คอนเทนต์ (Content) คืออะไร จำเป็นขนาดไหนสำหรับธุรกิจออนไลน์
ไม่ว่าใครก็คงเคยได้เห็นคอนเทนต์หลากหลายรูปแบบบนสื่อออนไลน์กันอยู่บ่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นคอนเท้นเพื่อความบันเทิง คอนเทนต์ให้ความรู้ หรือแม้แต่คอนเทนต์เพื่อการขายสินค้าและบริการต่าง ๆ ซึ่งอาจมาทั้งในรูปแบบของวิดีโอ รูปภาพ เสียง รวมไปถึงข้อความหรือบทความ
โดยคอนเทนต์ต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนสำคัญและจำเป็นอย่างมากเลยทีเดียวสำหรับธุรกิจออนไลน์ เนื่องจากคอนเทนต์คือสิ่งที่จะช่วยให้ใครหลาย ๆ คนรู้จักแบรนด์มากขึ้น ช่วยเพิ่มยอดขายสินค้าหรือบริการ ทั้งยังช่วยให้ธุรกิจของคุณมีการเติบโตขึ้นอีกด้วย
ดังนั้นเพื่อให้ใครหลายคนที่อยากจะเริ่มต้นธุรกิจออนไลน์หรือต้องการเพิ่มยอดขายได้มากขึ้น ในบทความนี้เราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักว่า Content คืออะไร มีความสำคัญอย่างไรบ้าง มีรูปแบบหรือเทคนิคการสร้างคอนเทนต์อย่างไรให้ปัง รวมไปถึงข้อสงสัยต่าง ๆ เกี่ยวกับการสร้างคอนเทนต์
คอนเทนต์ คืออะไร
คอนเทนต์ หมายถึงสารหรือข้อมูลในรูปแบบต่าง ๆ ที่ผู้ส่งสารส่งออกไปเพื่อให้กลุ่มเป้าหมายหรือผู้รับสารได้มีการรับรู้และมีความเข้าใจที่ตรงกันกับผู้ส่งสาร โดยสำหรับหลักการตลาดแล้ว คอนเทนต์คือการสร้างข้อมูลในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ วิดีโอ เสียง หรือบทความ เพื่อที่จะกระตุ้นยอดขายหรือทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักมากขึ้นนั่นเอง
ด้วยความที่ในปัจจุบันนี้ผู้คนมักใช้เวลาว่างไปกับสื่อออนไลน์ต่าง ๆ การทำคอนเทนต์ผ่านทางสื่อออนไลน์จึงเป็นหลักการตลาดที่สำคัญสำหรับธุรกิจออนไลน์ไปด้วยนั่นเอง เนื่องจาก Content คือวิธีในการสื่อสารกับลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายอีกรูปแบบหนึ่งนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารเพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับแบรนด์ หรือการสื่อสารเพื่อโน้มน้าวก็ตาม
และถ้าหากใครที่กำลังสงสัยว่าคอนเทนต์เขียนยังไงได้บ้าง? ความจริงแล้วคอนเท้นนั้นสามารถเขียนได้ 3 แบบด้วยกัน คือ คอนเทนต์เพื่อให้ความบันเทิง คอนเทนต์เพื่อให้ข้อมูลความรู้ และคอนเทนต์เพื่อการขายของ ซึ่งการเลือกว่าควรเขียนคอนเทนต์แบบไหนดีก็ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ในช่วงเวลานั้นนั่นเอง
ความสำคัญของการทำคอนเทนต์
การสร้างคอนเทนต์นั้นบางคนอาจมองเพียงผ่าน ๆ และคิดว่ามันไม่สำคัญ แต่คุณคิดผิดมหันต์ เพราะการสร้างคอนเทนต์นั้นมีความจำเป็นและสำคัญมากทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ทำธุรกิจออนไลน์ต่าง ๆ ส่วนมีความสำคัญในด้านใดบ้างนั้น เรามาดูไปพร้อมกันเลย
1. Brand Awareness
