รีไฟแนนซ์บัตรเครดิตอย่างไรให้ได้ดอกเบี้ยต่ำสุด
หลังจากที่เริ่มทำงานแล้ว ภาระค่าใช้จ่ายก็เยอะมากขึ้น จนหมุนเงินไม่ทัน บัตรเครดิตจึงเป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้เรามีสภาพคล่องเพิ่มขึ้น เนื่องจากความสะดวกสบายและสินเชื่อจากธนาคารที่ให้สูงกว่ารายได้ ทำให้เราใช้จ่ายเกินตัวจนเป็นหนี้บัตรเครดิตในที่สุด
แต่อย่างไรก็ตาม การเป็นหนี้บัตรเครดิตนั้นไม่ได้แย่เสมอไป ทางออกของการเป็นหนี้บัตรเครดิตก็มีหลากหลายวิธีด้วยกัน เช่น ผ่อนจ่าย จ่ายขั้นต่ำ แต่ก็ต้องดูด้วยว่าดอกเบี้ยนั้นสูงเท่าไหร่ ยิ่งดอกเบี้ยสูง ก็จะยิ่งปลดหนี้ได้ยาก
นอกจากวิธีดังกล่าวแล้ว ยังมีอีกวิธีที่จะช่วยให้เราปลดหนี้ได้ง่ายขึ้น คือการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต การรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตคือการย้ายหนี้เก่ามาหนี้ใหม่ เพื่อให้ดอกเบี้ยจากการค้างชำระนั้นต่ำลง แล้วการรีไฟแนนซ์บัตรมีขั้นตอนอย่างไร มารู้จักกับการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตกัน
รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต คือ
การรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตคือการปรับโครงสร้างหนี้ ด้วยการนำหนี้จากสถาบันการเงินเก่ามาไว้ที่สถาบันการเงินใหม่ หรือว่าง่ายๆก็คือย้ายหนี้เก่ามาไว้หนี้ใหม่ที่ให้ดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า
ทำให้การจ่ายหนี้นั้นทำได้ง่ายขึ้นและยังช่วยเพิ่มสภาพคล่องในแต่ละเดือนอีกด้วย เช่น หนี้บัตรเก่ามีกำหนดจ่ายขั้นต่ำที่ 10% เมื่อย้ายหนี้มายังบัตรใหม่ที่มีกำหนดจ่ายขั้นต่ำ 5% ก็จะช่วยให้หนี้ต่อเดือนนั้นลดลง และมีเงินเหลือมากขึ้นเพื่อนำไปสร้างรายได้ หรือเป็นต้นทุนเพื่อจ่ายหนี้ได้มากขึ้น เป็นต้น
หากใครสนใจอยากจะรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตในปี 2565 แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไงดี เราขอแนะนำ Refinn โดยคุณสามารถดูหาโปรโมชั่น ดำเนินการขอรีไฟแนนซ์ได้ฟรีที่ Refinn คลิก รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต ได้เลย
รีไฟแนนซ์บัตรเดรดิต แตกต่างจากรีไฟแนนซบ้านอย่างไร
ในภาพรวม การรีไฟแนนซ์นั้นเหมือนหรือแทบไม่ต่างกัน เพราะเป็นการนำหนี้เก่าย้ายมาหนี้ใหม่ แต่มีความแตกต่างก็คือขั้นตอน เงื่อนไข และดอกเบี้ยที่แต่ละสถาบันการเงินจะมอบให้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับศักยภาพในการผ่อนชำระหนี้ของลูกหนี้ด้วย
ใครบ้างที่สามารถทำรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตได้
ลูกหนี้ทุกคนสามารถรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตได้ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสถาบันการเงินว่าจะพิจารณาอย่างไร โดยหลักๆ แล้วจะดูรายได้ต่อเดือน รวมถึงเครดิตบูโรด้วย หากเครดิตบูโรติดแบล็กลิสต์ก็มีโอกาสสูงที่จะไม่ผ่านการพิจารณาเพื่อรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต
รีไฟแนนซ์บัตรเดรดิตใช้เอกสารอะไรบ้าง
การเตรียมเอกสารสำหรับการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต ขึ้นอยู่กับแต่ละสถาบันการเงินจะเรียกดูเอกสารที่จำเป็น
ในบทความนี้ เราได้รวบรวมเอกสารสำคัญที่จำเป็นไว้แล้ว มีดังนี้
กรณีที่เป็นพนักงานประจำ ข้าราชการ หรือพนักงานรัฐวิสาหกิจ
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- สำเนาบัตรประชาชน
- สำเนาบัตรข้าราชการ
- สลิปเงินเดือนนต้นฉบับ หรือหนังสือรับรองเงินเดือนอายุไม่เกิน 2 เดือน
- สำเนาสมุดเงินฝากหน้าแรกที่ระบุชื่อผู้สมัคร เพื่อโอนเงินสินเชื่อเข้าบัญชี
- เอกสารแสดงภาระหนี้ของสถาบันการเงินอื่นๆ
กรณีที่เป็นเจ้าของธุรกิจส่วนตัว
- สำเนาบัตรประชาชน
- สำเนาหนังสือรับรองจดทะเบียนหรือสำเนาทะเบียนการค้า
- สำเนาบัญชีธนาคารที่ใช้หมุนเวียนในธุรกิจย้อนหลัง 6 เดือน หรือสำเนาภ.พ.30 หรือสำเนาที่เป็นงบการเงินปัจจุบัน
- สำเนาสมุดเงินฝากหน้าแรกที่ระบุชื่อผู้สมัคร เพื่อโอนเงินสินเชื่อเข้าบัญชี
- เอกสารแสดงภาระหนี้ของสถาบันการเงินอื่นๆ
อยากรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตต้องทำอย่างไร
โดยทั่วไปแล้ว ทุกธนาคารมีข้อมูลขั้นตอนการรีไฟแนนซ์แบบปกติมีดังนี้
- รวบยอดหนี้ทั้งหมดอย่างละเอียด
- เช็คความสามารถในการจ่ายหนี้
- ติดต่อหรือเจรจาต่อรองกับเจ้าหน้าที่ก่อนปิดยอดหนี้เก่า
- ติดต่อหรือเจรจากับเจ้าหน้าที่หนี้รายใหม่ที่เสนอทางเลือกที่ดีกว่า
- หาข้อมูลและสรุปอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจ
หากคุณรู้สึกว่าขั้นตอนนั้นดูยากและตัดสินใจลำบาก ไม่รู้จะเลือกเจ้าหนี้ใหม่ที่ไหน ยังไง เราขอแนะนำ Refinn เว็บไซต์ที่จะช่วยให้การรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตของคุณนั้นสะดวกสบายมากขึ้น ที่สำคัญ ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย
เพียงแค่กรอกข้อมูลส่วนตัว ก็จะมีแนะนำโปรโมชั่นรีไฟแนนซ์ที่เหมาะสมกับคุณออกมา และชำระค่าบริการ(ถ้ามี) เพียงเท่านี้ การรีไฟแนนซ์ของคุณก็จะไม่ยุ่งยากอีกต่อไป เพื่อให้คุณใช้จ่ายหนี้ได้อย่างสะดวกสบายยิ่งขึ้น
เทคนิคดี ๆ ในการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตเพื่อไม่ให้เกิดหนี้อีก
คำตอบสั้นๆ ของการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตเพื่อไม่ให้เกิดหนี้ก็คือ หาดอกเบี้ยที่ต่ำที่สุด และมีวินัยในการใช้จ่ายคืนหนี้ ต่อมาเรามาดูรายละเอียดเหล่านี้กัน
1. มองหาสถาบันการเงินดอกเบี้ยต่ำที่สุด
