กลยุทธ์การตลาด (Marketing Strategy) สร้างความสำเร็จให้ธุรกิจ

การสร้างธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ จำเป็นต้องมีการวางเเผนให้ถี่ถ้วน เริ่มตั้งเเต่เลือกว่า สินค้า บริการของ บริษัทเรา คืออะไร จะมีการสต๊อก การจัดส่ง หรือการเตรียมตัวอย่างไร เพื่อให้สินค้า บริการของเราไปถึงมือผู้บริโภค และสามารถเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคได้ โดยสิ่งสำคัญอีกอย่างที่ขาดไม่ได้เลย คือ จะทำอย่างไรให้สินค้า บริการของเรา เป็นที่รู้จักก่อน สิ่งที่จะช่วยได้ คือ การตลาด

กลยุทธ์การตลาด เป็นเหมือน road map ให้กับการทำการตลาดของเรา ว่าเเผนการตลาดของเรามีเป้าหมาย อะไร จะไปในทิศทางไหน และจะทำอย่างไรบ้าง เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายได้ ดังนั้นกลยุทธ์ทางการตลาดจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก ที่จะกำหนดว่า ธุรกิจของเราจะประสบความสำเร็จหรือไม่ เพราะต่อให้มีผลิตภัณฑ์คุณภาพดีขนาดไหน แต่ถ้าไม่มีคนรู้จัก ก็ไม่มีประโยชน์

กลยุทธ์การตลาด (Marketing strategy) คืออะไร

การทำกิจกรรมอะไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นสเกลเล็ก หรือสเกลใหญ่ ต้องมีการตั้งเป้าหมายเสมอ และต้องคิดวิธีการที่จะไปให้ถึงเป้าหมาย เราเรียกสิ่งนี้ว่า กลยุทธ์ หรือ Strategy 

ในการทำการตลาดก็เช่นกัน กลยุทธ์การตลาด หรือ Marketing Strategy ก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลย การวาง กลยุทธ์การตลาด คือ การวางแผนการนำเสนอ การโปรโมท การประชาสัมพันธ์ ให้เป็นรูปธรรม โดยมีเป้าหมาย เพื่อทำให้สินค้า หรือบริการของเราเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากที่สุด

ต้องมีการวางเป้าหมายที่ชัดเจน และมีการวางเเนวทางที่เเน่นอน เมื่อเราจะวางกลยุทธ์การตลาดขึ้นมาสักตัว สิ่งที่ต้องยึดไว้เสมอ คือ  Key message และ Benefit ของสินค้า บริการ ที่เรามีอยู่ เพื่อให้กลยุทธ์ทางการตลาดของเรานั้นสิดคล้องกับสิ่งที่เราจะขาย กลยุทธ์การตลาดนั้นไม่ได้มีรูปแบบที่ตายตัว ขึ้นอยู่กับกลุ่มเป้าหมาย และสิ่งที่เราจะขาย แต่กลยุทธ์การตลาดนั้น ก็มีแนวทางให้คนทำตาม ซึ่งเราสามารถศึกษาเป็นเเนวทางได้

กลยุทธ์การตลาด 4PS (Marketing Mix) 

หนึ่งในกลยุทธ์ทางการตลาดที่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง หนึ่งในนั้นจะมี กลยุทธ์การตลาด 4PS (Marketing Mix) โดยตัว 4PS หรือ Marketing Mixคือ ปัจจัย 4 อย่างที่นักธุรกิจ นักการตลาดต้องวิเคราะห์เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการวางกลุยทธ์ทางการตลาด ว่าจะทำออกมาในรูปแบบไหน โดยปัจจัยทั้ง 4 อย่างมี ดังนี้

1. กลยุทธ์ผลิตภัณฑ์  (Product  Strategy)

Product หรือผลิตภัณฑ์ หมายถึงสินค้า หรือบริการของธุรกิจที่จับต้องได้ เป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เลย เพราะ Product คือสิ่งที่ลูกค้าจะซื้อไปจากเรา

2. กลยุทธ์ราคา (Price  Strategy)

Price หรือราคา เป็นสิ่งที่กำหนดเลยว่า ลูกค้าจะเลือกซื้อสินค้าของเราหรือไม่ ดังนั้นกลยุทธ์การตั้งราคา การเลือกตัวเลขให้ดึงความสนใจลูกค้า จึงเป็นอีกสิ่งที่ขาดไม่ได้เลย

3. กลยุทธ์ช่องทางการจัดจำหน่าย (Place Strategy)

Place หรือช่องทางในการจำหน่าย ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ ร้านออนไลน์ ช่องทางที่เราสามารถหาซื้อสินค้าได้ ทั้งหมดล้วนเป็น Place การเลือกสถานที่ในการจัดจำหน่ายสินค้า ควรพิจารณาจาก กลุ่มลูกค้า และผลิตภัณฑ์ที่เราขาย

4. กลยุทธ์การส่งเสริมการตลาด (Promotion Strategy)

Promotion หรือส่งเสริมการขาย ความหมายของมัน ก็จะตรงตามชื่อ คือ กลยุทธ์ที่จะช่วยส่งเสริมให้สินค้า บริการของเราได้ความสนใจจากลูกค้ามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การลดราคา การแจก การแถม หรือการจัดกิจกรรมให้คนเข้าร่วม

กลยุทธ์การตลาด 4Ps 7Ps และ 8Ps

กลยุทธ์การตลาด 4Ps เป็นกลยุทธ์การตลาดพื้นฐาน โดยนอกจาก 4Ps ยังมีกลยุทธ์การตลาด 7Ps และ 8Ps ซึ่งเป็นการต่อยอดจาก 4Ps โดยมีรายละเอียด ดังนี้

1. กลยุทธ์พนักงาน (People Strategy)

People หรือพนักงานในบริษัท เป็นอีกปัจจัยที่ช่วยทำให้การขายราบรื่น การบริการหลังการขายให้กับลูกค้า และการสนับสนุนต่างๆในองค์กร พนักงานก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลย

2. กลยุทธ์กระบวนการ (Process Strategy)

Process หรือกระบวนการ ที่จะสร้างการเข้าถึงลูกค้าให้มากยิ่งขึ้น เพื่อให้เข้าใจถึงความต้องการของลูกค้า และสามารถวางกลยุทธ์ที่จะทำให้เกิดยอดขายได้

3. กลยุทธ์ประสบการณ์ที่จับต้องได้  (Physical Evidence Strategy)

Physical Evidence หรือประสบการณ์ที่ลูกค้าสามารถจับต้องได้ ไม่ว่าจะเป็นการบริการผ่านเว็บไซต์ หรือการดูเเลของพนักงานขาย เป็นประสบการณ์ที่ลูกค้าจะได้ได้รับโดยตรง ซึ่งเป็นอีกอย่างที่จะช่วยยทำให้ลูกค้ามีความประทับใจในเเบรนด์ และย้อนกลับมาเป็นลูกค้าต่ออีกครั้ง

กลยุทธ์การตลาด STP marketing 

ถัดมาเป็นกลยุทธ์การตลาด ชื่อว่า STP Marketing คือ กลยุทธ์ในการเลือกเป้าหมายการตลาด โดยคำว่า STP ย่อมาจาก Segmentation, Targeting และ Positioning 

การแบ่งส่วนตลาด (Segmentation)

Segmentation หรือการแบ่งส่วนตลาด คือ การจัดกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มลูกค้าของเราให้เป็นหมวดหมู่ เพื่อให้สามารถตั้งเป้าได้ง่ายว่า ลูกค้ากลุ่มนี้มีพฤติกรรมการบริโภคเเบบไหน มีความสนใจอะไรเป็นพิเศษ จะช่วยให้นักการตลาดสามารถวางกลยุทธ์ในการโปรโมทให้ได้ประสิทธิภาพมากที่สุด โดยการแบ่งส่วนตลาด สามารถแยกออกมาได้เป็นเเบบนี้

