สกู๊ปภาพข่าว: โชว์งานแสดงศิลปะรูปปั้นสำริดครั้งแรกของปิยทัต เหมทัต “หิมพานต์”
สกู๊ปภาพข่าว: โชว์งานแสดงศิลปะรูปปั้นสำริดครั้งแรกของปิยทัต เหมทัต “หิมพานต์” เปิดแล้ววันนี้ –7 มิถุนายนนี้ ณ แกลเลอรี่ โอเอซิส สุขุมวิท 43
หลังจากประสบความสำเร็จจากผลงานการภาพถ่ายนำไปแสดงในระดับโลกมามากมาย วันนี้ ปิยทัต เหมทัต ได้ถ่ายทอดงานการแสดงศิลปะรูปปั้นสำริดครั้งแรกภายใต้ชื่อ หิมพานต์ EDEN” ตอน 2 ผ่านการถ่ายทอดแนวคิดผ่านการสร้างงานในสวนสวรรค์ ที่คาดหมายให้สวนเป็นดินแดนแห่งการสัมผัส : สี, กลิ่น, น้ำ, นกร้อง ในนานาตำนานสวรรค์คือ สวน – อีเดน, เอลิสเซียม, หิมพานต์
แต่ ปิยทัต เหมทัต ก้มหน้าก้มตาสร้างงานในสวนสวรรค์เพื่อบันดาลสวนแห่งจิตวิญญาณที่ค้นหาหนทางหลุดพ้นจากการจองจำของรูปรสกลิ่นสี แม้กระนั้น ความกอธิคแต่เซนของหิมพานต์ป่านี้หอมฟุ้งด้วยกลิ่นควันของพืชศักดิ์สิทธิ์ ที่หมอผีทุกยุคทั่วโลกเรียกว่า ‘ครู’ อบอวลออกมาจากบ้องสำริดซึ่งหัวเคลิ้มฝันสีเขียว, สีดำ และทองสามหัวกำลังจิบอย่างครุ่นคิด
ทั้งที่ผลงานผลิตขึ้นมาอย่างละเมียดละไมโดยเทคนิคคลาสสิค รูปปั้นสำริดเหล่านี้มีความเรียบง่ายและความขลังดังโบราณวัตถุก่อนประวัติศาสตร์จากอีสานยุคสำริด (บรอนซ์เอจ) ซึ่งไม่น่าแปลกใจ เพราะถึงแม้ว่าศิลปินจะหล่อหลอมฝีมือมาจากประเพณีการช่างของตะวันตก เขาได้รับการฝึกฝนด้านงานสำริดที่อุบลฯ ดินแดนที่เต็มไปด้วยร่องรอยของอารยธรรมโบราณกาลและแม้ว่ารูปปั้นเหล่านี้จะเป็นวัตถุของแข็ง มันกลับพาเราไปสู่มิติแห่งอากาศธาตุ ไม่ใช่แห่งความเพ้อฝันแต่แห่งความจริงเหนือโลก : อสรพิษแห่งสวนอีเด็นที่ทั้งเย้ายวนและชวนแขยง แปลงร่างเป็นมือกวักเรียกและลูกกะตาที่จ้องมอง ;‘สมองงู’ ที่ยั้วเยี้ยและ ‘หัวใจงู’ ที่งอกเงย ;‘บ้องแอปเปิ้ล’ ที่ผู้ใช้ต้องดูดควันออกมาจากปากช่องคลอด – ประตูที่เราทุกคนผ่านเข้ามาสู่โลกนี้ ; ทรงคล้องสร้อยนาคปรกห้าเศียร (อายตนะทั้ง5) องค์พระศิวะหยิบยื่นดวงจิตสำนึกให้เรารู้ชั่วและดี แก่โลกที่ใส่ร้ายป้ายสีกัญชา – ของขวัญจากหิมาลัยที่ท่านประทานมาช่วยเบิกตาที่สามของมวลมนุษย์ – เป็นดั่งผลไม้ต้องห้าม
ปมย้อนแย้งที่บิดขดตัวของมันผ่านจิตและสองมือของศิลปินรวบสรุปอยู่ใน ‘ลิงไล่หางงู’ เมื่อย้อนกลับสู่สภาพดิบเดิมของตนในวันเริ่มแรกของการผจญภัยกับเทคโนโลยี ขณะที่เขายืนมองหางงูที่กำลังเลื้อยจากไป ต้องถามว่าไม่ในมือของมนุษย์วานรนั้น เป็นอาวุธหรือว่าไม้เท้าของนักแสวงบุญ? เขาช่างดูพิศวง ราวกับถูกสะกดด้วยความไม่กล้าตัดสินใจ : เขาอาจวิ่งหาความรู้ต้องห้ามนั้น หรือเพียงแค่ไล่ตามสมองส่วนสัญชาตญาณอันเป็นมรดกจากรากเหง้าที่เคยเป็นสัตว์เลื้อยคลาน หรือว่าเขาอาจกำลังไล่มันไปให้พ้น และหมิ่นเมินความใคร่รู้ที่จะผลักดันให้เขาพิชิตโลก พลางเข่นฆ่าความบริสุทธิ์ของตัวเอง แต่ผลไม้ต้องห้ามจากหิมพานต์ของพระศิวะนำมาซึ่งการหลุดพ้น ละลายเขาออกจากบ่วง มานอนห้อยหัวและสุดท้ายจางหายไป แน่นอนว่า ในโลกวัตถุแห่งโสตสัมผัส การตรัสรู้ย่อมเป็นผลไม้ต้องห้ามสำหรับเรา
ปิยทัต : “ถ้าเราไม่ได้ลิ้มรสแอปเปิ้ลของแม่อีฟ เราก็จะไม่มีความคิดสร้างสรรค์ ไม่มีอาวุธ และไม่มีศิลปะด้วย เราถูกลงโทษตกจากสวรรค์ แต่ความรู้ต้องห้ามก็อาจสิงสู่เราด้วยสัจธรรม นำพาให้เราปลดปล่อยตัวเองจากบ่วงทั้งหลายทั้งปวง”
......................................