5 วิธีขอสินเชื่อให้ผ่าน หมดกังวลเรื่องการขอสินเชื่อ
ในภาวะที่คุณประสบปัญหาทางการเงิน หรือภาวะการเงินขาดสภาพคล่อง ไม่ว่าจะเป็นด้วยสภาพของเศรษฐกิจ หรือภาวะค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็วก็ตาม การขอสินเชื่ออาจช่วยให้คุณผ่านพ้นปัญหาเหล่านี้ไปได้ด้วยดี หรือในกรณีที่คุณจำเป็นจะต้องใช้เงินก้อนเพื่อลงทุนทำธุรกิจ และขยายธุรกิจให้เติบโตขึ้น คุณก็สามารถเลือกขอสินเชื่อกับสถาบันการเงินที่น่าเชื่อถือ เพื่อให้โอกาสในการทำธุรกิจของคุณเติบโตไปได้
ดังนั้นวันนี้เราจะมาบอกทริคดีๆ ในการขอสินเชื่อให้ผ่านฉลุย กับ 5 วิธีขอสินเชื่อให้ผ่าน ไม่ว่าคุณจะเป็นพนักงานเงินเดือน ทำงานอิสระ หรือเจ้าของธุรกิจ ก็มีโอกาสได้รับการอนุมัติสินเชื่อทั้งนั้น เราจะมาให้ข้อมูลเพื่อที่คุณจะได้เข้าใจในเรื่องการขอสินเชื่อให้มากขึ้น
สินเชื่อ
สินเชื่อส่วนบุคคล หรือสินเชื่อ คือ การขอกู้เงินจำนวนหนึ่งจากสถาบันการเงินที่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งสถาบันการเงินจะเป็นผู้พิจารณาให้วงเงินกู้ และกำหนดเงื่อนไขอัตราดอกเบี้ยในการชำระหนี้ภายใต้ข้อกฎหมายกำหนด โดยสินเชื่อส่วนบุคคลจะแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่
- บัตรเครดิต สินเชื่อระยะสั้นที่ทุกคนนำมาจับจ่ายใช้สอย หรือผ่อนสินค้าต่างๆ
- บัตรกดเงินสด สินเชื่อที่ทุกคนสามารถถอนเงินสดออกมาหมุนเวียน เพื่อให้สภาพคล่องทางการเงินเพิ่มขึ้น
- สินเชื่อส่วนบุคคลประเภทต่างๆ อาจเป็นสินเชื่อก้อนใหญ่ที่ต้องใช้ระยะเวลาผ่อนนานขึ้น อย่างเช่น สินเชื่อรถ สินเชื่อบ้าน หรือสินเชื่อเพื่อการทำธุรกิจ เป็นต้น
เหตุผลในการขอสินเชื่อ
การขอสินเชื่ออาจเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่มาช่วยให้ปัญหาทางด้านการเงินของคุณผ่านไปได้ด้วยดี หากคุณมีความจำเป็นด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ การยื่นขอสินเชื่อ และได้รับเงินมาสักก้อนอาจทำให้ปัญหาต่างๆ เหล่านี้ผ่านไปได้ด้วยดี
1. เพื่อเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน
บางคนอาจประสบปัญหาสภาพคล่องทางการเงินเนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจ หรือค่าครองชีพที่แพงขึ้น อาจทำให้กระทบกับสภาพคล่องภายในครอบครัวสักระยะหนึ่ง ก็สามารถทำการขอสินเชื่อเพื่อนำเงินมาหมุนเวียนสร้างสภาพคล่องก่อนก็ได้
2. ต้องการเงินไปหมุนเวียนในธุรกิจ
หากธุรกิจประสบปัญหาขาดสภาพคล่อง ต้องการเงินสดมาหมุนเวียน หรือต้องการนำเงินมาขยายธุรกิจให้เติบโตขึ้น คุณสามารถเลือกยื่นขอสินเชื่อเพื่อมาช่วยให้ธุรกิจของคุณได้
