์ไขมันที่อยู่รอบ ๆ บริเวณนั้นจะถูกใช้เป็นพลังงาน ทำให้ไขมันในบริเวณนั้นลดลงไปพร้อมกัน
CoolSculpting และ Emsculpt ทำบริเวณไหน
CoolSculpting
- CoolSculpting สามารถทำบริเวณหน้าท้อง
- CoolSculpting สามารถทำบริเวณต้นแขน
- CoolSculpting สามารถทำบริเวณต้นขา
- CoolSculpting สามารถทำบริเวณสะโพก
- CoolSculpting สามารถทำบริเวณคาง
- CoolSculpting สามารถทำบริเวณแผ่นหลัง
Emsculpt
- Emsculpt สามารถทำบริเวณหน้าท้อง
- Emsculpt สามารถทำบริเวณก้น
- Emsculpt สามารถทำบริเวณต้นแขน
- Emsculpt สามารถทำบริเวณต้นขา
- Emsculpt สามารถทำบริเวณน่อง
ข้อดีของ CoolSculpting และ Emsculpt
ข้อดีของนวัตกรรม CoolSculpting
- นวัตกรรม CoolSculpting ช่วยลดไขมันเฉพาะจุดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- นวัตกรรม CoolSculpting ไม่ต้องผ่าตัดหรือพักฟื้น
- นวัตกรรม CoolSculpting ให้ผลลัพธ์ที่ถาวรในบริเวณที่ทำ
- นวัตกรรม CoolSculpting ได้รับการรับรองจาก FDA ว่าปลอดภัย
- นวัตกรรม CoolSculpting ไม่เจ็บปวดมากระหว่างทำ
ข้อดีของนวัตกรรม Emsculpt
- นวัตกรรม Emsculpt ช่วยสร้างกล้ามเนื้อและลดไขมันในเวลาเดียวกัน
- นวัตกรรม Emsculpt สามารถกระชับกล้ามเนื้อได้หลากหลายบริเวณ
- นวัตกรรม Emsculpt ไม่มีความเจ็บปวดหรือผลข้างเคียงรุนแรง
- นวัตกรรม Emsculpt ช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อหลังคลอดหรือบาดเจ็บ
- นวัตกรรม Emsculpt เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีเวลาออกกำลังกาย
ข้อจำกัดของ CoolSculpting และ Emsculpt
ข้อจำกัดของนวัตกรรม CoolSculpting
- นวัตกรรม CoolSculpting ไม่เหมาะกับการลดน้ำหนักทั้งร่างกาย
- นวัตกรรม CoolSculpting ไม่สามารถช่วยสร้างกล้ามเนื้อได้
- นวัตกรรม CoolSculpting ไม่เหมาะกับไขมันภายในช่องท้อง
- นวัตกรรม CoolSculpting ไม่เหมาะกับผู้ที่มีภาวะสุขภาพบางอย่างเกี่ยวกับความเย็น
ข้อจำกัดของนวัตกรรม Emsculpt
- นวัตกรรม Emsculpt ไม่เหมาะกับผู้ที่มีไขมันหนามาก
- นวัตกรรม Emsculpt ไม่เหมาะกับผู้ที่ใส่อุปกรณ์ทางการแพทย์ในร่างกาย
- นวัตกรรม Emsculpt ไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง
- นวัตกรรม Emsculpt ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับความต่อเนื่องของการทำ
CoolSculpting และ Emsculpt เหมาะกับใคร
นวัตกรรม CoolSculpting เหมาะกับใคร
- ผู้ที่ต้องการลดไขมันเฉพาะจุด เช่น หน้าท้อง ต้นแขน สะโพก ต้นขา
- ผู้ที่มีน้ำหนักตัวคงที่ แต่ต้องการปรับรูปร่างให้ดีขึ้น
- ผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงการผ่าตัด
นวัตกรรม Emsculpt เหมาะกับใคร
- ผู้ที่ต้องการสร้างกล้ามเนื้อและกระชับรูปร่าง
- ผู้ที่ไม่มีเวลาออกกำลังกายแต่ต้องการกล้ามเนื้อที่ชัดเจนขึ้น
- ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูกล้ามเนื้อหลังคลอด
CoolSculpting และ Emsculpt กี่วันเห็นผล
หลังทำ CoolSculpting กี่วันเห็นผล
- เริ่มเห็นผลใน 3-4 สัปดาห์หลังการทำ
- ผลลัพธ์ชัดเจนใน 2-3 เดือน เมื่อเซลล์ไขมันถูกขับออกจากร่างกายอย่างสมบูรณ์
หลังทำ Emsculpt กี่วันเห็นผล
