ฉีด Profhilo มีประโยชน์อะไร
Profhilo คืออะไร
Profhilo คือ hyaluronic acid (HA) เข้มข้นชนิดหนึ่งที่มีความบริสุทธิ์สูง แตกต่างจากฟิลเลอร์ทั่วไปตรงที่มันไม่ใช่การเติมเต็มร่องลึกหรือเพิ่มปริมาตร แต่เป็นการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวหนัง ทำให้ผิวมีความชุ่มชื้น ยืดหยุ่น และดูอ่อนเยาว์ขึ้น
Profhilo ช่วยให้หน้าฉ่ำได้เพราะกลไกการทำงานดังนี้
- การเติมเต็มความชุ่มชื้นจากภายใน HA ใน Profhilo ดูดซับน้ำได้ดีเยี่ยม จึงช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวอย่างล้ำลึก ทำให้ผิวดูอิ่มน้ำ ฉ่ำวาว และลดเลือนริ้วรอยที่เกิดจากความแห้งกร้าน
- การกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน HA ใน Profhilo กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ซึ่งเป็นโปรตีนที่สำคัญต่อความยืดหยุ่นและความเต่งตึงของผิว เมื่อผิวสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินมากขึ้น ผิวก็จะดูเรียบเนียน เต่งตึง และฉ่ำขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
- การปรับโครงสร้างผิว Profhilo ช่วยปรับโครงสร้างผิวให้มีความแข็งแรงและกระชับขึ้น ทำให้ผิวดูยกกระชับ ลดเลือนริ้วรอย และดูอ่อนเยาว์ขึ้น ซึ่งผลพลอยได้คือผิวที่ดูฉ่ำและเปล่งปลั่ง
อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ที่ได้อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับสภาพผิว อายุ และปัจจัยอื่นๆ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินความเหมาะสมก่อนการรักษาเสมอ
Profhilo มีข้อดีและข้อเสียอย่างไร
Profhilo เป็น treatment ที่ได้รับความนิยม แต่ก็เหมือนกับ treatment อื่นๆ มันมีทั้งข้อดีและข้อเสียที่ควรพิจารณา
ข้อดี
- ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ Profhilo เน้นการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวเอง ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ใช่การเติมเต็มที่ดูแข็งหรือไม่เป็นธรรมชาติเหมือนฟิลเลอร์บางชนิด
- ลดเลือนริ้วรอยและเพิ่มความกระชับ ช่วยลดเลือนริ้วรอยต่างๆ ทั้งริ้วรอยตื้นๆ และริ้วรอยลึก รวมถึงช่วยให้ผิวดูยกกระชับมากขึ้น
- เพิ่มความชุ่มชื้นอย่างล้ำลึก HA ใน Profhilo ดูดซับน้ำได้ดีเยี่ยม ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นจากภายใน ทำให้ผิวดูฉ่ำวาว และสุขภาพดี
- ระยะเวลาการรักษาสั้น การฉีด Profhilo ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที และไม่จำเป็นต้องพักฟื้นนาน
- ผลลัพธ์ที่ยั่งยืน ผลลัพธ์ของ Profhilo สามารถอยู่ได้นานหลายเดือน โดยขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลรักษาหลังการรักษา
- มีความปลอดภัย หากทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ Profhilo ถือว่ามีความปลอดภัยสูง เนื่องจากใช้ HA ซึ่งเป็นสารที่ร่างกายสามารถย่อยสลายได้เอง
ข้อเสีย
- ราคาค่อนข้างสูง Profhilo มีราคาสูงกว่า treatment บำรุงผิวบางชนิด
- อาจมีอาการข้างเคียงเล็กน้อย เช่น รอยแดง บวม หรือช้ำ บริเวณที่ฉีด ซึ่งโดยปกติแล้วจะหายไปเองภายในไม่กี่วัน
- ไม่เหมาะสำหรับทุกคน ผู้ที่มีแผลเป็นคีลอยด์ มีการติดเชื้อบริเวณที่ต้องการฉีด หรือมีโรคประจำตัวบางชนิด อาจไม่เหมาะสมกับการใช้ Profhilo
- ต้องทำซ้ำ เพื่อรักษาผลลัพธ์ให้ยั่งยืน อาจจำเป็นต้องทำการฉีดซ้ำเป็นระยะ โดยทั่วไปทุก 6 เดือนขึ้นไป
- อาจมีการกระจายตัวไม่สม่ำเสมอ ในบางกรณี อาจมีการกระจายตัวของ HA ไม่สม่ำเสมอ ทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมกันของผิว แม้ว่าจะเกิดขึ้นได้น้อย
สรุป
Profhilo เป็น treatment ที่มีข้อดีหลายประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการเพิ่มความชุ่มชื้น ลดเลือนริ้วรอย และเพิ่มความกระชับของผิว แต่ก็มีข้อเสียบางประการที่ควรพิจารณา เช่น ราคา อาการข้างเคียง และความจำเป็นในการทำซ้ำ ผู้ที่สนใจควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินความเหมาะสมและรับคำแนะนำที่ถูกต้องก่อนตัดสินใจทำการรักษาเสมอ