1. Behavioral (พฤติกรรมศาสตร์) : แบ่งจากพฤติกรรมของผู้บริโภค เช่น ความถี่ในการซื้อสินค้า ปริมาณในการใช้สินค้า และใช้สินค้าอย่างไร

2. Geographic (ภูมิศาสตร์) : แบ่งจากภูมิศาสตร์ สังเกตเขตที่ผู้บริโภคอาศัยอยู่ เช่น ใจกลางเมือง ชนบท รวมถึงอยู่ประเทศไหน

3. Demographic (ประชากรศาสตร์) : แบ่งจากลักษณะของผู้บริโภค เช่น อายุ เพศ การศึกษา อาชีพ รายได้ เชื้อชาติ

4. Psychographic (หลักจิตวิทยา) : แบ่งจากลักษณะจิตวิทยาของผู้บริโภค เช่น บุคลิกภาพ วัฒนธรรม ความชอบ

การคัดเลือกกลุ่มเป้าหมาย (Targeting)

Targeting หรือการคัดเลือกกลุ่มเป้าหมาย คือ ศึกษากลุ่มผู้บริโภค แล้วทำการคัดว่า คนกลุ่มไหนที่จะมาเป็นลูกค้าของเรา โดยขั้นตอนนี้จะทำหลังจากเราทำการแบ่งกลุ่มผู้บริโภค ผลิตภัณฑ์ หรือบริการเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถที่จะตอบสนองผู้บริโภคได้ทุกราย ดังนั้นการคัดเลือกกลุ่มเป้าหมาย และโฟกัสแค่กลุ่มที่เลือก จะได้ประสิทธิภาพมากกว่า

การกำหนดตำแหน่งของสินค้าหรือบริการ (Positioning)

Positioning หรือการกำหนดตำแหน่งสินค้า หรือบริการของเรา คือ การหาจุดยืนของแบรนด์เรา ว่าสินค้า บริการ ของเรามีความโดดเด่นในด้านไหน หรือด้อยในด้านไหน เมื่อเทียบกับคู่แจ่ง เพื่อจะได้มีการปรับกลยุทธ์ให้ถูกทาง เพื่อให้สามารถจับกลุ่มผู้บริโภคให้มาเป็นลูกค้าของเราได้ โดย Key Benefit สินค้า บริการของเรา สามารถแบ่งการประเมินออกได้เป็น 3 ข้อนี้

1. Emotional : ลูกค้ามีความรู้สึกอย่างไรกับสินค้า บริการของเรา

2. Functional : คุณภาพ ของสินค้า บริการของเรา

3. Differentiation : สินค้า บริการของเรา มีความแตกต่างจากแบรนด์คู่เเข่งหรือไม่

กลยุทธ์การตลาดออนไลน์ (Digital Marketing Strategy)

ในปัจจุบัน คนสามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ต และโซเชียลมีเดีย มากยิ่งขึ้น ทำให้คนใช้เวลากับออนไลน์เป็นเวลานาน การตลาดออนไลน์จึงเป็นสิ่งที่ทุกองค์กรให้ความสนใจมากขึ้น เพราะการนำเสนอ และขายสินค้า บริการ ทางออนไลน์ เป็นที่นิยมมากยิ่งขึ้น 

การวางกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ (Digital Marketing Strategy)จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม หากอยากให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ โดยกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ก็มีอยู่ด้วยกันหลายเเบบ ดังนี้

1. กลยุทธ์การตลาดผ่านโซเชียลมีเดีย (Social Media Marketing)

เป็นการทำการตลาดผ่านทาง Social Media ที่ในปัจจุบันมีอยู่หลาย platform ไม่ว่าจะเป็น Facebook, TikTok, Instagram, Twitter เราเลือกที่จะทำการโปรโมท สินค้า บริการ ของเราใน platform ไหนก็ได้ เเต่สิ่งที่สำคัญ คือ เราต้องศึกษาก่อนว่ากลุ่มลูกค้าของเราจะใช้ platform ไหนเป็นหลัก เพื่อเราจะได้โฟกัสเเค่ platform ที่จำเป็นเท่านั้น

2. กลยุทธ์การตลาดผ่าน Search Engine (SEO marketing)

อยากรู้อะไรให้ถามจาก Google เป็นแนวคิดของคนในยุคนี้ การ search ข้อมูลจาก Google เป็นสิ่งที่ใครๆก็ทำกันหมด เว็บไซต์ไหนที่ติดอันดับต้นๆ ก็มีโอกาสที่คนจะเข้าไปชมเว็บไซต์เป็นจำนวนมากการศึกษาดูว่า keyword อะไรที่คนให้ความนิยม และ search เป็นจำนวนมาก และทำกลยุทธ์การตลาดผ่าน Search Engine เพื่อให้เว็บไซต์ หรือบทความของเราติดอันดับต้นๆ จึงเป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมมาก

หากเราสามารถทำให้เว็บไซต์ของเราติดอันดับต้นๆ เมื่อมีการ search หา keyword สักตัว สินค้า บริการของเราก็จะเป็นสิ่งแรกที่ผู้บริโภคมองเห็น และหากมันสามารถตอบสนองความต้องการได้  ก็มีความเป็นไปได้สูงที่ผู้บริโภคกลุ่มนั้นจะมาเป็นลูกค้าของเรา 

3. กลยุทธ์การตลาดผ่านวิดีโอ (Video Marketing)

ลักษณะการบริโภคสื่อของคนสมัยนี้ นิยมชอบดูมากกว่าอ่าน ดังนั้นสื่อประเภทวีดีโอจึงเป็นสิ่งที่ดึงดูดความสนใจจากผู้บริโภคได้ดี หากเราสามารถทำวีดีโอนำเสนอสินค้า บริการได้น่าสนใจ ตอบทุกข้อสงสัยของผู้บริโภคได้ กลยุทธ์การตลาดผ่านวีดีโอของเราก็จะมีประสิทธิภาพอย่างมาก 

4. กลยุทธ์การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า (CRM)

กลยุทธ์การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า ชื่อของมันตรงตัว คือ การบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า ทำให้ลูกค้าพึงพอใจต่อสินค้า บริการของเรา ซึ่งไม่ใช่เพียงเเค่คถณภาพของสินค้า บริการเท่านั้น การบริการหลังการขาย การสื่อสารกับลูกค้า การตอบสนองต่อปัญหาที่ลูกค้าร้องเรียนมา สิ่งเหล่านี้จะสร้างความประทับใจให้ลูกค้า และทำให้ลูกค้ากลุ่มนั้น กลับมาเป็นลูกค้าซ้ำกับเราอีกครั้ง

5. กลยุทธ์การเปลี่ยนผู้ชมให้กลายเป็นลูกค้า (Lead Magnet)

กลยุทธ์การเปลี่ยนผู้ชมให้กลายเป็นลูกค้า โดยเลือกกลุ่มเป้าหมายที่มีเเนวโน้มที่จะมาเป็นลูกค้าของเรา นำข้อมูลสินค้า บริการ ให้กับกลุ่มนั้น โน้มน้าวให้มาเป็นลูกค้าของเรา

6. กลยุทธ์การตลาดผ่านผู้มีอิทธิพลบนสื่อ (Influencer Marketing)

Influencer หรือคนที่มีอิทธิพลต่อกลุ่มผู้บริโภค Influencer อาจจะเป็นดารา ไอดอลที่มีชื่อเสียง หรือเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ซึ่งผู้บริโภคจะให้ความสนใจ และรับฟังคนเหล่านี้ การรีวิวสินค้าโดยเลือก Influencer ที่มีคุณสมบัติเหมาะสม เป็นกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ ที่จะดึงให้ผู้บริโภคสนใจ และนำไปสู่การบริโภคตาม

