ผ่อนรถยังไม่หมดและอยากให้ดอกเบี้ยถูกลง การรีไฟแนนซ์รถช่วยคุณได้
คงไม่มีใครเคยคิดว่าในอนาคตจะเกิดปัญหาด้านการเงินขึ้นอย่างกะทันหัน และไม่สามารถแบ่งรับค่าใช้จ่ายเท่าเดิมไหว แต่รถก็ผ่อนมาได้หลายปีแล้ว จะปล่อยขายดาวน์หรือปล่อยคืนให้ไฟแนนซ์ก็หนักใจ เพราะยังจำเป็นต้องใช้รถยนต์ในชีวิตประจำวันอยู่
โดยในสถานการณ์ที่น่ากลุ้มใจนี้สามารถแก้ไขได้ด้วยการรีไฟแนนซ์รถยนต์ที่กำลังผ่อนอยู่ ซึ่งการรีไฟแนนซ์รถจะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายต่อเดือนของคุณได้ไม่น้อยเลย และจะทำให้การเงินของคุณมีสภาพคล่องมากขึ้น ดังนั้นถ้าหากใครที่กำลังเผชิญกับสถานการณ์ดังกล่าว ก็ต้องอ่านที่บทความนี้เลย เพราะเราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับการรีไฟแนนซ์รถว่าคืออะไร เหมาะกับใคร และหากต้องการรีไฟแนนซ์รถควรรู้อะไรบ้าง
รีไฟแนนซ์รถ คืออะไร
รีไฟแนนซ์รถ คือการย้ายสินเชื่อรถยนต์จากสถาบันการเงินหนึ่งไปยังอีกสถาบันการเงิน โดยการยื่นขอรีไฟแนนซ์รถกับทางธนาคารหรือสถาบันการเงินที่ใหม่ ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าธนาคารเดิมที่ผ่อนอยู่ เพื่อเป็นการปลดภาระหนี้รถยนต์จากธนาคารเดิม มาเริ่มต้นภาระหนี้รถยนต์กับธนาคารใหม่ที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า และยังอาจมียอดผ่อนชำระรายเดือนน้อยลงอีกด้วย
รีไฟแนนซ์รถ กับ สินเชื่อรถแลกเงิน ต่างกันไหม
การรีไฟแนนซ์รถยนต์และสินเชื่อรถแลกเงินถึงแม้จะมองเพียงผ่าน ๆ แล้วดูคล้ายกัน จนอาจทำให้ใครหลายคนเคยเข้าใจผิดหรือสับสนกันไปบ้าง ซึ่งความจริงแล้วการรีไฟแนนซ์รถยนต์และสินเชื่อรถแลกเงินนั้นต่างกันมากทีเดียว เพื่อไขข้อสงสัยในหัวข้อนี้เราจึงจะมาอธิบายให้ได้รู้กัน
การรีไฟแนนซ์รถ คือการนำรถยนต์ที่ยังไม่ปลดภาระหนี้สินหรือยังผ่อนไม่หมด ย้ายภาระหนี้สินจากธนาคารเดิมไปยังธนาคารใหม่ที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายรายเดือนลง ให้สภาพการเงินคล่องตัวยิ่งขึ้น เนื่องจากมีดอกเบี้ยน้อยลง และยังอาจมีการปรับยอดชำระหนี้ต่อเดือนลดลงอีกด้วย
ส่วนสินเชื่อรถแลกเงิน คือการนำรถยนต์ที่ปลอดภาระหนี้สินหรือผ่อนหมดแล้ว มาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันกับทางธนาคารหรือสถาบันการเงินที่ไปยื่นขอสินเชื่อ เพื่อให้ได้เงินก้อนมาไว้ใช้จ่ายตามต้องการ โดยจะต้องผ่อนชำระหนี้กับทางธนาคารหรือสถาบันการเงินนั้นในทุกเดือนจนกว่าจะหมดภาระหนี้สิน
รีไฟแนนซ์รถเหมาะกับใครบ้าง
- เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผ่อนชำระหนี้รถในอัตราดอกเบี้ยที่ถูกลง เนื่องจากการรีไฟแนนซ์รถจะเป็นการย้ายภาระหนี้สินไปยังธนาคารใหม่ที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าธนาคารเดิม
- เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดภาระค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน เพราะนอกจากการรีไฟแนนซ์รถจะทำให้จ่ายดอกเบี้ยถูกลงแล้ว ยังทำให้ยอดผ่อนชำระหนี้ต่อเดือนลดน้อยลงอีกด้วย เนื่องจากทางธนาคารใหม่จะคำนวณยอดผ่อนชำระรายเดือนจากหนี้สินคงค้าง ซึ่งคุณได้มีการชำระหนี้รถกับทางธนาคารเดิมมาแล้วส่วนหนึ่ง จึงทำให้ยอดหนี้สินไม่ได้สูงเท่ากับตอนที่เริ่มผ่อนรถครั้งแรก
- เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปลดภาระหนี้รถให้หมดไว ๆ เนื่องจากการรีไฟแนนซ์ทำให้ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายแต่ละเดือนน้อยลง แต่หากเลือกที่จะผ่อนชำระหนี้ต่อเดือนด้วยจำนวนเงินเท่ากับตอนผ่อนที่ธนาคารเดิม ก็จะทำให้เงินต้นหมดเร็วขึ้น
ค่าใช้จ่ายสำหรับรีไฟแนนซ์รถ
สำหรับค่าใช้จ่ายสำหรับการรีไฟแนนซ์รถนั้นจะมีอยู่ 3 อย่างหลัก ๆ ด้วยกัน คือ ค่าธรรมเนียมการกู้เงิน ค่าประเมินหลักประกัน และค่าปิดบัญชีสินเชื่อธนาคารเดิม แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับโปรโมชันของธนาคารใหม่ที่ขอรีไฟแนนซ์รถด้วยเช่นกัน เพราะว่าบางธนาคารก็อาจมีโปรโมชันที่ฟรีค่าธรรมเนียม เป็นต้น
1. ค่าธรรมเนียมการกู้เงิน
ค่าธรรมเนียมการกู้เงินนั้นทางธนาคารหรือสถาบันการเงินแห่งใหม่จะเก็บหลังจากที่ผ่านการอนุมัติรีไฟแนนซ์รถ โดยจะหักออกจากวงเงินก่อนที่จะโอนเงินก้อนให้คุณ
2. ค่าประเมินหลักประกัน
สำหรับค่าประเมินหลักประกันจากการรีไฟแนนซ์รถนั้น จะเป็นค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นเมื่อทางธนาคารส่งเจ้าหน้าที่มาประเมินหลักประกันหรือประเมินรถยนต์ที่ขอรีไฟแนนซ์รถนั่นเอง เพื่อใช้ประกอบกับการกำหนดวงเงิน
3. ค่าปิดบัญชีสินเชื่อธนาคารเดิม
ในส่วนของค่าปิดบัญชีสินเชื่อธนาคารเดิมนั้นทางธนาคารใหม่ที่รีไฟแนนซ์รถจะเป็นผู้จ่ายให้กับทางธนาคารเดิม โดยธนาคารใหม่จะหักค่าใช้จ่ายในส่วนนี้จากวงเงินกู้ของคุณ
อยากรีไฟแนนซ์รถ ต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้าง
- ผู้ขอรีไฟแนนซ์รถจะต้องมีอายุตั้งแต่ 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป และมีอายุไม่เกิน 65 ปีบริบูรณ์
- ผู้ขอรีไฟแนนซ์รถจะต้องมีสัญชาติไทย
- ต้องเป็นเจ้าของรถเท่านั้นถึงจะสามารถขอรีไฟแนนซ์ได้
ขั้นตอนการรีไฟแนนซ์รถ
1. ตรวจสอบโปรโมชันการรีไฟแนนซ์
หากต้องการให้การรีไฟแนนซ์รถทำให้คุณได้รับประโยชน์สูงที่สุด จึงควรตรวจสอบและหาโปรโมชันการรีไฟแนนซ์ของธนาคารหรือสถาบันการเงินหลาย ๆ แห่ง เพื่อหาธนาคารที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำหรือมีเงื่อนไขตรงกับความต้องการของคุณมากที่สุด
