เลเซอร์สลายสิว Popsy Clinic
“สิว” ไม่ว่าจะสิวประเภทไหน 90% สิวมักจะเกิดจากต่อมไขมันที่มันผิดปกติ ซึ่งต่อมไขมันนั้นจะอยู่ในรูขุมขนที่มีขนโผล่ขึ้นมา ต่อมจะอยู่ข้าง ๆ ขน และต่อมตรงนั้นแหละที่ทำให้เกิดการเป็นสิวผิดปกติ ถ้าต่อมไขมันของคนเราทำงานปกติ มันก็จะทำหน้าที่สร้างไขมัน เพื่อกักเก็บความชุ่มชื่น แต่ถ้าต่อมมันผลิตไขมันมากเกินไป ผิวหน้าของเราก็จะมัน ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดสิว
ถ้าต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกไปตามปกติก็จะเป็นแค่ผิวมัน แต่ถ้าผลิตมากแล้วออกไม่ได้ก็จะกลายเป็น “สิวอุดตัน”
- สิวหัวดำ สิวหัวดำจะสังเกตุได้ง่ายจากเม็ดสีดำ ที่อยู่บริเวณรูขุมขนของเรา สิวประเภทนี้สามารถรักษาได้ง่าย
- สิวหัวขาว จะมีลักษณะคล้ายผื่น เป็นตุ่มนูนเล็ก ๆ สีขาวไม่มีการอักเสบ แต่ขนาดจะใหญ่กว่าผื่น แต่ว่าสิวหัวขาวสามารถติดเชื้อและอักเสบได้ง่ายหากได้รับแรงกระตุ้นจากการบีบหรือแกะสิว
พนักงานจะทำหน้าที่กดสิว แต่ว่าการกดสิวนั้นเป็นการแก้ปัญหา ณ ตอนนั้น แต่ Popsy Clinic จะรักษาที่สาเหตุต้นตอของการเกิดสิว เมื่อกดสิวแล้วจะต้องทำเลเซอร์สลายสิว วางเข็มให้โดนต่อมไขมันปล่อยพลังงานคลื่นวิทยุความร้อนเลเซอร์สลายสิว ทำแบบนี้ทุกอาทิตย์จะทำให้ต่อมไขมันนั้นฝ่อ ปริมาณของเลเซอร์จะออกมาแค่อยู่ใกล้ๆต่อมไขมันเท่านั้น จะไม่ไปทำลายเนื้อเยื่อรอบๆ ฉะนั้นหลังจากทำไปมันจะมีอาการแดงบวมเล็กน้อยบวกกับการกดสิว แค่ 2 วันก็จะหาย หรือบางคนที่ sensitive อาจจะบวม 3-4 วันได้ พอต่อมไขมันเริ่มฝ่อตัว อาจจะมีสิ่งสกปรกหรือไขมันค้างอยู่ขึ้นมาได้หลังทำไปแล้ว บางคนอาจจะมีสิวขึ้นมาหลังทำ หรือ 2-3 วันไปแล้ว เพราะฉะนั้นหลังทำเลเซอร์สลายสิวควรที่จะทาแป้งน้ำที่มีส่วนประกอบของ ซาลิไซลิก แอสิด จะมีฤทธิ์ทำให้ลดการอักเสบและทำให้สิวนั้นแห้งลงควรทา 1 ครั้งก่อนนอน หรือบางคนหากทาแล้วผิวแห้งก็ควรทาวันเว้นวัน หากไม่ทาบางคนอาจจะมีสิวอักเสบขึ้นมากกว่าเดิม
- วีธีการรักษาสิวของ Popsy clinic เป็นวิธีทางเลือก เหมาะสำหรับคนที่ผ่านมาทุกวิธีแล้วไม่ดีขึ้น ไม่อยากกินยาทายา เพราะการกินยา หรือทายา มันมีผลข้างเคียงคือจะมีอาการปากแห้ง ตาแห้งได้ และในบางคนยาสิวจะมีผลต่อตับได้ ซึ่งเราก็ไม่ทราบว่าคนไข้ที่มารักษากินแล้วจะมีปัญหาหรือไม่ ทางคลินิกเราจึงไม่ใช้วิธีการจ่ายยารักษา และเลเซอร์ของเราก็มีประสิทธิภาพมากพอ
-ในการกินยา ทายา จะมีผลแค่ให้ต่อมไขมันกลับมาทำงานปกติ แต่การเลเซอร์จะทำให้ต่อมไขมันหายไปจากผิวหน้าของเราเลย ฉะนั้นหากคนไข้เป็นสิวมาจากกรรมพันธุ์มาจากพ่อแม่เป็นสิวสเตียรอยจากการใช้ครีมที่มีสารสเตียรอย เป็นถุงน้ำในรังไข่ แบคทีเรียอับชื้น สิวยีส สิวภูมิแพ้อาหารหรือสิวอะไรก็ตาม พนักงานต้องประเมินคนไข้ว่าควรจะลงกี่ครั้ง โดยส่วนใหญ่ผู้ชาย จะทำ 6-7 ครั้ง ก็จะดีขึ้นผู้ชายส่วนมากที่มาทำก็จะหายเร็วกว่าผู้หญิง เพราะผู้หญิงจะมีฮอร์โมน มีประจำเดือน บางคนก็มีถุงน้ำในรังไข่ นักเรียน/นักศึกษา ส่วนใหญ่ผู้หญิงที่มีอายุไม่ถึง 20 ปี ปัญหามาจากความไม่สะอาดความอับชื้น ซึ่งบางทีอาจเกิดจากการล้างหน้าไม่สะอาด หรือไม่มีเวลาดูแลตัวเอง ฉะนั้นผู้หญิงจะต้องทำ 10-12 ครั้ง ทุกครั้งที่คนไข้กลับมาคนไข้จะดีขึ้นประมาณ 20% ถ้าหากดูรูป Befor และ After ทุกๆอาทิตย์แล้วรู้สึกว่ามันแย่ลงแบบชัดเจน ควรนัดคนไข้มาพบหมอ