หากคุณเป็นคนขับรถกระบะ และมีอาชีพเกี่ยวกับการขนส่งหรือบรรทุกสิ่งของ การทำประกันภัย เป็นการช่วยเหลือให้คุณรับความเสี่ยงน้อยลง เพื่อให้คุณสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้นั่นเอง โดยการทำประกันสำหรับรถที่ขนส่งของนั้น คุณจะต้องเลือกกรมธรรม์ที่เหมาะสมกับการทำธุรกิจ เพื่อให้ได้รับความคุ้มครองแบบที่ต้องการนั่นเอง แต่ถ้าคุณสงสัย และอยากทราบว่า ถ้าจะเลือกประกัน รถกระบะบรรทุกของ ควรทำประกันแบบไหนดี เรามาตอบข้อสงสัยของคุณ ดังนี้
ประกันภาคบังคับ
สำหรับการทำประกันภาคบังคับ เป็นเงื่อนไขทางกฎหมายที่กำหนดให้ผู้ที่มียานพาหนะของตนเอง จะต้องทำประกัน ที่เราเรียกกันกันว่า “พ.ร.บ.” นั่นเอง โดยคุณจะต้องต่ออายุทุกครั้งที่ครบกำหนด โดยประกันในรูปแบบนี้จะช่วยคุ้มครองผู้ขับและผู้ประสบอุบัติเหตุจากกรณีที่คุณเป็นผู้ขับแล้วเกิดอุบัติเหตุชนผู้อื่นนั่นเอง โดยการต่ออายุนั้น หากต่ออายุครั้งแรกจะมีอายุ 2 ปี ครั้งต่อ ๆ ไปจะมีอายุ 5 ปี
ประกันแบบสมัครใจ
ประกันแบบสมัครใจ มีให้เลือกทั้งชั้น 1 2 และ 3 หากไม่ทราบว่ารถกระบะบรรทุกของ ควรทำประกันแบบไหนดี คุณสามารถเลือกได้ว่าต้องการทำประกันในรูปแบบใด ต้องการประกันตนเอง หรือต้องการประกันผู้ที่ได้รับความเสียหาย ในกรณีที่คุณเฉี่ยวชนผู้อื่นด้วย ซึ่งประกันชั้น 1 นั้นเหมาะกับผู้ที่มีความต้องการที่จะคุ้มครองสำหรับรถกระบะส่วนบุคคล แต่สำหรับชั้น 2 หรือ 2 + นั้น สามารถให้ความคุ้มคุ้มครองสำหรับผู้ที่มีรถสาธารณะหรือรถสำหรับธุรกิจ ผู้ที่มีรถกระบะบรรทุกของอย่างคุณ ก็ควรทำเช่นเดียวกัน เพื่อการคุ้มครองผู้อื่นและรถยนต์ที่เกิดความเสียหายด้วยเช่นกัน
ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นประกันในรูปแบบใดก็ตาม คุณควรที่จะศึกษาก่อนที่จะทำประกันตามความสมัครใจ เพื่อให้ได้รับความคุ้มครองสูงสุดทั้งคุณผู้ขับรถและผู้ที่เป็นคู่กรณีนั่นเอง เมื่อคุณได้เลือกทำประกันสำหรับรถกระบะของคุณแล้ว ก็สามารถช่วยให้สามารถลดภาระค่าใช้จ่ายสำหรับการชดเชยให้กับผู้เสียหายและการซ่อมรถกระบะบรรทุกสินค้าของคุณด้วย เรียกได้ว่า เมื่อมีประกันภัยก็หายห่วงได้แน่นอน
เป็นอย่างไรบ้างคะ ? สำหรับผู้ที่มีรถกระบะ และกำลังเลือกทำประกัน แต่ยังไม่แน่ใจว่า รถกระบะบรรทุกของ ควรทำประกันแบบไหนดี คุณก็ควรที่จะศึกษาประกันของแต่ละบริษัท รวมถึงเปรียบเทียบกรมธรรม์ระหว่างแต่ละบริษัทและแต่ละชั้น ว่าจะต้องเลือกบริษัทใดและประกันกรมธรรม์ชั้นใดจึงจะให้ความคุ้มครองได้อย่างที่คุณต้องการ และชดเชยค่าเสียหายต่าง ๆ ให้คู่กรณีได้อย่างเหมาะสมเมื่อเกิดอุบัติเหตุนั่นเอง เพียงเท่านี้ คุณก็สามารถใช้รถกระบะบรรทุกของได้อย่างสบายใจแล้ว