แต่ถ้าไม่อยากเสียเวลาไปกับการไล่ตรวจสอบโปรโมชันทีละธนาคาร ก็เข้าไปใช้บริการค้นหาโปรโมชันรีไฟแนนซ์รถที่ Refinn ได้เลย เพราะนอกจากจะได้รวบรวมโปรโมชันรีไฟแนนซ์รถจากสถาบันการเงินชั้นนำไว้แล้ว ยังสามารถขอรีไฟแนนซ์รถผ่านทาง Refinn และติดตามผลอนุมัติผ่านทางออนไลน์ได้อีกด้วย
2. เตรียมเอกสารที่จำเป็น
สำหรับเอกสารที่จำเป็นสำหรับการรีไฟแนนซ์รถยนต์นั้นอาจมีความแตกต่างกันไปตามเงื่อนไขของธนาคารหรือสถาบันการเงินนั้น ๆ แต่โดยทั่วไปแล้วเอกสารที่จะต้องใช้ในการรีไฟแนนซ์รถจะได้แก่ สำเนาบัตรประชาชน, สำเนาทะเบียนรถที่ขอรีไฟแนนซ์, หนังสือรับรองเงินเดือน และสำเนาเดินบัญชีธนาคารย้อนหลัง
3. ติดต่อธนาคารใหม่เพื่อขอรีไฟแนนซ์รถ
หลังจากที่ได้เลือกธนาคารใหม่ที่ต้องการขอรีไฟแนนซ์รถและเตรียมเอกสารครบถ้วนแล้ว ก็เข้าไปติดต่อกับทางธนาคารใหม่และยื่นเอกสารเพื่อขอรีไฟแนนซ์รถได้เลย
4. ติดต่อธนาคารเดิมเพื่อปิดบัญชี
เมื่อได้รับอนุมัติรีไฟแนนซ์รถจากธนาคารใหม่แล้ว ก็สามารถเข้าไปติดต่อกับทางธนาคารเดิมเพื่อขอปิดบัญชีและรับเล่มทะเบียนรถกลับคืนมาเพื่อส่งมอบต่อให้กับทางธนาคารใหม่ได้เลย ซึ่งหลังจากที่นำเล่มทะเบียนรถให้กับทางธนาคารใหม่แล้ว ก็เป็นอันเสร็จสิ้นขั้นตอนรีไฟแนนซ์รถ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับรีไฟแนนซ์รถ
วงเงินสูงสุดของรีไฟแนนซ์รถคือเท่าไร?
วงเงินสูงสุดของการรีไฟแนนซ์รถที่ทางธนาคารหรือสถาบันการเงินแห่งใหม่จะอนุมัติให้ได้นั้นจะไม่เกินมูลค่าของหลักประกันหรือรถยนต์ที่ได้ประเมินเอาไว้
สามารถทำรีไฟแนนซ์รถหลาย ๆ คัน พร้อมกันได้หรือไม่?
การขอรีไฟแนนซ์รถนั้นสามารถที่จะขอรีไฟแนนซ์รถพร้อมกันหลาย ๆ คันได้
มีประวัติเสียกับทางธนาคาร รีไฟแนนซ์รถได้ไหม?
ถ้าหากคุณมีประวัติเสียกับทางธนาคาร เช่น การค้างชำระ หรือการชำระหนี้ล่าช้ามากกว่า 90-120 วัน ก็จะส่งผลต่อการพิจารณารีไฟแนนซ์รถได้ จึงควรที่จะรักษาประวัติให้กลับมาเป็นปกติต่อเนื่องประมาณ 1-3 ปีเสียก่อน เพื่อที่จะสามารถผ่านการพิจารณาขอรีไฟแนนซ์รถได้โดยง่าย
รีไฟแนนซ์รถรับรถประเภทใดบ้าง?
การรีไฟแนนซ์รถนั้นไม่ว่าคุณจะมีรถประเภทใดก็สามารถทำการรีไฟแนนซ์รถได้ ไม่ว่าจะเป็นรถเก๋ง, รถกระบะ, รถตู้, รถบรรทุก, รถที่มีการปรับแต่ง, รถมอเตอร์ไซค์ หรือ Big Bike แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละธนาคารด้วยเช่นกัน
สรุปเรื่องรีไฟแนนซ์รถ
การรีไฟแนนซ์รถนั้นมีประโยชน์มากเลยทีเดียว เพราะนอกจากจะทำให้ภาระทางการเงินของคุณเบาลงแล้ว ยังช่วยให้คุณประหยัดเงินบางส่วนจากการจ่ายดอกเบี้ยได้อีกด้วย หรือถ้าหากต้องการปลดภาระหนี้สินเร็ว ๆ การรีไฟแนนซ์รถก็สามารถช่วยได้เช่นกัน