3. ต้องการใช้เงินแบบฉุกเฉินในการรักษาพยาบาล
อีกหนึ่งเหตุผลที่คนตัดสินใจเลือกขอสินเชื่อคือ เรื่องของค่ารักษาพยาบาลเนื่องด้วยบางครั้งการเจ็บป่วย หรืออุบัติเหตุ เป็นเรื่องที่มักเกิดขึ้นโดยไม่คาดฝัน อีกทั้งในปัจจุบันค่ารักษาพยาบาลมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง จึงอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ต้องใช้เงินด่วน
4. ต่อเติมบ้าน หรือที่อยู่อาศัย
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการต่อเติมที่อยู่อาศัย หรือซ่อมแซมบ้านจำเป็นต้องใช้เงินก้อนจำนวนเยอะอยู่พอสมควร บางคนพอผ่อนบ้านหมดแล้วก็ตัดสินใจจะต่อเติม คนส่วนมากจึงมักขอสินเชื่อเพื่อนำเงินมาปรับปรุงที่อยู่อาศัย
5. เพิ่มโอกาสทางการศึกษา
ค่าใช้จ่ายในเรื่องของค่าเรียนบางครั้งก็ต้องใช้เงินพอสมควร เพราะว่าเมื่อเรียนสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ค่าใช้จ่ายก็จะเพิ่มขึ้น และเพื่อไม่เป็นการปิดโอกาสทางการศึกษาของลูกคุณ การขอสินเชื่ออาจเป็นทางแก้ปัญหาที่ช่วยคุณได้
6. นำเงินไปชำระหนี้สิน
สำหรับคนที่อยากรวมหนี้สินให้เป็นก้อนเดียว เพื่อลดปัญหาเรื่องอัตราดอกเบี้ย และภาระก็มักจะขอสินเชื่อเพื่อนำไปปิดหนี้สินที่ค้างชำระต่างๆ และเหลือเพียงแค่สินเชื่อเดียวให้ผ่อนชำระ
5 วิธีขอสินเชื่อให้ผ่าน
สำหรับใครที่มีความประสงค์จะขอสินเชื่อกับทางธนาคารในอนาคต นี่คือสิ่งที่คุณควรรู้กับ 5 วิธีขอสินเชื่อให้ผ่านฉลุย
1. เตรียมเอกสารให้พร้อม
วิธีขอสินเชื่อให้ผ่านสิ่งที่สำคัญมากๆ คือการเตรียมเอกสารให้พร้อม เพราะหลักๆ ธนาคารจะพิจารณาการขอสินเชื่อจากเอกสารที่คุณแสดงต่อธนาคาร โดยคุณจะต้องยื่นเอกสารให้ตรงตามความเป็นจริง กับรายได้ และงานที่คุณทำ ซึ่งประเภทเอกสารที่ธนาคารจะพิจารณาก็ได้แก่
- เอกสารประจำตัว เช่น สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือสำเนาทะเบียนบ้าน เป็นต้น เพื่อเป็นการยืนยันตัวตนของคุณกับธนาคาร
- เอกสารเกี่ยวกับรายได้ เช่น สลิปเงินเดือน หรือสเตทเม้นต์ย้อนหลัง เป็นต้น เพื่อแสดงให้ธนาคารเห็นว่าคุณมีแหล่งรายได้ประจำที่เชื่อถือได้ และมีความสามารถในการชำระหนี้
- เอกสารอื่นๆ เช่น สัญญาซื้อ ขาย หรือสำเนาโฉนดที่ดิน เป็นต้น ซึ่งเอกสารเหล่านี้จะเป็นเอกสารที่ทางธนาคารขอเพิ่มเติมต่างหาก จากผู้ขอสินเชื่อ อาจจะใช้เพื่อยืนยันว่าความน่าเชื่อถือของผู้ขอสินเชื่อ หรือยืนยันว่ามีความสามารถในการชำระหนี้ได้จริง เป็นต้น
2. ไม่ควรขอสินเชื่อถี่เกินไป
