AMPROAIR
น้ำยาแอร์ AMPROAIR
ในปัจจุบันนี้ไม่ว่าจะที่ทำงาน โรงเรียน โรงพยาบาล ร้านค้า หรือที่บ้าน รวมไปถึงรถยนต์ ส่วนใหญ่แล้วนั้นมักที่จะมีเครื่องปรับอากาศหรือเครื่องทำความเย็นเสมอ โดยอุปกรณ์เครื่องทำความเย็นต่างๆนั้นจะต้องใช้สารทำความเย็นเพื่อที่จะช่วยให้เครื่องนั้นสามารถที่ทำความเย็นได้ ซึ่งแน่นอนว่าหากเราต้องเลือกสารทำความเย็นไม่ดีอาจจะส่งผลเสียทำให้เกิดอันตรายและเสีย สำหรับในปัจจุบันนี้ “สารทำความเย็น” ส่วนใหญ่ที่นำมาใช้ในระบบเครื่องปรับอากาศนั้นจะเป็นสารระเภทของสาร CFCs ที่มีชื่อเต็มว่า Chloro Fluoro Carbons ที่มีคุณสมบัติพิเศษในเรื่องของการไม่มีกลิ่น ไม่มีพิษ จุดเดือดต่ำ ที่เหมาะสำหรับนำมาทำน้ำยาแอร์ ที่ในประเทศจะแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่
- R22 จัดว่าเป็นสารทำความเย็นรุ่นเก่าที่สุดที่นิยมมาในกลุ่มของช่างในเรื่องของการนำมาทำเป็นน้ำยาแอร์ และเติมลงในอุปกรณ์ห้องเย็น หรือแอร์เป็นหลัก เนื่องจาก R22 เหมาะกับคอมเพรสเซอร์ชนิดโรตารี่ ลูกสูบ ก้นหอย สกรู หรือชนิดหอยโข่ง ที่ในประเทศไทยนิยมใช้กันเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากในเวลาที่น้ำยาแอร์ขาด สามารถเติมน้ำยาแอร์เข้าไปได้เลย แต่มีข้อเสียของ R22 ก็คือ จะเป็นสารที่ทำลายโอโซนในอากาศมากกว่า R410A และ R32 ทีสำคัญต้องบอกเลยว่ารัฐบาลกำลังจะทำการสั่งให้เลิกใช้น้ำยาตัวนี้ในอนาคต หลังจากพบว่าน้ำยา R22 มีผลต่อการทำลายโอโซนในชั้นบรรยากาศโลก จึงมีการแนะนำให้ทำการเปลี่ยนมาใช้สารก่อความเย็นอย่าง R410A ที่ค่า ODP เป็น 0 หรือไม่ทำลายโอโซนเลย
- R410A เป็นสารทำความเย็นที่มีการพัฒนาขึ้นมาเพื่อที่จะทำการทดแทนเป็นสารทำความเย็นอย่าง R22 โดย R410A จะมีประสิทธิภาพการทำความเย็นที่ดีกว่า R22 และทำให้เครื่องทำความเย็นนั้นใช้พลังงานที่น้อยลง ไม่เพียงแต่เท่านั้นยังช่วยในเรื่องของการปล่อยสารที่เป็นตัวทำลายโอโซนออกมาด้วย แต่ข้อเสียของ R410A นั้นก็คือ ในเรื่องของราคาที่มีราคาสูงกว่า R22 ที่สำคัญในการเปลี่ยนถ่ายน้ำยาแอร์ของ R410A จะต้องทำการถ่ายน้ำยาเก่าทิ้งทั้งหมดก่อนเติม