Brand Awareness หรือก็คือการรับรู้แบรนด์นั่นเอง การทำคอนเทนต์มีความสำคัญค่อนข้างมากเลยทีเดียวสำหรับการทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักหรือมีการรับรู้แบรนด์มากขึ้น โดยการทำคอนเทนต์ที่มีคุณภาพและมีความน่าสนใจหรือกำลังได้รับความนิยมอยู่ในช่วงเวลานั้น ก็จะทำให้แบรนด์ของคุณเป็นที่รู้จักมากขึ้นและผู้คนสามารถจดจำแบรนด์ของคุณได้นั่นเอง
2. Lead & Conversion
Lead & Conversion ก็คือการทำให้กลุ่มเป้าหมายหรือผู้ที่อาจสนใจในแบรนด์กลายมาเป็นลูกค้ารายใหม่นั่นเอง ซึ่งการสร้างคอนเทนต์มีความสำคัญไม่น้อยเลยสำหรับกระบวนการนี้ โดยแบรนด์ควรจะสร้างคอนเทนต์ที่สามารถดึงดูดกลุ่มเป้าหมายได้มากพอที่จะทำให้กลุ่มเป้าหมายต้องการตอบสนองต่อคอนเทนต์นั้น ๆ เช่น คอนเทนต์ที่มีการตอบแทน หรือคอนเทนต์ที่มีข้อมูลความรู้ดี ๆ เป็นต้น
3. Passionate Subscribers
Passionate Subscribers ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ได้จากการทำคอนเทนต์เช่นกัน ซึ่งก็คือการสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าหลังจากที่จบการขายไปแล้ว เพื่อให้ลูกค้ากลับมาอุดหนุนแบรนด์ซ้ำนั่นเอง โดยจะสามารถทำได้ด้วยการสร้างคอนเทนต์ที่เกี่ยวกับการดูแลหลังการขาย หรือคอนเทนต์ที่บอกถึงข้อมูลสินค้าเพิ่มเติม
รูปแบบการทำคอนเทนต์
หลังจากที่เราได้ทำความรู้จักและรู้ความสำคัญของการทำคอนเทนต์มาแล้ว ในหัวข้อนี้เราจะมาพูดกันถึงรูปแบบในการทำคอนเทนต์กัน ซึ่งสำหรับคอนเทนต์นั้นจะมีรูปแบบในการสร้างอยู่หลัก ๆ 5 รูปแบบด้วยกัน ดังนี้
1. Blog Content
Blog Content คือการสร้างคอนเทนต์ลงในบล็อกนั่นเอง ซึ่งการสร้างคอนเทนต์รูปแบบนี้นอกจากจะมีประสิทธิภาพที่สูงแล้ว ยังช่วยให้แบรนด์หรือธุรกิจขนาดเล็กประหยัดงบประมาณได้อีกด้วย โดยคอนเทนต์ในรูปแบบบล็อกนั้นควรเขียนเน้นเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการจากแบรนด์ของคุณเป็นหลัก นอกจากนี้สิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือที่มีประโยชน์หรือสามารถช่วยแก้ปัญหาของกลุ่มเป้าหมายได้นั่นเอง
2. Infographic Content
Infographic Content คือการสร้างคอนเทนต์ที่สามารถอ่านจบได้โดยใช้เวลาไม่นาน ซึ่งการทำคอนเทนต์รูปแบบนี้จะต้องนำเพียงใจความสำคัญที่ผ่านการสรุปแล้วมาใช้ แต่ทั้งนี้ข้อมูลที่สรุปได้มาก็ควรมีประสิทธิภาพมากที่สุด
3. Podcast Content
Podcast Content คือการสร้างคอนเทนต์ออกมาในรูปแบบของเสียง ซึ่งการทำคอนเทนต์ในรูปแบบนี้จะสามารถทำให้กลุ่มเป้าหมายเฉพาะเจาะจงได้รับรู้หรือรู้จักแบรนด์ของคุณมากยิ่งขึ้น
4. Video Content
Video Content คือการสร้างคอนเทนต์ออกมาในรูปแบบของวิดีโอ โดยการทำคอนเทนต์ในรูปแบบนี้สามารถทำได้หลายแบบด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นวิดีโอแบบสั้น วิดีโอแบบยาว หรือวิดีโอไลฟ์สด และถึงแม้ว่าการสร้างคอนเทนต์รูปแบบวิดีโอจะต้องใช้ต้นทุนสูงและใช้ระยะเวลาค่อนข้างนาน แต่กลับเป็นรูปแบบคอนเทนต์ที่ผู้คนนิยมกันมากที่สุด เนื่องจากสามารถดูได้เพลินและเข้าใจได้ง่ายนั่นเอง
5. Social Media Content
Social Media Content คือการสร้างคอนเทนต์ลงไปบนสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook , Instagram หรือ Twitter ซึ่งการทำคอนเทนต์รูปแบบนี้สามารถทำคอนเทนต์ได้ทั้งแบบบทความ รูปภาพ วิดีโอ หรือแม้แต่เสียงก็สามารถทำได้
6 เทคนิคสร้างคอนเทนต์ ฉบับนักการตลาด
การจะสร้างคอนเทนต์ให้ปังไม่ใช่ว่าแค่สร้างขึ้นมาอย่างไรก็ได้ แต่การจะทำให้คอนเทนต์ที่คุณสร้างขึ้นเป็นที่นิยมได้นั้นก็จำเป็นต้องมีเทคนิคบางอย่างเช่นกัน ดังนั้นในหัวข้อนี้เราจะมาดูกันว่ามีเทคนิคใดบ้างที่จะช่วยให้คอนเทนต์ของคุณเป็นที่นิยมและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น
1. ไม่ควรสร้างคอนเทนต์ที่มีเนื้อหาใหม่ ๆ บ่อยเกินไป
การสร้างคอนเทนต์นั้นไม่จำเป็นจะต้องสร้างคอนเทนต์ที่มีเนื้อหาใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา เพื่อไม่ให้ผู้ที่ติดตามแบรนด์คุณอยู่ต้องพยายามปรับตัวกับข้อมูลหรือเนื้อหาใหม่ ๆ บ่อยเกินไป จนอาจทำให้กลุ่มเป้าหมายเหล่านั้นเลิกติดตามแบรนด์ของคุณไปได้
โดยคุณสามารถเลือกสร้างคอนเทนต์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับคอนเทนต์เก่าของคุณที่ได้รับความนิยมมากที่สุด หรือไม่คุณก็อาจทำการสังเกตว่าคอนเทนต์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของคุณนั้นมีจุดใดที่ทำให้ประสบความสำเร็จ เพื่อที่จะได้นำจุดนั้นมาปรับใช้กับคอนเทนต์ใหม่ของคุณในอนาคต
2. สร้างคอนเทนต์ที่ทำให้ผู้คนมีอารมณ์ร่วม
ทำคอนเทนต์ที่สามารถสร้างอารมณ์หรือทำให้ผู้คนมีอารมณ์ร่วมได้เมื่อเข้ามาดูหรืออ่านคอนเทนต์ของคุณ ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์โกรธ เศร้า กลัว หรือมีความสุขก็ตาม เมื่อคุณสามารถทำให้ผู้คนมีอารมณ์ร่วมเหล่านี้ได้ ก็จะทำให้ผู้คนต้องการแชร์หรือส่งต่อคอนเทนต์นั้นของเรา และส่งผลให้คอนเทนต์ของเราเป็นไวรัลตามไปด้วยนั่นเอง
3. ดึงดูดผู้คนด้วยพาดหัวของคอนเทนต์
การมีพาดหัวของคอนเทนต์ที่ดูน่าสนใจหรือสามารถดึงดูดความสนใจของผู้คนที่ผ่านไปมาได้ ก็จะทำให้เกิดความอยากรู้จนคลิกอ่านหรือดูคอนเทนต์ของคุณนั่นเอง โดยพาดหัวของคอนเทนต์ที่น่าสนใจจะได้แก่ พาดหัวคอนเทนต์ที่บอกชัดเจนถึงประโยชน์ พาดหัวคอนเทนต์ที่กระตุ้นหรือเร่งเร้าให้อ่าน พาดหัวคอนเทนต์ที่ดูแล้วไม่เหมือนใคร และพาดหัวคอนเทนต์ที่เฉพาะเจาะจงเป็นพิเศษ
4. สร้างคอนเทนต์โดยการใช้เทคนิค ‘Show don’t tell’
การสร้างคอนเทนต์ด้วยการใช้เทคนิค Show don’t tell ก็คือการสร้างคอนเทนต์ที่มีเนื้อหาไม่บ่งบอกสิ่งที่ต้องการจะสื่ออย่างชัดเจนจนเกินไป แต่เน้นไปที่การทำให้ผู้ที่อ่านหรือดูคอนเทนต์ของคุณได้มีประสบการณ์ร่วม โดยการบรรยายให้ผู้คนได้จินตนาการหรือมองเห็นภาพไปในแนวทางเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นรสชาติ รูปลักษณ์หน้าตา การได้ยินเสียง หรือแม้แต่การเคลื่อนไหว