อีกหนึ่งวิธีขอสินเชื่อให้ผ่านที่คุณไม่ควรทำคือ การขอสินเชื่อกับทางธนาคารที่บ่อยเกินไป เพราะว่าธนาคารอาจจะมองว่าคุณไม่มีสภาพคล่องทางการเงิน หรือร้อนเงิน ซึ่งทำให้คุณจำเป็นต้องขอสินเชื่อถี่เกินไปเพื่อนำเงินมาหมุนเวียน และใช้จ่าย โดยความถี่ในขอสินเชื่อไม่ควรเกินเดือนละหนึ่งครั้ง
ถ้าหากคุณมีการขอสินเชื่อไปแล้วก่อนหน้า และไม่ได้รับการอนุมัติ คุณไม่ควรยื่นขอซ้ำๆ ไปอีก หากคุณถูกปฏิเสธในการอนุมัติสินเชื่อให้คุณเว้นช่วงเวลาไปอย่างน้อย 6 เดือน แล้วค่อยทำการขอยื่นสินเชื่อใหม่
3. ควรมีรายได้ตามข้อกำหนด
แน่นอนว่าวิธีขอสินเชื่อให้ผ่านคุณจะต้องมีรายได้ตรงตามที่ธนาคารกำหนด ซึ่งพนักงานเงินเดือนควรจะมีเงินเดือนขั้นต่ำอย่างน้อย 15,000 บาทต่อเดือน โดยธนาคารจะดูจากรายได้ที่เป็นฐานเงินเดือนของคุณเป็นหลัก และธนาคารก็อาจจะพิจารณาวงเงินเพิ่มเติม ในกรณีที่คุณมีรายได้พิเศษ อย่างเช่น ค่าโอที โบนัส หรือค่าคอมมิสชั่น เป็นต้น
4. มีความรับผิดชอบในการชำระหนี้
การชำระหนี้ให้ตรงตามกำหนดก็เป็นอีกหนึ่งวิธีขอสินเชื่อที่ช่วยให้คุณขอสินเชื่อได้ง่ายขึ้น โดยธนาคารจะตรวจสอบประวัติการชำระเงินของคุณผ่านเครดิตบูโร หรือศูนย์ข้อมูลเครดิตแห่งชาติว่าคุณมีประวัติการชำระเงินให้กับสินเชื่อที่ผ่านมา ตรงตามกำหนดไหม หากคุณไม่มีปัญหาในเรื่องการผิดนัดชำระหนี้โอกาสที่การขอสินเชื่อของคุณจะได้รับการอนุมัติก็ไม่ใช่เรื่องยาก
5. เลือกสินเชื่อให้เหมาะกับธุรกิจคุณ
สินเชื่อแต่ละแบบจะมีข้อกำหนดเรื่องอัตราดอกเบี้ย เงื่อนไขในการสมัคร และเงื่อนไขการพิจารณาที่ต่างกัน วิธีขอสินเชื่อให้ผ่านคือคุณต้องเลือกสินเชื่อที่เหมาะกับวัตถุประสงค์ในการขอสินเชื่อ อย่างเช่น ต้องการเงินสดหมุนเวียน หรือสร้างสภาพคล่องทางการเงิน เป็นต้น และวงเงินที่คุณต้องการประมาณเท่าไหร่ ต้องการผ่อนระยะสั้น หรือระยะยาว
นอกจากนี้คุณต้องประเมินตัวเองไว้คร่าวๆ ด้วย อย่างเช่น ความสามารถที่คุณจะชำระหนี้ได้ในแต่ละเดือน ภาระหนี้สินต่างๆ หากคุณเลือกขอสินเชื่อที่เหมาะสมกับตัวคุณ และธุรกิจของคุณ โอกาสที่จะได้รับอนุมัติก็มีมากขึ้น และอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญคือ ไม่ควรขอสินเชื่อจนเกินความจำเป็น เพราะจะทำให้ต้องรับภาระในเรื่องของดอกเบี้ยมากขึ้น
เกณฑ์ในการพิจารณาสินเชื่อ
สำหรับหลักเกณฑ์ในการพิจารณาสินเชื่อ สถาบันการเงินส่วนใหญ่จะใช้เกณฑ์ในการพิจารณาที่เรียกกันว่า 5 Cs ซึ่งได้แก่
- Character บุคลิกลักษณะ และความตั้งใจของผู้กู้ ซึ่งตรงนี้ธนาคารจะตรวจสอบความน่าเชื่อถือของผู้กู้ว่า ผู้กู้ทำงานด้านไหน ตำแหน่งอะไร และมีวินัยในการชำระหนี้มากน้อยเพียงใด
- Capacity ความสามารถในการชำระหนี้ ซึ่งธนาคารจะดูจากรายได้ และความมั่นคงของรายได้ หลังจากนั้นจะประเมินว่าผู้กู้มีความสามารถชำระหนี้ได้เท่าไหร่ และมีระยะเวลาเท่าไหร่
- Capital เงินทุน หลักทรัพย์ หรือเงินฝากของผู้กู้ ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นแหล่งเงินทุนสำรองของผู้กู้เพื่อแสดงถึงสภาพคล่องของผู้กู้ว่ามากน้อยเพียงใด หากผู้กู้ไม่สามารถมีรายได้เข้ามาชำระหนี้ได้ก็สามารถนำเงินทุน สินทรัพย์ หรือเงินฝากมาชำระหนี้แทนได้
- Collateral หลักค้ำประกัน หากในกรณีที่ต้องมีผู้ค้ำประกัน หรือใช้สินทรัพย์ในการค้ำประกัน ธนาคารก็จะพิจารณาตรงนี้เพื่อป้องกันหนี้สูญในกรณีที่ผู้กู้ไม่สามารถชำระหนี้ได้
- Conditions สภาวการณ์ และสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ ธนาคารจะทำการพิจารณาในเรื่องของสภาวะเศรษฐกิจ และการเงินของธุรกิจที่ผู้กู้ทำงานอยู่ด้วย เพื่อมองแนวโน้มว่าจะมีความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้มากน้อยเพียงใด
เอกสารที่ต้องใช้ในการขอสินเชื่อ
เอกสารในการขอสินเชื่อเป็นสิ่งที่คุณจะต้องเตรียมเพื่อแสดงให้กับสถาบันการเงินพิจารณา ซึ่งเป็นหนึ่งปัจจัยสำคัญของวิธีขอสินเชื่อให้ผ่าน ซึ่งเอกสารที่ต้องใช้จะแบ่งออกเป็น 3 ประเภทดังต่อไปนี้
เอกสารประจำตัว
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือสำเนาบัตรข้าราชการ/รัฐวิสาหกิจ
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- สำเนาทะเบียนสมรส ทะเบียนหย่า หรือใบมรณบัตร
- สำเนาหลักฐานการเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล (ถ้ามี)
- กรณีนิติบุคคล อาจใช้สำเนาทะเบียนการค้า หนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล
เอกสารเกี่ยวกับรายได้
- สำหรับผู้ที่มีรายได้ประจำ (พนักงานเงินเดือน)
- ใบรับรองเงินเดือน หรือหลักฐานการรับ/จ่ายเงินเดือนจากนายจ้าง (สลิปเงินเดือน)
- สมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร
- สำหรับผู้มีอาชีพอิสระ
- กรณีเป็นสัญญาจ้าง อาจใช้สำเนาสัญญาว่าจ้างและหลักฐานการจ่ายเงินค่าจ้าง
- กรณีเป็นแพทย์ ทนายความ ผู้สอบบัญชี วิศวกร สถาปนิก ควรแสดงใบอนุญาตประกอบวิชาชีพด้วย
- บัญชีเงินฝาก พร้อมใบแจ้งยอดบัญชี หรือสเตทเมนต์ (statement) ของบัญชีเงินฝากของตนเองหรือของกิจการย้อนหลังอย่างน้อย 6 เดือน
- หลักฐานรายได้หรือทรัพย์สินอื่นๆ เช่น ใบหุ้น พันธบัตรรัฐบาล บัญชีเงินฝากธนาคาร
- สำหรับเจ้าของธุรกิจ หรือผู้ประกอบการ (นิติบุคคล)
- สำเนางบการเงินปีล่าสุด และย้อนหลังไม่น้อยกว่า 3 ปี
- สำเนาแสดงรายการภาษีเงินได้ประจำปี