- เริ่มเห็นผลใน 2-4 สัปดาห์หลังการทำ
- ผลลัพธ์จะชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อทำต่อเนื่องและออกกำลังกายควบคู่
CoolSculpting และ Emsculpt อยู่ได้นานแค่ไหน
CoolSculpting อยู่ได้นานแค่ไหน
- ผลลัพธ์อยู่ได้นานถาวร หากน้ำหนักตัวคงที่
- หากมีการเพิ่มน้ำหนักใหม่ ไขมันอาจสะสมในบริเวณอื่น
Emsculpt อยู่ได้นานแค่ไหน
- ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6-12 เดือน
- ควรทำซ้ำทุก 6-12 เดือนเพื่อรักษาผลลัพธ์
CoolSculpting และ Emsculpt ควรทำกี่ครั้ง
CoolSculpting
- 1-2 ครั้งต่อบริเวณ ขึ้นอยู่กับปริมาณไขมันและผลลัพธ์ที่ต้องการ
Emsculpt
- 4-6 ครั้งต่อบริเวณ โดยเว้นระยะ 2-3 วันต่อครั้ง
- ควรทำซ้ำทุก 6-12 เดือนเพื่อรักษาผลลัพธ์และความกระชับของกล้ามเนื้อ
การดูแลตัวเองหลังทำ CoolSculpting และ Emsculpt
การดูแลหลังทำ CoolSculpting
- ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อช่วยระบบน้ำเหลืองขับไขมันออกจากร่างกาย
- ออกกำลังกายเบา ๆ เช่น การเดินหรือโยคะ เพื่อช่วยให้การไหลเวียนดีขึ้น
- หลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง เพื่อป้องกันการสะสมไขมันใหม่
- ประคบอุ่นหากมีอาการชา บรรเทาอาการไม่สบายหลังทำ
- หลีกเลี่ยงความร้อนจัด เช่น ซาวน่าหรือการอาบน้ำร้อนจัดในช่วงแรกหลังทำ
การดูแลหลังทำ Emsculpt
- ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อช่วยการฟื้นฟูของกล้ามเนื้อ
- ออกกำลังกายต่อเนื่อง เพื่อเสริมสร้างผลลัพธ์ที่ได้จากการทำ Emsculpt
- รับประทานอาหารโปรตีนสูง เพื่อช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ
- อาจมีอาการปวดกล้ามเนื้อ คล้ายกับการออกกำลังกายหนัก ๆ ซึ่งเป็นอาการปกติ
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมหนักเกินไป ใน 24 ชั่วโมงแรกหลังทำ เพื่อให้กล้ามเนื้อได้ฟื้นตัว
ตารางสรุปความแตกต่าง CoolSculpting vs Emsculpt
ข้อแตกต่าง |
CoolSculpting |
Emsculpt |
หลักการทำงาน |
แช่แข็งเซลล์ไขมันให้ตาย |
กระตุ้นกล้ามเนื้อด้วยพลังงาน HIFEM |
เป้าหมาย |
ลดไขมันเฉพาะจุด |
สร้างกล้ามเนื้อและลดไขมันควบคู่กัน |
ผลลัพธ์ |
รูปร่างกระชับ ไขมันลดลง |
กล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้น ไขมันบางส่วนลดลง |
จำนวนครั้งที่ทำ |
1-2 ครั้งต่อบริเวณ |
4-6 ครั้งต่อบริเวณ |
ระยะเวลาผลลัพธ์ |
อยู่ได้นานถาวร (หากน้ำหนักคงที่) |
อยู่ได้นาน 6-12 เดือน (แนะนำทำซ้ำทุก 6 เดือน) |
ผลข้างเคียง |
แดง บวม ชาเล็กน้อย |
ปวดกล้ามเนื้อคล้ายออกกำลังกายหนัก |
ความปลอดภัย |
ได้รับการรับรองจาก FDA |
ได้รับการรับรองจาก FDA |
สรุปความแตกต่างของ CoolSculpting vs Emsculpt
ทั้ง CoolSculpting และ Emsculpt เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยปรับรูปร่าง แต่มีจุดเด่นที่แตกต่างกัน CoolSculpting เหมาะสำหรับการลดไขมันเฉพาะจุด ในขณะที่ Emsculpt เหมาะสำหรับการสร้างกล้ามเนื้อและกระชับรูปร่าง หากต้องการเลือกวิธีลดไขมันยกกระชับสัดส่วนที่เหมาะกับตัวเอง ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและความปลอดภัย















