รู้จักกับ “Fulfillment” ตัวช่วยบริหารคลังสินค้า ช่วยลดต้นทุน ประหยัดเวลา ที่ธุรกิจออนไลน์ยุคนี้ขาดไม่ได้!
Fulfillment
หากพูดถึง Fulfillment หลายคนอาจจะเคยได้ยินผ่านหูมาบ้าง โดยเฉพาะในกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่ต้องมีการสต๊อกจัดเก็บสินค้า ซึ่งในปัจจุบันคลังสินค้าแบบนี้ถือว่าได้รับความนิยม และมีความจำเป็นอย่างมากกับธุรกิจออนไลน์ ซึ่งในบทความนี้เราจะพาไปรู้จักกับคำนี้ให้มากขึ้นกัน ว่าจริงๆ แล้วคลังสินค้า Fulfillment คืออะไร มีหลักการทำงานอย่างไร และธุรกิจจะได้ประโยชน์อะไรจากการใช้บริการคลังสินค้ารูปแบบนี้บ้าง
Fulfillment คืออะไร
Fulfillment คือ คลังสินค้าออนไลน์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกสบายให้กับคนทำธุรกิจออนไลน์หรือธุรกิจ E-Commerce ซึ่ง Fulfillment Service จะให้บริการพื้นที่จัดเก็บสินค้าหรือคลังสินค้า มีบริการพนักงานช่วยแพ็คสินค้าและจัดส่งสินค้าให้ นับว่าเป็นบริการที่ตอบโจทย์คนทำธุรกิจออนไลน์เป็นอย่างมากเหมาะกับคนที่ไม่มีคลังสินค้าเป็นของตัวเอง ทุนไม่เยอะ ไม่จำเป็นต้องลงทุนสร้างโกดังเก็บสินค้า บางคนไม่สะดวกที่จะสต๊อกสินค้า บริหารจัดการสินค้าในสต๊อกไม่เป็น ไม่มีระบบดีๆ ช่วย หรือไม่มีเวลามากพอ ในการแพ็คออเดอร์และจัดส่งสินค้าด้วยตนเอง
Fulfillment ในไทย มีการใช้งานกันมากน้อยแค่ไหน
ปัจจุบันการใช้งาน Fulfillment ในประเทศไทย กำลังได้รับความนิยม และมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปได้เป็นอย่างดี ปัจจุบันผู้คนนิยมสั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น สาเหตุก็เพราะสะดวกสบาย ไม่ต้องออกไปข้างนอก แถมยังมีบริษัทขนส่งที่ส่งสินค้าถึงหน้าบ้าน
ทำให้หลายคนมองเห็นโอกาสและหันมาทำธุรกิจขายของออนไลน์กันมากขึ้น แต่เมื่อธุรกิจมีออเดอร์เยอะขึ้น งานต่างๆ ก็ย่อมมากขึ้นตามไปด้วย บางธุรกิจมีขนาดเล็กจึงไม่มีพนักงานช่วยแพ็คของส่งของ จึงต้องทำงานทุกอย่างเองทั้งหมด จนไม่มีเวลาโฟกัสกับงานขายหรือการทำการตลาด ซึ่งคลังสินค้าแบบ Fulfillment สามารถเข้ามาช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ให้กับธุรกิจได้ จึงไม่แปลกที่บริการนี้จะได้รับความนิยมและมีการใช้บริการกันอย่างแพร่หลาย
ประเภทของ Fulfillment Service ที่ได้รับความนิยม
1.Order Fulfillment
Order Fulfillment คือ คลังสต๊อกสินค้าที่ให้บริการเก็บสินค้า แพ็คและจัดส่งสินค้า นอกจากนั้นยังมีบริการจัดการออเดอร์สินค้าให้อย่างเป็นระบบด้วย ช่วยให้สามารถจัดการออเดอร์และคำสั่งซื้อที่เข้ามาได้อย่างสะดวก สามารถจัดเตรียมสินค้าและแพ็คสินค้าได้ทันที ทำให้การจัดส่งสินค้าเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว
2.E-Fulfillment
E-Fulfillment คือ คลังสต๊อกสินค้าออนไลน์ที่มีการนำเอาเทคโนโลยีและเครือข่ายอินเตอร์เน็ตเข้ามาช่วย ทำให้สามารถบริหารจัดการสินค้าได้อย่างเป็นระบบมากขึ้น ธุรกิจสามารถค้นหาสินค้า ติดตามออเดอร์หรือติดตามสินค้าและเช็คสถานะสินค้าได้อย่างรวดเร็ว
3.Fulfillment Center
Fulfillment Center คือ คลังสินค้าออนไลน์ที่ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางสำหรับจัดเก็บและจัดส่งสินค้า เพื่อกระจายไปยังคลังสต๊อกสินค้าย่อยหรือจัดส่งไปให้ลูกค้า มีระบบจัดการคลังสินค้าและระบบสำหรับเชื่อมโยงข้อมูลต่างๆ ของสินค้าที่มีประสิทธิภาพ
หลักการทำงานของระบบ Fulfillment เป็นอย่างไร
1.เข้ารับสินค้า
หลักการทำงานของ คลังสินค้า Fulfillment เริ่มแรกคือการเข้ารับสินค้า ผู้ให้บริการคลังสินค้าออนไลน์จะมีบริการเข้ารับสินค้าเพื่อนำสินค้ามาจัดเก็บไว้ในคลัง โดยอาจมีคลังสินค้าหลายสาขาทั่วประเทศเพื่อสามารถจัดเก็บสินค้าไว้ใกล้กับลูกค้า
2.จัดเก็บสินค้า
หลังจากที่เข้ารับสินค้าจะมีการนำสินค้ามาจัดเก็บไว้ในคลังสินค้า การจัดเก็บสินค้าไว้ในคลังสินค้ามีระบบการจัดการสินค้าอย่างดี มีการแยกสินค้าออกเป็นหมวดหมู่หรือแบ่งโซนการวางสินค้า เพื่อให้การหยิบจับง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น มีการนับและติดบาร์โค้ดสินค้าทุกชิ้นเพื่อให้ง่ายต่อการบริหารจัดการสินค้าในคลัง
3.แพ็คสินค้า
เมื่อมีคำสั่งซื้อของลูกค้า ผู้ใช้บริการคลังสินค้าออนไลน์ ส่ง Order เข้าระบบหลังบ้าน หรือมีการเชื่อมต่อด้วย API โดยหน้าที่ของ Fulfillment คือเมื่อรับออเดอร์ที่ถูกส่งเข้ามา พนักงานจะทำการหยิบสินค้าออกมาจากคลัง และมีพนักงานมืออาชีพคอยแพ็คสินค้าให้ สินค้าไหนที่เปราะบางก็จะมีการใช้วัสดุกันกระแทกเพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับสินค้า
4.จัดส่งสินค้า
หลังจากที่แพ็คสินค้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ภายในคลังแบบ Fulfillment ก็จะมีพนักงานรับหน้าที่ต่อ เพื่อทำการจัดส่งสินค้าผ่านบริษัทผู้ให้บริการขนส่งต่างๆ โดยที่ธุรกิจไม่จำเป็นต้องเสียเวลาไปต่อคิวเพื่อจัดส่งเอง ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลาและต้นทุนของธุรกิจลง แถมยังช่วยให้สามารถจัดส่งสินค้าได้รวดเร็วขึ้นอีกด้วย
ข้อจำกัดที่ธุรกิจต้องเจอ หากไม่ใช้คลังสินค้าแบบ Fulfillment
1.หากไม่ใช้ระบบ Fulfillment การบริหารจัดการสต๊อกก็จะไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย และไม่มีประสิทธิภาพ
2.ธุรกิจมีต้นทุนที่สูงขึ้น จากการสร้างคลังสินค้าเพื่อเก็บสินค้าเอง หรือจากการจ้างคนมาช่วยแพ็คและส่งของเพิ่ม
3.มีโอกาสที่เมื่อมีออเดอร์สินค้าเข้ามาจำนวนมาก ก็อาจจะแพ็คของไม่ทัน หรือแพ็คของตกหล่น ส่งผลให้การจัดส่งล่าช้าตามไปด้วย
4.และเมื่อทำการจัดส่งสินค้าให้ลูกค้าไม่ทันกำหนด หรือจัดส่งล่าช้า ก็จะส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของธุรกิจ และทำให้ลูกค้ารู้สึกไม่พึงพอใจได้