- R32 เป็นเป็นสารทำความเย็นที่พัฒนามาจาก R410A ทั้งนี้ก็เพื่อที่ว่าจะทำให้ระบบนั้นดีขึ้น ไม่มีสารทำลายโอโซนในชั้นบรรยากาศโลกและที่สำคัญ R32 ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อนน้อยกว่า R410A ถึง 3 เท่า นอกจากนี้ต้องลอกเลยว่า ยังมีราคานั้นถูกกว่าน้ำยา R410A แถมในเวลาที่น้ำยาแอร์ขาด ยังสามารถที่จะทำการเติมน้ำยาเข้าไปได้เลย ไม่ต้องเอาของเก่าออกแอร์ได้ทันที มีข้อเสียที่ติดไฟได้เล็กน้อย ต่างจากน้ำยาตัวอื่นๆ ที่ไม่ติดไฟ ส่วนใหญ่แล้ว R32 นิยมนำไปใช้กับ นำมาใช้ในแอร์ขนาดเล็กที่ต่ำกว่า 24000 บีทียู ซึ่งแอร์รุ่นใหม่กำลังทยอยปรับให้ใช้กับขนาดเล็กได้
ทั้งหมดนี้ คือ สารทำความเย็นที่ใช้ในประเทศไทยเป็นส่วนใหญ่ และแน่นอนว่าหลังจากทำความรู้จักกันกับประเภทของสารทำความเย็นกันไปแล้วนั้นก็มาถึงในส่วนของผลิตภัณฑ์ที่ทาง AMPROAIR จำหน่าย โดยที่นี้จะทำการจำหน่ายน้ำยาแอร์และสารทำความเย็นในแบบ ขายพร้อมถัง (Disposable cylinder) แบบยืมท่อ (Refillable cylinder) และแบบท่อตัน (Ton tank) และชนิดบรรจุในรูปแบบกระป๋องเพื่อการใช้งานง่าย รวมไปจนถึงจำหน่ายสารใช้ล้างทำความสะอาดระบบ (Solvent) ที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็นด้วย โดยทางบริษัทจะทำการจำหน่ายอยู่ 2 ยี่ห้อ ได้แก่
- สารทำความเย็นของ DBB ที่มีคุณภาพดีและต่างเป็นที่ยอมรับในหมู่ช่างแอร์มาอย่างยาวนานในเรื่องของการนำไปใช้ในระบบทำความเย็น ที่มีทั้งแบบถัง ที่พกพาสะดวกใช้งานง่ายและมีความปลอดภัย มีให้เลือกซื้อทั้ง R-22 R-410a R-404 R-32 นอกจากนี้แล้วยังมีน้ำยาล้างระบบ R141b แบบถัง 30, น้ำยาแอร์ตู้เย็น R600a แบบกระป๋อง 480ml., น้ำยาแอร์ R404A DBB 10.9 kg. และ น้ำยาแอร์ R410A DBB 3 kg.
- สารทำความเย็นของ FORANE จากประเทศฝรั่งเศส มีคุณภาพดีและเป็นที่ยอมรับในวงการน้ำยาแอร์และระบบทำความเย็น มีทั้งแบบถัง ที่พกพาสะดวกใช้งานง่ายและมีความปลอดภัย ใช้สำหรับเครื่องปรับอากาศทุกชนิดและเครื่องทำความเย็นทุกประเภทตามมาตรฐานที่ตัวเครื่อง โดย ORANE สารทำความเย็นคุณภาพดี r22 , r410a , r134a , r404a , r507 , r407c และ r407f
ทั้งหมดนี้คือ สารทำความเย็นที่ทางบริษัทจำหน่าย โดยหากใครสนใจสามารถที่จะเข้าไปดูผลิตภัณฑ์ได้ที่ https://www.amproair.com/ หรือใครที่อยากที่จะติดต่อสอบถามก็สามารถที่จะติดต่อได้ผ่านทางช่องทางต่าง ๆ ดังนี้ Tel: 0952535298, Facebook: amproair, Line ID: amproair, Email: amproair@gmail.com นอกจากนี้แล้วหากเป็นลูกค้าประจำหรือซื้อสารทำความเย็นในปริมาณที่มากยังจะได้รับสิทธิพิเศษมากมายทั้งนี้รวมไปถึงส่วนลดในเรื่องของราคาที่จะได้อีกด้วย