- สำเนาเอกสารสิทธิในทรัพย์สินที่เสนอเป็นหลักประกัน
- แผนที่แสดงที่ตั้งสถานประกอบการ
เอกสารอื่น ๆ
- สำเนาสัญญาจะซื้อจะขาย หรือสัญญามัดจำ
- สำเนาโฉนดที่ดิน หรือสำเนาหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์
- สัญญากู้เงิน และสัญญาจำนองจากสถาบันการเงินเดิม
- ในกรณีมีผู้กู้ร่วม จะต้องมีหลักฐานประจำตัว และหลักฐานรายได้ของผู้กู้ร่วม
- ในกรณีที่ขอสินเชื่อเพื่อธุรกิจ สิ่งที่จำเป็นคือแผนธุรกิจ เช่น แผนธุรกิจของ SMEs แผนโครงการที่ต้องการดำเนินการ
ขั้นตอนในการอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงิน
เมื่อคุณเตรียมตัวพร้อมแล้วสำหรับการขอสินเชื่อ นี่คือขั้นตอนในการอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงินที่คุณควรรู้
- รวบรวมเอกสาร และข้อมูลการสมัครสินเชื่อของผู้กู้ ซึ่งตรงนี้ธนาคารอาจจะมีช่องทางในการสมัครทั้งทางออนไลน์ หรือเอกสารทางไปรษณีย์ก็ได้
- วิเคราะห์ และนำเสนอคำขอสินเชื่อพร้อมเอกสารประกอบเพื่อพิจารณา ธนาคารจะทำการตรวจสอบเอกสาร และข้อมูลที่ได้รับมาแล้วทำการพิจารณาสินเชื่อว่าสามารถให้สินเชื่อตามที่ผู้กู้ยื่นขอได้ไหม
- แจ้งผลการพิจารณาการอนุมัติสินเชื่อ เมื่อธนาคารพิจารณาสินเชื่อได้แล้ว ธนาคารก็จะแจ้งผลการพิจารณานั้นให้กับผู้กู้ซึ่งอาจจะแจ้งผลทางโทรศัพท์ หรือ SMS ก็ได้
- ทำสัญญากู้เงิน และสัญญาจดจำนอง หากผู้กู้พึงพอใจกับผลการขอสินเชื่อก็สามารถติดต่อนัดหมายกับทางธนาคารเพื่อทำสัญญาเงินกู้ได้ เท่านี้ก็ถือว่าการกู้เงินเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ก่อนยื่นขอสินเชื่อ ต้องรู้อะไรบ้าง?
ถ้าคุณตัดสินใจที่จะยื่นขอสินเชื่อแล้ว คุณคงไม่อยากพลาดโอกาสที่จะได้รับการอนุมัติสินเชื่อ ดังนั้นสิ่งที่คุณควรรู้ก่อนยื่นสินเชื่อ และเตรียมความพร้อมก่อนยื่นสินเชื่อมีดังต่อไปนี้
- เดินรายการบัญชี หรือสเตทเม้นต์อย่างสม่ำเสมอ
- ประเมินความสามารถในการผ่อน หรือชำระหนี้ของตนในแต่ละเดือน
- ถ้าเป็นไปได้คุณควรตรวจสอบเครดิตบูโรของตัวเอง เตรียมไว้ด้วย
- องค์กร หรือบริษัทที่ทำงานปัจจุบันควรทำงานอย่างน้อย 6 เดือนขึ้นไปก่อนขอสินเชื่อ ไม่รวมระยะเวลาทดลองงาน
- ประสบการณ์ และระยะเวลาในการทำธุรกิจ อาจสร้างความน่าเชื่อถือให้กับคุณได้
หากขอสินเชื่อไม่ผ่าน ควรทำอย่างไร
หากว่าการขอสินเชื่อของคุณไม่ได้รับการอนุมัติ คุณก็ไม่ต้องตกใจไป คุณมีโอกาสที่จะยื่นขอสินเชื่อได้อีกครั้ง และนี่คือคำแนะนำว่าคุณควรทำอย่างไร เมื่อสินเชื่อไม่ผ่าน
- สอบถามเหตุผลของธนาคารว่าที่ปฏิเสธสินเชื่อเนื่องจากสาเหตุอะไร เพื่อที่หากเราจะยื่นสินเชื่ออีกครั้งจะได้แก้ไข ข้อบกพร่องนั้น