7. กลยุทธ์การตลาดผ่านบทความ (blogging)

การอ่านข้อมูลจากบทความต่างๆ ที่ปรากฏขึ้นในอินเตอร์เน็ต เป็นกิจกรรมที่คนนั่งเล่นมือถือเป็นเวลานานๆมักทำกัน หากมีหัวข้อที่น่าสนใจ ดึงให้คนเข้ามาอ่าน และเเทรกโฆษณา หรือลิงก์ไปยังเว็บไซต์ของเรา จะช่วยเพิ่มช่องทางให้สินค้า บริการของเราเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น

8. กลยุทธ์การยิงแอด (Facebook Ads) 

Facebook เป็น platform ที่ได้รับความนิยมมาก ดังนั้นการลงคอนเทนต์นำเสนอสินค้า บริการของเราบน Facebook จะช่วยให้คนจำนวนมากเข้าถึง และรู้จักสินค้าของเรา นอกจากนี้การยิงเเอดจะช่วยเพิ่มการมองเห็นให้กับคอนเทนต์ของเราได้มาก กลยุทธ์การยิงแอดจึงเป็นกลยุทธ์ที่หลายแบรนด์ให้ความสนใจ 

9. กลยุทธ์การตลาดแบบแนะนำ (Affiliate Marketing)

กลยุทธ์การตลาด Affiliate Marketing เป็นการหาเซลล์มาช่วยสินค้า ทางออนไลน์ เซลล์เป็นหัวใจสำคัญของ การทำยอด ขายสินค้าให้องค์กร ในการตลาดออนไลน์เองก็สามารถหาเซลล์มาช่วยเพิ่มยอดขายได้เช่นกัน กลุ่มคนที่เลือกมาจะมาช่วยโปรโมทให้คนรู้จักสินค้า และซื้อสินค้าจากเรา และจะได้ส่วนเเบ่งตามที่ ตกลงกันไว้

10. กลยุทธ์การตลาดผ่านอีเมล (Email Marketing)

Email ยังเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในหลายบริษัท หลายองค์กร ทำให้คนที่ทำงาน หรือคนทั่วไปยังต้องใช้ Email อยู่ การนำเสนอสรรพคุณสินค้า บริการ ผ่านทาง Email จะเป็นการส่งข้อมูลไปยังผู้บริโภคโดยตรง ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่จะได้ลูกค้าเพิ่ม หากส่งไปถูกกลุ่มเป้าหมาย

ประโยชน์ของการใช้กลยุทธ์ทางการตลาด 

• สร้างการรับรู้ ทำให้คนรู้จักสินค้า บริการ ของเราเป็นวงกว้าง
• สร้างฐานลูกค้าให้มั่นคง เปลี่ยนผู้บริโภคเป็นลูกค้า เปลี่ยนลูกค้าให้เป็นลูกค้าประจำ
• เพิ่มยอดขาย สร้างรายได้ให้กับบริษัท

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับกลยุทธ์ทางการตลาด 

ทำไมองค์กรต้องมีกลยุทธ์ทางการตลาด?

การวางกลยุทธ์ทางการตลาด จะช่วยสร้างเเนวทางการทำงานให้กับทีมการตลาด ว่าควรจะไปในทิศทางไหน และมีเป้าหมายในการทำงานที่ชัดเจน

ความแตกต่างระหว่าง Marketing Strategies กับ Marketing Plans ? 

Marketing Strategies คือกลยุทธ์การตลาดเป็นการวางแผน โดยมองเป็นภาพรวม ส่วน Marketing Plans จะเป็นการวางแผนปฏิบัติแบบเจาะรายละเอียดในแต่ละขั้นตอน