ดอกเบี้ยเป็นศัตรูตัวร้ายของลูกหนี้หลายๆ คน ยิ่งดอกเบี้ยสูง หนทางในการที่จะหมดหนี้ก็ยิ่งไกลออกไป ดังนั้นการมองหาสถาบันการเงินที่ให้ดอกเบี้ยต่ำ แม้จะต้องใช้เวลาหานานหน่อย แต่ในระยะยาวคุ้มมาก เพราะเราสามารถลดหนี้ที่ปกติจะต้องเสียได้ถึงครึ่งนึงหรือ 50% เลยทีเดียว
2. งดรูดบัตรเครดิตพร่ำเพรื่อ
หลายๆ คน พอมีบัตรเครดิตก็รู้สึกว่าตัวเองมีเงินจับจ่ายใช้สอยเยอะ เพราะคิดแค่ว่าอยากได้ของตอนนี้ แต่ไม่ได้คิดเมื่อถึงวันต้องจ่ายคืน ก็เลยเป็นปัญหาหนี้พอกพูนจนจ่ายไม่ไหว ในระหว่างที่รีไฟแนนซ์ ควรลดการใช้จ่ายพร่ำเพรื่อ หรืองดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเลยยิ่งดี เพราะการใช้บัตรเครดิตจะทำให้เรามี pain of paying ที่น้อย และทำให้เราใช้จ่ายโดยไม่คิด
3. เงื่อนไขต่าง ๆ ก่อนรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต
เงื่อนไขการชำระเป็นสิ่งจำเป็นที่ห้ามละเลยเด็ดขาด เพราะหากเงื่อนไขการชำระหนี้คืนไม่ตรงกับความสามารถในการชำระคืนแต่ละเดือน ก็จะส่งผลให้หนี้สะสมเพิ่มมากขึ้นจนชำระไม่ไหวและต้องรีไฟแนนซ์รอบสองได้
4. วางแผนเพื่อใช้หนี้
วางแผนการเงินแบบจริงจัง คำนวณรายรับและรายจ่ายและเหลือเก็บต่อเดือน เพื่อนำมาผ่อนจ่ายหนี้แต่ละเดือน หรือจะสะสมเป็นเงินก้อนแล้วโปะหนี้ครั้งเดียวก็ได้เช่นกัน
รีไฟแนนซ์บัตรเดรดิตใช้เอกสารอะไรบ้าง
กรณีที่เป็นพนักงานประจำ ข้าราชการ หรือพนักงานรัฐวิสาหกิจ
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- สำเนาบัตรประชาชน
- สำเนาบัตรข้าราชการ
- สลิปเงินเดือนนต้นฉบับ หรือหนังสือรับรองเงินเดือนอายุไม่เกิน 2 เดือน
- สำเนาสมุดเงินฝากหน้าแรกที่ระบุชื่อผู้สมัคร เพื่อโอนเงินสินเชื่อเข้าบัญชี
- เอกสารแสดงภาระหนี้ของสถาบันการเงินอื่นๆ
กรณีที่เป็นเจ้าของธุรกิจส่วนตัว
- สำเนาบัตรประชาชน
- สำเนาหนังสือรับรองจดทะเบียนหรือสำเนาทะเบียนการค้า
- สำเนาบัญชีธนาคารที่ใช้หมุนเวียนในธุรกิจย้อนหลัง 6 เดือน หรือสำเนาภ.พ.30 หรือสำเนาที่เป็นงบการเงินปัจจุบัน
- สำเนาสมุดเงินฝากหน้าแรกที่ระบุชื่อผู้สมัคร เพื่อโอนเงินสินเชื่อเข้าบัญชี
- เอกสารแสดงภาระหนี้ของสถาบันการเงินอื่นๆ
สรุปเกี่ยวกับ รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต
การรีไฟแนนซ์ ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิต บ้าน รถ ก็มีวิธีการเดียวกันคือการนำยอดหนี้เก่าย้ายไปหนี้ใหม่ด้วยดอกเบี้ยและการคิดค่าใช้จ่ายขั้นต่ำที่ถูกลง ทำให้ลูกหนี้สามารถจ่ายหนี้ได้สะดวกและมีเงินเหลือสำหรับใช้จ่ายในครั้งถัดไปมากขึ้น
การรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตนั้นไม่ทำให้คุณเสียประวัติแต่อย่างใด และสามารถทำได้ทุกคน หากเรามีประวัติการชำระเงินที่ดี ไม่ค้างจ่ายจนติดแบล็กลิสต์ก็สามารถทำเรื่องของรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตได้
และสุดท้ายอย่าลืมอ่านเงื่อนไขที่สถาบันการเงินกำหนด เพื่อไม่ให้เสียผลประโยชน์และชำระหนี้ได้เร็วขึ้น