- สร้างความน่าเชื่อถือ ของเครดิตให้ดีว่าเดิม อย่างเช่น ชำระหนี้ต่างๆ ให้ตรงตามกำหนด อย่าให้ติดเครดิตบูโรก็จะช่วยเพิ่มคะแนนเครดิตได้ หรือเดินบัญชีให้สม่ำเสมอดูมีความน่าเชื่อถือ
- ชำระหนี้ส่วนอื่น ให้หนี้เหลือน้อยลง บางครั้งธนาคารอาจมองว่าคุณมีหนี้เยอะเกินไป การสร้างหนี้ใหม่ อาจทำให้คุณเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้ได้ ถ้าหากคุณปิดหนี้บางส่วน คุณอาจมีโอกาสในการกู้เพิ่มขึ้น
- หารายได้ ลดรายจ่าย หากคุณมีรายได้เพิ่มขึ้นก็ช่วยให้ธนาคารมองว่าคุณมีศักยภาพในการชำระหนี้ได้มากขึ้น หากคุณมีรายได้ที่มากขึ้น และรายจ่ายหรือหนี้สินที่น้อยลง คุณก็จะมีโอกาสในการขอสินเชื่อผ่านมากขึ้น
- เว้นระยะในการขอสินเชื่อใหม่อีกครั้งอย่างน้อย 6 เดือน หลังการถูกปฏิเสธ
- ศึกษาข้อมูล และเงื่อนไขให้ดีก่อนการกู้ยืม บางครั้งคุณอาจเลือกยื่นขอสินเชื่อบางประเภทที่ไม่เหมาะสมกับคุณ ดังนั้นการศึกษาผลิตภัณฑ์เงินกู้ให้ดีก่อนตัดสินใจยื่นกู้ก็สามารถช่วยให้คุณมีโอกาสในการกู้ได้
- เตรียมตัวให้พร้อมก่อนการสมัครครั้งต่อไป ทั้งเรื่องเอกสารที่ต้องเตรียม หรือหลักค้ำประกันที่จะใช้ยื่น
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับวิธีขอสินเชื่อ
บางคนอาจมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับการขอสินเชื่อ และคำถามดังต่อไปนี้เป็นคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับวิธีขอสินเชื่อให้ผ่าน
โดยปกติแล้ว สถาบันการเงินอนุมัติสินเชื่อกี่วัน?
ระยะเวลาในการอนุมัติสินเชื่อจะอยู่ที่ข้อกำหนด และเงื่อนไขของสถาบันการเงินที่คุณขอยื่นกู้ ซึ่งโดยปกติแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 3 - 5 วัน
ขอสินเชื่อ 2 ที่ได้ไหม?
สามารถทำได้ คุณก็แค่เตรียมเอกสารทั้งหมด 2 ชุดเพื่อใช้ยื่นสมัครสินเชื่อทั้ง 2 ที่
Simple loan เชื่อถือได้ไหม?
Simple loan คือการขอสินเชื่อแบบธรรมดา ซึ่งสามารถเชื่อถือได้ หากคุณเลือกสมัครกับสถาบันการเงินที่ถูกต้องตามกฎหมาย และได้รับความน่าเชื่อถือที่เพียงพอ
ข้อสรุป
วิธีขอสินเชื่อให้ผ่านนั้นไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใด หากคุณเตรียมความพร้อมในเรื่องเอกสาร และเตรียมตัวมาอย่างดีโอกาสที่จะได้รับการอนุมัติก็มีมากขึ้น สำหรับคนที่จะสมัครสินเชื่อเราขอแนะนำให้สมัครสินเชื่อ KTC(KTC CASH)สินเชื่อส่วนบุคคลอเนกประสงค์ อนุมัติง่าย อนุมัติไว ผ่อนสบาย วงเงินอนุมัติสินเชื่อสูงสุด 5 เท่าของรายได้ ให้การใช้จ่ายของคุณคล่องตัวมากขึ้น หากสนใจสามารถสมัครทางออนไลน์ได้เลย