Profhilo ราคาเท่าไหร่
ราคาของ Profhilo แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ดังนั้นจึงไม่มีราคาที่แน่นอน แต่สามารถระบุช่วงราคาคร่าวๆ ได้ดังนี้
- จำนวนครั้งที่ฉีด โดยทั่วไป Profhilo จะฉีด 2 ครั้ง ห่างกันประมาณ 1 เดือน ราคาจึงมักจะคำนวณเป็นแพ็คเกจ 2 ครั้ง
- คลินิกหรือโรงพยาบาล คลินิกหรือโรงพยาบาลต่างๆ จะมีราคาแตกต่างกัน คลินิกที่มีชื่อเสียง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หรือใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย มักจะมีราคาสูงกว่า
- ตำแหน่งที่ตั้ง คลินิกในเมืองใหญ่ๆ มักจะมีราคาสูงกว่าคลินิกในต่างจังหวัด
- ปริมาณที่ใช้ บางครั้งอาจมีการปรับเปลี่ยนปริมาณของสารที่ใช้ ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละบุคคล ซึ่งอาจส่งผลต่อราคา
โดยทั่วไป ราคาต่อครั้งของการฉีด Profhilo ในประเทศไทยอาจอยู่ที่ประมาณ 10,000 - 25,000 บาท หรือมากกว่า แต่ถ้าเป็นแพ็คเกจ 2 ครั้ง ราคาอาจอยู่ที่ 20,000 - 50,000 บาท หรือมากกว่า
ขอแนะนำให้ติดต่อคลินิกหรือโรงพยาบาลโดยตรงเพื่อสอบถามราคาที่แน่นอน เพราะราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ และควรสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรโมชั่น หรือส่วนลดต่างๆ ด้วย
อย่าลืมตรวจสอบคุณสมบัติของคลินิกและประสบการณ์ของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจเลือกใช้บริการ เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
หลังฉีด Profhilo ต้องดูแลตัวเองอย่างไร
หลังจากฉีด Profhilo แล้ว การดูแลตัวเองอย่างถูกต้องจะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและลดโอกาสเกิดผลข้างเคียง โดยทั่วไปควรปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้
ในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก
- งดแต่งหน้า เพื่อป้องกันการติดเชื้อ ควรหลีกเลี่ยงการแต่งหน้าบริเวณที่ฉีด
- งดใช้เครื่องสำอางที่มีฤทธิ์ระคายเคือง เช่น สครับ หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรด แอลกอฮอล์ หรือน้ำหอม ควรใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่อ่อนโยน
- งดการนวดหรือสัมผัสบริเวณที่ฉีด เพื่อป้องกันการเคลื่อนย้ายของสาร และลดโอกาสเกิดการอักเสบ
- งดการทำทรีทเม้นต์อื่นๆ เช่น เลเซอร์ หรือการผลักวิตามิน ในบริเวณที่ฉีด
- งดการออกกำลังกายหนักๆ และกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมาก เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
- งดแอลกอฮอล์และคาเฟอีน อาจทำให้เกิดอาการบวมได้มากขึ้น
- ดื่มน้ำมากๆ เพื่อช่วยให้ร่างกายขับสารพิษและเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
หลังจาก 48 ชั่วโมง
- ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่อ่อนโยน เลือกใช้ครีมบำรุงผิวที่อ่อนโยน ปราศจากน้ำหอม และไม่ระคายเคือง
- ปกป้องผิวจากแสงแดด ควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป ทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน เพื่อป้องกันผิวจากแสงแดดที่อาจทำให้เกิดการอักเสบ
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสความร้อนสูง เช่น ซาวน่า หรืออบไอน้ำ อาจทำให้เกิดการบวมได้
- ควรติดตามผลการรักษา และปรึกษาแพทย์หากมีอาการผิดปกติ เช่น อาการบวม แดง หรือมีหนอง ที่เกิดขึ้นนานเกิน 2-3 วัน
สิ่งที่ควรระวัง
- อาการบวมและรอยแดง เป็นอาการปกติที่มักจะหายไปเองภายในไม่กี่วัน แต่หากอาการไม่ดีขึ้นหรือรุนแรงขึ้น ควรปรึกษาแพทย์
- การติดเชื้อ ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่ฉีด และรักษาความสะอาด หากพบว่ามีอาการติดเชื้อ ควรไปพบแพทย์ทันที
คำแนะนำเพิ่มเติม ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างเคร่งครัด เพราะคำแนะนำอาจแตกต่างกันไปบ้าง ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและปัจจัยอื่นๆ
เขียนโดย น้องแอม ผู้น่ารัก