การใช้คลังสินค้า Fulfillment มีข้อดีอะไรบ้าง
1.ไม่ต้องลงทุนสร้างคลังเก็บสินค้า
หากธุรกิจใช้บริการคลังสินค้าออนไลน์แบบ Fulfillment ก็ไม่จำเป็นต้องลงทุนสร้างโกดังหรือสร้างคลังจัดเก็บสินค้าด้วยเงินลงทุนที่มหาศาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณทำธุรกิจออนไลน์แล้วยังเป็นมือใหม่ ยังมีประสบการณ์น้อยและต้นทุนน้อย การเช่าคลังจัดเก็บสินค้านั้นถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากๆ
2.ไม่ต้องบริหารจัดการสต๊อกเอง
ข้อดีต่อมาของการเลือกเช่าคลังสินค้าออนไลน์ ก็คือธุรกิจไม่ต้องมาคอยดูแลหรือบริหารจัดการสต๊อกสินค้าเอง จึงช่วยลดภาระในการทำงาน และลดความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้น จากการดูแลงานทั้งหมดเองได้อีกด้วย เพราะหากธุรกิจจัดการสต๊อกสินค้าได้ไม่ดีหรือไม่ทั่วถึง ก็อาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดอย่างการเกิดสินค้าค้างสต๊อกขึ้นได้ ซึ่งจะส่งผลให้ธุรกิจเกิดต้นทุนที่ไม่จำเป็นและเสียโอกาสในการขายสินค้าได้
3.มีคนช่วยแพ็คของให้
หากคุณทำธุรกิจออนไลน์แล้วพบว่าออเดอร์เยอะขึ้น ธุรกิจของคุณขายดิบขายดี จนบางครั้งคุณทำงานเองไม่ทันต้องไปจ้างพนักงานช่วยแพ็คของมาช่วย แต่พนักงานเหล่านั้นดันแพ็คของไม่มีคุณภาพ ไม่เคยผ่านการฝึกอบรมและไม่มีประสบการณ์มาก่อน จากธุรกิจที่กำลังเติบโต ก็อาจทำให้ภาพลักษณ์ธุรกิจของคุณดูแย่ลงได้ หากแพ็คไม่ดีเสี่ยงทำให้สินค้าได้รับความเสียหาย ลูกค้าได้รับของไม่ดีตามไปด้วยแต่ถ้าใช้บริการ Fulfillment คุณไม่ต้องกังวลใจเลยเพราะพนักงานแพ็คของได้รับการฝึกอบรมมาเป็นอย่างดี แพ็คเร็ว แพ็คได้อย่างมีประสิทธิภาพแน่นอน
4.มีคนไปส่งของให้
การไปส่งของที่บริษัทขนส่งด้วยตนเอง คุณอาจพบเจอกับปัญหามากมาย อย่างเช่น ฝนตก รถติดหรือบางครั้งไปช้า ต้องไปต่อคิวนาน หรือบริษัทขนส่งปิด ทำให้คุณต้องเสียเวลาและต้องไปส่งของวันถัดไปแทน นอกจากเสียเวลาแล้วลูกค้ายังต้องรอสินค้านานขึ้น ส่งผลให้ภาพลักษณ์ของคุณดูแย่ลงได้ หากใช้บริการคลังสินค้าออนไลน์คุณไม่ต้องกังวลเลย เพราะจะมีคนคอยส่งของให้กับธุรกิจ ทำให้สามารถจัดส่งสินค้าได้อย่างรวดเร็ว
5.มีเวลาโฟกัสกับงานขายมากขึ้น
เนื่องจากการใช้บริการ Fulfillment นั้นจะมีคนช่วยคุณแพ็คของ ส่งของ และมีคนช่วยบริหารจัดการสินค้าในสต๊อกให้เป็นอย่างดี ทำให้ธุรกิจมีเวลาไปโฟกัสกับการขาย และงานด้านอื่นๆ มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนกลยุทธ์ต่างๆ การทำการตลาดหรือส่งเสริมการขายได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการจัดการงานหลังบ้าน จึงช่วยให้ธุรกิจมียอดขายที่เพิ่มขึ้นและเติบโตได้
Fulfillment Service ราคาเท่าไหร่ ใช้บริการแล้วจะคุ้มไหม?
สำหรับราคาค่าบริการ Fulfillment นั้นจะแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการ ค่าบริการเข้ารับสินค้า ผู้ให้บริการบางเจ้ามีบริการเข้ารับฟรีช่วยคุณประหยัดต้นทุนได้ ส่วนค่าบริการจัดเก็บสินค้าก็เริ่มต้นแค่หลักร้อยต่อเดือน ค่าบรรจุภัณฑ์ส่วนใหญ่คิดตามขนาดกล่องเริ่มต้นไม่แพงและค่าขนส่งที่คิดตามจริง
คลังสินค้าออนไลน์ Fulfillment เหมาะกับธุรกิจแบบไหน
บริการคลัง Fulfillment เหมาะกับคนทำธุรกิจออนไลน์ที่เริ่มกิจการมาได้ซักระยะหนึ่ง และมีปริมาณคำสั่งซื้อจำนวนมากในแต่ละวันจนเริ่มจัดการไม่ทัน นอกจากนี้ก็ยังเหมาะกับธุรกิจออนไลน์ที่ประสบปัญหาแพ็คสินค้าผิด สินค้าหาย สต๊อกไม่ตรง หาสาเหตุไม่ได้หรือไม่สามารถจัดการกับปัญหาเหล่านี้ได้ด้วยตัวเอง รวมถึงธุรกิจอาจจะไม่มีความเชี่ยวชาญมากพอ และไม่มีเวลาและต้นทุนในการจ้างคนมาช่วย ดังนั้นการเลือกเช่า Fulfillment ที่มีบริการอย่างครบวงจร ก็อาจจะตอบโจทย์มากกว่า
ปัจจัยในการพิจารณาเลือกใช้บริการ Fulfillment
1.ความน่าเชื่อถือของผู้ให้บริการ
ปัจจัยแรกเลยที่ต้องพิจารณาในการเลือกใช้ Fulfillment ก็คือความน่าเชื่อถือของผู้ให้บริการ โดยควรเลือกผู้ให้บริการที่มีประสบการณ์ในการให้บริการมาก่อน ซึ่งจะสามารถหาดูได้จากรีวิวของผู้ใช้งานจริง เพื่อประกอบการตัดสินใจก็ได้เช่นกัน
2.การมีบริการที่ครบครัน
ในการจะสามารถใช้บริการ Fulfillment ได้เต็มประสิทธิภาพและคุ้มค่านั้น ควรจะเลือกบริษัทผู้ให้บริการที่มีบริการอย่างครบครัน มีคลังสินค้าให้จัดเก็บสินค้า มีบริการเข้ารับสินค้า พร้อมบริการช่วยแพ็คและจัดส่งสินค้าให้ รวมถึงมีระบบจัดการคลังสินค้าที่เชื่อมต่อข้อมูลเข้ากับระบบหลังบ้านของธุรกิจได้ ก็จะยิ่งทำให้การทำงานต่างๆ ไร้รอยต่อมากยิ่งขึ้น
3.ความครอบคลุมของสาขา
เลือกผู้ให้บริการที่มีคลังจัดเก็บสินค้าหลายสาขาทั่วประเทศไทย ใกล้บ้านคุณ เพื่อให้คุณสามารถบริหารจัดการงานได้ง่ายหรือสามารถเดินทางเข้าไปตรวจเช็คสินค้าเข้าไปดูหน้างานจริงได้ ประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
4.ราคาค่าบริการ
ควรเลือกผู้ให้บริการ Fulfillment ที่มีราคาค่าบริการสมเหตุสมผล ให้บริการพื้นที่จัดเก็บสินค้าหรือคลังสินค้าเริ่มต้นหลักร้อยต่อเดือน มีบริการเข้ารับสินค้าฟรี ส่วนค่าบรรจุภัณฑ์นั้นส่วนใหญ่คิดตามขนาดกล่อง เริ่มต้นแค่หลักสิบ ค่าขนส่งคิดตามจริงไม่มีบวกเพิ่ม
จะเห็นได้ว่า Fulfillment นั้นมีความสำคัญอย่างมากต่อธุรกิจขายของออนไลน์ ช่วยในการอำนวยความสะดวกและจัดการงานต่างๆ หลังบ้านให้กับธุรกิจได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นงานด้านการจัดเก็บ แพ็ค และส่งสินค้า โดยที่ธุรกิจไม่ต้องเสียเวลามาคอยดูแลเอง ช่วยให้สามารถประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการทำงาน จึงทำให้คลังสินค้า Fulfillment ถือเป็นบริการที่น่าสนใจและตอบโจทย์มากๆ สำหรับธุรกิจทุกขนาดเลย ที่อยากเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและขยายธุรกิจให้เติบโต