แพทย์จวกคำสั่งกรมบัญชีกลางออกคำสั่ง “จำกัดยามะเร็ง” ลิดรอนสิทธิ หวั่นผู้ป่วยรักษาไม่ได้ผลทำวงการแพทย์ไทยถอยหลังลงคลอง
แพทย์จวกกรมบัญชีกลาง “ออกคำสั่ง” ลิดรอนสิทธิการรักษาพยาบาลผู้ป่วยมะเร็ง หวั่นทำวงการแพทย์ไทยถอยหลังลงคลอง ชี้คำสั่งที่ออกมามีแต่จำกัดงบประมาณ แต่ไม่คำนึงถึงมาตรฐานการรักษา ไม่นึกถึงชีวิตคนไข้ แก้ปัญหาไม่ตรงจุดและขาดมาตรฐานในการตัดสินโดยไม่ดูผลกระทบอย่างรอบด้าน ทำวงการแพทย์ปั่นป่วนและล้าหลัง นับเป็นความล้มเหลวของระบบสาธารณสุขของประเทศไทย
แพทย์หญิงเชิดชู อริยศรีวัฒนา กรรมการแพทยสภา และที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ กรรมาธิการสาธารณสุข ที่ปรึกษาสำนักกฎหมายการแพทย์ กรมการแพทย์ ซึ่งเข้าร่วมการสัมมนาหัวข้อ “แนวทางการเข้าถึงยารักษาโรคมะเร็งในผู้ป่วยสิทธิสวัสดิการการรักษาพยาบาลข้าราชการ” กล่าวว่า จากกรณีที่กรมบัญชีกลางออกหนังสือ 2 ฉบับ เกี่ยวกับการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งและโลหิตวิทยา“ระบบ OCPA” โดยอ้างว่าเป็นการปรับปรุงโครงการเบิกจ่ายตรงสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งนั้นจริงๆแล้ว ให้เบิกตรงแค่ยา 9 รายการ และบางข้อบ่งใช้เท่านั้น
เนื่องจากงบประมาณไม่เพียงพอ คำสั่งที่ออกมาถือเป็นคำสั่งที่ลิดรอนสิทธิการรักษาพยาบาลของผู้ป่วยและของแพทย์ด้วย เพราะคำสั่งนี้บีบบังคับให้แพทย์ต้องกลับไปใช้ยาเก่าๆ ที่ไม่มีประสิทธิภาพในการรักษา ไม่ต่างอะไรกับการผลักคนไข้ให้ไปตายเร็วขึ้น หรือสูญเสียงบประมาณเพิ่มขึ้นในภายหลัง เพราะเมื่อให้ยาไปแล้วไม่เกิดผลทางการรักษา เซลล์มะเร็งก็จะดื้อยา และสุขภาพผู้ป่วยก็จะเสื่อมลงเรื่อยๆ สุดท้ายก็จะเสียชีวิตไปในที่สุด
ซึ่งโดยส่วนตัวคิดว่า การแก้ปัญหาเรื่องงบประมาณของกรมบัญชีกลาง เป็นการทำให้วงการแพทย์ล้าหลัง แทนที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะได้เรียนรู้นวัตกรรมยารักษาโรคมะเร็งใหม่ๆ แต่กลับต้องมาใช้ยาเก่าล้าหลังเป็น 10 ปี มันคือความล้มเลวของระบบสาธารณสุขไทย“รัฐบาลและกรมบัญชีกลางควรกลับไปแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ
โดยการทำความเข้าใจกับประชาชน เรื่องระบบหลักประกันสุขภาพ หากเงินในระบบทั้งหมดไม่เพียงพอ ควรผลักดันให้เกิดระบบการจ่ายร่วมเหมือนในต่างประเทศ ไม่ใช่ห่วงแต่เรื่องงบประมาณที่ประหยัด โดยไม่คำนึงถึงชีวิตคน ที่สำคัญต้องเร่งแก้ไขระบบ OCPA ไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการรักษาและเป็นภาระต่อผู้ป่วยมะเร็ง”
ทางด้าน คุณรัตนาภรณ์ โพธิประสาท อายุ 55 ปี ข้าราชการ สังกัดกรุงเทพมหานคร ป่วยเป็นมะเร็งที่เต้านมระยะลุกลามไปที่ตับ โดยตรวจพบตั้งแต่ปี 58 ได้เล่าให้ฟังว่า ช่วงที่ป่วยเครียดมาก เพราะค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคมะเร็งถือว่าหนักมาก แต่โชคดีที่มีสิทธิในการเบิกค่ารักษาพยาบาล ตอนนั้นคุณหมอตัดสินใจให้ยาฉีดและยากิน ที่นำเข้าจากต่างประเทศเพราะมีความจำเป็นต้องรีบรักษาอย่างเร่งด่วน พอให้ไปแล้วรู้สึกอาการดีขึ้นมาก
จากคนไม่มีเรี่ยวแรง เดินไม่ได้ พูดไม่ได้ ทานอาหารไม่ได้ ร่างกายค่อยๆ ฟื้นฟูขึ้น จนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติ ซึ่งตอนนั้นเรารู้สึกเหมือนมีปาฏิหาริย์ให้เรามีชีวิตรอดอีกครั้ง
“แต่ตอนนี้รู้สึกหมดหวังมากๆ เพราะล่าสุดกรมบัญชีกลางได้ตัดสิทธิการเบิกจ่ายในการรักษาโรคมะเร็ง ซึ่งยาตัวที่เคยได้รับก็ถูกตัดออกจากบัญชีเบิกจ่ายตรง ล่าสุดเพิ่งไปให้ยามา ปรากฏว่ายาตัวใหม่ที่หมอให้ทดแทนยาเดิม มีเอฟเฟคเยอะมาก ทานเข้าไปแล้วปวดกระดูก เดินไม่ไหว ทำให้เราปวดกระดูกมากอยากถามว่า กรมบัญชีกลางใช้มาตรฐานอะไรในการชี้วัด
เพราะหากแพทย์วินิจฉัยว่าการรักษานั้นจำเป็น การที่ทำอาชีพรับราชการเพราะเขาหวังแค่เงินค่ารักษาพยาบาล ลำพังเงินเดือนคงไม่พอ แต่ตอนนี้ข้าราชการถูกตัดสิทธิหลายๆ อย่างออกไป อย่ามองว่าข้าราชการเป็นภาระ แต่ให้มองว่าเราคือ คนที่ทำงานเพื่อประชาชน และประเทศชาติ เราไม่ได้คาดหวังอะไร เพียงแต่อยากได้สิทธิการรักษาเวลาเจ็บป่วย ถ้าทำแบบนี้คงไม่มีใครจะอยากมารับราชการ กรมบัญชีกลางควรหาทางออกที่ดีกว่านี้”