5. เชื่อมโยงคอนเทนต์เข้ากับบล็อก
การที่คุณเชื่อมโยงคอนเทนต์เข้ากับบล็อกบนเว็บไซต์ของคุณ นอกจากจะทำให้ผู้คนหรือลูกค้ารายใหม่ได้เข้ามาทำความรู้จักกับแบรนด์ของคุณบนเว็บไซต์ได้แล้ว ยังสามารถเพิ่มยอดผู้เข้าชมเว็บไซต์ของคุณได้อีกด้วย
6. ใช้เทคนิค SEO เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการค้นหาคอนเทนต์
ไม่ว่าคุณจะสร้างคอนเทนต์ลงที่สื่อสังคมออนไลน์ไหนก็ตาม เพียงแค่คุณใช้เทคนิค SEO ก็จะช่วยให้คอนเทนต์ของคุณมีผู้คนเข้าถึงมากขึ้น และยังช่วยให้คอนเทนต์ของคุณมีอันดับที่ดีขึ้นอีกด้วย เนื่องจากระบบ Algorithm ของ Google จะทำให้คอนเทนต์ของคุณมีโอกาสขึ้นแสดงบนหน้าค้นหาบ่อยขึ้นนั่นเอง
ตัวอย่างคอนเทนต์ของธุรกิจออนไลน์
ตัวอย่างคอนเทนต์เสื้อผ้า
พอใกล้จะปีใหม่แล้ว ทาง Uniqlo ก็ได้มีการทำคอนเทนต์สีเสื้อผ้ายอดนิยมในปี 2023 ออกมา เพื่อให้ลูกค้าหรือผู้ที่กำลังมองหาเสื้อผ้าชุดใหม่สำหรับปีใหม่ที่จะถึงนี้ได้มีแนวทางการเลือกซื้อนั่นเอง
และนอกจากนี้ในคอนเทนต์เทรนด์สีเสื้อผ้ายอดฮิต ทาง Uniqlo ยังมีการจับแมทเสื้อผ้าของแบรนด์เข้าคู่กันให้ได้ดูอีกด้วย เพื่อที่ว่าเมื่อลูกค้าหรือผู้ที่ติดตามคนไหนเกิดรู้สึกว่า “เสื้อผ้าเซตนี้ก็สวยดีนะ อยากจะลองซื้อมาใส่ตามดู” ก็อาจส่งผลให้ยอดขายเพิ่มขึ้นไปด้วยนั่นเอง
ตัวอย่างคอนเทนต์อาหาร
ด้วยความนิยมของร้าน Sushiro ที่มีมากขึ้น ซึ่งอาจมีผู้เข้ารับประทานทั้งที่เป็นลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ ทางร้าน Sushiro จึงได้สร้างคอนเทนต์ ‘7 Facts about Sushiro’ ขึ้น เพื่อที่จะถือโอกาสให้ลูกค้ารายใหม่หรือผู้ที่สนใจได้รู้จักร้านมากขึ้นนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นวิธีการรับประทาน ราคาของอาหาร กติกาในการรับประทาน รวมไปถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ
คำถามที่พบบ่อย
คิดคอนเทนต์ไม่ออกทำไงดี?
เมื่อคุณได้สร้างคอนเทนต์ติดต่อกันมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยก็คือภาวะหัวตัน หรือคิดคอนเทนต์ไม่ออกนั่นเอง ซึ่งคุณสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้โดยการลองอ่านหรือดูข้อมูลให้หลากหลายและมากขึ้นกว่าเดิม ลองสังเกตความสนใจของลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมาย หรือไม่คุณก็อาจลองสร้างคอนเทนต์ให้เชื่อมโยงกันเทรนด์ที่กำลังมาแรงในช่วงเวลานั้น ๆ
ข้อสรุป
การทำคอนเทนต์เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามอย่างมากสำหรับการตลาดหรือการทำธุรกิจในปัจจุบัน เนื่องจากผู้คนส่วนมากล้วนใช้เวลาว่างท่องไปบนโลกออนไลน์ การทำคอนเทนต์ลงบนสื่อออนไลน์ต่าง ๆ จึงเป็นสิ่งที่สามารถช่วยให้ธุรกิจหรือแบรนด์ของคุณเติบโตได้ดีทีเดียว